“เสียดายอะไร? พวกเราเป็นเพื่อนกันนายจะกลัวอะไร? นายชอบผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย ถึงคู่หมั้นฉันจะเป็นราชาจอมหึง แต่เขารู้รสนิยมทางเพศของนาย เขาเป็นศัตรูหัวใจกับนายไม่ได้หรอก อีกอย่างเขาก็ไม่มีทางขัดหูขัดตานาย ดังนั้นพวกเราเป็นเพื่อนกันได้”
เสี่ยวเชี่ยนขัดจังหวะความคิดของหลี่เจิ้น
หลี่เจิ้นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้กับคำพูดของเธอดี
“คุณรู้ว่าผมไม่ได้หมายความแบบนั้น—”
“อ่อ นายกลัวฉันหึง กลัวว่านายจะถูกใจเสี่ยวเฉียงของฉันขึ้นมางั้นสิ? เป็นไปไม่ได้ใหญ่ พวกนายจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน บทการ์ตูนแบบนี้สืออวี้เอาไปวาดก็บ่อย แถมยังตั้งชื่อซะสวยหรู พันธนาการต้องห้ามอะไรบ้าบอ ถุย ก็แค่นิยายการ์ตูนเพ้อฝันที่ทำให้คนเข้าใจผิด คนใกล้ตัวเขาไม่กินกันเองหรอก”
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” ก่อนหน้านี้หลี่เจิ้นไม่สังเกตเห็นเลยว่าเสี่ยวเชี่ยนจะขัดจังหวะเก่งแบบนี้
“งั้นนายหมายความว่า กลัวว่านายกับเสี่ยวเฉียงเกิดถูกใจกันเองแล้วฉันจะหึง? วางใจได้ ตราบใดที่ฉันยังอยู่ เขาไม่มีทางไปตกหลุมรักผู้ชายหรือผู้หญิงหน้าไหน เรื่องนี้ฉันพอจะมีความมั่นใจอยู่”
“ผมไปตายดีกว่า” ความคิดหมดหวังของหลี่เจิ้นเมื่อครู่ถูกเสี่ยวเชี่ยนทำสับสนไปหมด ผู้หญิงคนนี้บุคลิกแตกต่างสุดขั้ว บางครั้งก็หนักแน่นดั่งขุนเขา บางครั้งก็เพี้ยนเหมือนคนบ้า
“ตายเลย นายตายพ่อนายจะได้ผิดหวังไปตลอดชีวิต ก่อนหน้านี้เขาตำหนิตัวเองที่ไม่ได้สั่งสอนนายให้ดี ต่อไปเขาก็จะรู้สึกผิดที่ไม่ได้ดูแลนายให้ดี แม่นายขนาดตอนนี้ยังเป็นแบบนี้ ถ้ามีอะไรทำให้สะเทือนใจอีกอาจล้มหมอนนอนเสื่อจนตายเลยก็ได้ เชงเม้งทุกปีฉันต้องหิ้วของไปไหว้อีก ต้นทุนมันสูงอยู่นะ…”
หลี่เจิ้นโมโหแทบบ้า “ทำไมคุณถึงได้ปากร้ายแบบนี้นะ? คุณแค้นอะไรผมก็มาลงที่ผมนี่ ทำไมต้องแช่งให้พ่อแม่ผมตายไวๆด้วย?”
“นี่ไม่เรียกแช่ง นี่คือประสบการณ์หลายปีของแพทย์คลินิก หลี่เจิ้นนายจะไม่เชื่อฉันก็ได้ แต่นายไม่เชื่อในวิชาชีพของฉันไม่ได้ ถ้านายตายตอนนี้ วิญญาณนายก็จะไม่ไปไหน นายจะมองเห็นอย่างชัดเจนว่าพ่อแม่นายเป็นยังไง ความรู้สึกที่คนหัวหงอกต้องมาส่งคนหัวดำนายเข้าใจไหม?”
“แล้วความรู้สึกที่เหมือนตายทั้งเป็นคุณเข้าใจหรือเปล่า? สภาพผมทุเรศขนาดนี้อย่างกับเด็กทารก คุณดูสิว่าผมใส่อะไร ทำไมผมต้องมีชีวิตอยู่อย่างไร้ค่าแบบนี้ด้วย”
“นายคิดว่าไร้ค่า แต่พ่อแม่นายกลับคิดว่าการที่นายยังมีลมหายใจมันคือความหวังสุดท้ายของพวกเขา นักกีฬาที่เป็นอัมพาตคนนั้นทุกคืนเขาจะร้องไห้จนเช้า แต่พอเจอคนในครอบครัวก็พยายามฝืนร่าเริง นายรู้ไหมว่าทำไม? เพราะเขารู้ว่าต่อให้มีชีวิตอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี พ่อแม่ ลูกกับภรรยาของเขาก็ยังรู้สึกว่าชีวิตมีความหวัง นายก็แค่มีรสนิยมทางเพศไม่เหมือนคนอื่น แต่นายเป็นผู้ชาย นายมีความรับผิดชอบมีหน้าที่ อุปสรรคแค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วเหรอ?”
“ทำไมผมจะไม่อยากเข้มแข็ง แต่คุณบอกผมทีว่าผมมีชีวิตอยู่แบบนี้ยังจะมีความหมายอะไร? ตั้งแต่ตรงนี้ลงไปผมไม่มีความรู้สึกเลยสักนิด ขายังอยู่บนตัวผมแต่มันทำอะไรไม่ได้เลย ผมนอนอยู่บนเตียง พ่อแม่ทะเลาะกันอยู่ข้างนอกเพราะเรื่องของผม พวกเขาคิดว่าผมหลับแล้ว แต่จริงๆผมได้ยินหมด สภาพผมเป็นแบบนี้ ผม…”
หลี่เจิ้นพูดไม่ออกอีกต่อไป อารมณ์ที่เขาอัดอั้นมานานได้ระเบิดออกมา นับตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็ไม่ได้พูดคุยกับใครมากมายขนาดนี้มาก่อน อย่าว่าแต่อาละวาดเลย แค่พูดยังไม่พูด อารมณ์ความรู้สึกอัดอั้นอยู่ในใจมาตลอด เสี่ยวเชี่ยนค่อยๆทำให้เขาระบายออกมาทีละนิด ทำให้ความอัดอั้นที่มีถูกปลดปล่อย
เวลานี้พ่ออวี๋แม่อวี๋และพ่อหลี่ต่างกำลังมองผ่านกล้องวงจรปิด ถึงจะไม่ได้ยินเสียงแต่ก็รู้สึกได้ว่าหลี่เจิ้นกำลังโมโห
“ไม่ได้ จะทำให้เขาสะเทือนใจไม่ได้ ผมต้องไปห้ามเด็กคนนี้ เขามีความแค้นอะไรก็มาลงที่ผมนี่ อย่าทำแบบนี้กับหลี่เจิ้น”
พอเงยหน้าก็เห็นอวี๋หมิงหลางที่มาแบบเต็มยศ
“เจ้าเล็กมาได้ยังไง? มาตั้งแต่เมื่อไร?” พ่ออวี๋แม่อวี๋เห็นลูกชายตัวเองแล้ว เมื่อครู่พวกเขาจิตใจจดจ่ออยู่ที่หน้าจอเลยไม่ทันได้สังเกตว่าอยู่หมิงหลางมายืนอยู่ข้างหลังพวกเขาตั้งแต่เมื่อไร
“มาได้สักพักแล้วครับ”
ไม่ช้าไม่เร็ว มาทันเห็นเสี่ยวเชี่ยนยั่วโมโหหลี่เจิ้นพอดี
“เจ้าเล็ก อ่านปากคนเป็นไม่ใช่เหรอ รีบมาดูซิว่าสองคนนี้พูดอะไรกัน” แม่อวี๋ถาม
พ่อหลี่รอไม่ไหวจะลุกขึ้นยืน “ผมจะเข้าไป ความโกรธแค้นทั้งหมดเอามาลงที่ผมนี่ อย่าไปลงกับหลี่เจิ้น”
“นั่งลง” อวี๋หมิงหลางเอามือกดตัวพ่อหลี่ให้นั่งลง
พ่อหลี่จ้องเขาด้วยความโมโห “เจ้าเล็ก เราคิดจะทำอะไร”
“อาอย่าทำเสียเรื่อง คู่หมั้นของผมกำลังรักษาหลี่เจิ้น หลี่เจิ้นบอกว่าเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว อยากไปตาย คู่หมั้นของผมกำลังทำให้เขาได้ปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจ นี่เป็นวิธีรักษาของจิตแพทย์ อาไปหาหมอเก่งๆแบบนี้ข้างนอกไม่ได้หรอกครับ”
“หา…เขาไม่อยากอยู่ต่อแล้ว?” พ่อหลี่สะเทือนใจ เอามือปิดหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่ให้ใครเห็นน้ำตาที่ไหลออกมา
“ไม่ต้องเครียดครับ ดูนั่น คู่หมั้นผมจะยิ้มมุมปากทีละนิด สายตาเปล่งประกายความมั่นใจ หน้าเชิ่ดเล็กน้อย ผมเคยสังเกตดู ถ้าเขามีสีหน้าลักษณะแบบนี้ก็แสดงว่าเขามีความมั่นใจว่าเอาอยู่แน่ พวกอาอย่าเข้าไปขัด ปล่อยให้พวกเขาคุยบำบัด[1]กันต่อ”
“เคมีบำบัด?” แม่อวี๋ถาม
“ไม่ใช่อย่างที่แม่คิด ผมหมายถึงการบำบัดด้วยการพูดคุยของจิตแพทย์ เขาเรียกว่าคุยบำบัด อย่ากวนสมาธิสิครับ ผมต้องอ่านปากว่าเธอพูดว่าอะไร โรงพยาบาลนี้ติดตั้งอุปกรณ์ไม่ได้เรื่องมีแต่ภาพไม่มีเสียง?”
การอ่านภาษาปากเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก อวี๋หมิงหลางแทบจะไม่ละสายตาไปไหน
ว่าที่ภรรยาที่แสนสวยของเขา ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันสวยขึ้นอีกแล้ว~
โดยเฉพาะสีหน้าที่คุมสถานการณ์ด้วยความมั่นใจนั่น เขาอยากจะเข้าไปจับจูบจริงๆ อวี๋หมิงหลางรู้สึกหมั่นเขี้ยวมาก แต่จะไปทำเสียเรื่องระหว่างที่แฟนกำลังหลอกคนไม่ได้ ไม่ใช่สิ กำลังรักษาคน ทำได้แค่เก็บความอยากไว้ในใจ แล้วจับจ้องไปที่หน้าจอ
“เสี่ยวเชี่ยนพูดว่าไงบ้าง?”
“เธอกำลังยั่วยุอารมณ์หลี่เจิ้น ให้เขาได้ระบายความท้อแท้หมดหวัง จากนั้น…โอ๊ะ เป็นขี้เมาด้วย? เรื่องชอบดื่มเหล้านี่ปิดบังผมเอาไว้ คราวก่อนโกหกผมว่าดื่มไม่เป็น…”
“อะไรนะ?” แม่อวี๋ได้ยินไม่ชัด
“อย่าพูดสิครับ ผมกำลังดูอยู่” อวี๋หมิงหลางตัดสินใจแล้วว่า ไว้มีโอกาสจะลองทดสอบความคอแข็งของขี้เมาคนนี้ ผู้หญิงจอมหลอกลวง กินเหล้าขาวได้ตั้งครึ่งขวดยังจะบอกคนอื่นว่าไม่ให้บอกเขาอีก?
หึ เขารู้แล้ว
“อย่ามาห้ามฉัน ฉันจะไปดูลูกชาย” ด้านนอกมีเสียงผู้หญิงโวยวายดังขึ้น ทุกคนรู้ทันที
อาหญิงมาแล้ว
มาทำไมตอนนี้?
[1] คำศัพท์พ้องเสียงกับคำว่าเคมีบำบัด