ตอนที่ 77 สมาคมตระกูลชิ่ง

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

ก่อนหน้านี้เพราะนึกว่าได้บรรลุรู้แจ้งความลับของป่าแล้วจึงคุยกันอย่างมีความสุขได้ ตราบใดที่อยู่ห่างจากป่า ตอนกลางคืนย่อมปลอดภัย

แต่ตอนนี้มันเป็นอะไรแล้ว เสียงโซ่ลากพื้นดังบาดหูเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นเรื่อยๆ ตัวอะไรกันถึงไปไหนมาไหนพร้อมลากโซ่ไปได้ด้วย หรือว่าโซ่ที่ล่ามมันไว้เกิดหลุดอย่างนั้นหรือ

เขาจิ้งซานนี่มันเป็นสถานที่อะไรกันแน่ ทำไมถึงมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นเต็มไปหมด

เสียงโซ่ลากพื้นบาดหูนี้ราวกับตามแสงไฟในถ้ำมา มันค่อยๆ เข้าใกล้ชายป่าแล้ว

เริ่นเสี่ยวซู่ หยางเสียวจิ่น และสูเสี่ยนฉู่ปลดเซฟตี้ของปืน เตรียมยิงไปทางแหล่งกำเนิดเสียงนั้น

แทบขณะเดียวกันนี้ หยางเสียวจิ่นก็พบว่าท่าจับปืนของเริ่นเสียวซู่นั้นดูมืออาชีพมาก แถมยังดูคุ้นตาอยู่ไม่น้อย!

ความคล้ายคลึงกันนี้ทำเอาเธอรู้สึกแหม่งๆ แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมากด้วย เหมือนกับคนป่วยที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ที่ท้ายที่สุดก็สามารถวางบล็อกไม้ได้สำเร็จ

ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอต้องไปคิดเรื่องนั้น เพราะเจ้าของเสียงโซ่คืบคลานมาถึงชายป่าแล้ว

คนในถ้ำต่างจ้องเขม็งไปที่ป่า ทว่าอีกฝ่ายกลับซ่อนอยู่ในเงามืดใต้ร่มไม้

พอเริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินเสียงน้ำหยดสายหนึ่งดังมา ร่างก็พลันสะท้านขึ้น ดั่งว่าเสียงนี้เป็นเสียงน้ำลายอีกฝ่ายกำลังไหลย้อยหยดแหมะกระทบใบไม้ที่อยู่บนพื้น!

“ถ้ามันโผล่หน้ามาก็ยิงได้เลย” สูเสี่ยนฉู่ว่า “ทางกระสุนเราน่าจะบีบเส้นทางที่มันจะพุ่งเข้ามาในถ้ำได้หมด จากนั้นฉันจะใช้ร่างแยกเงาจัดการมัน”

“ได้” เริ่นเสี่ยวซู่กระซิบตอบ ในใจคิด ถ้าเกิดว่ามันแข็งแกร่งเกินไป ยังไงก็ต้องใช้ร่างแยกเงา

ไม่รู้ว่าแมวป่าตัวเท่าเสือชีต้ากับหมูป่าตัวเท่าภูเขาเทียมนั่นหนีหายไปไหนแล้ว ทว่ามีแต่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่า และยากต้านทานกว่า ถึงทำให้สัตว์ดุร้ายอย่างพวกมันหนีออกมาจากป่าได้

เริ่นเสี่ยวซู่สูดลมหายใจลึก ทำจิตใจให้สงบ ไม่สนเสียงหัวใจเต้น ไม่สนใจเสียงหายใจ หูฟังเพียงเสียงการเคลื่อนจากในป่า

ความลับแห่งพงไพร กำลังจะปรากฏโฉมในวินาทีนี้แล้ว

ทว่าไม่คาดคิดเลย เสียงลากโซ่ที่ดังมาจากป่าครานี้ กลับเป็นเสียงที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป

“เกิดอะไรขึ้น” สูเสี่ยนฉู่ขมวดคิ้วมุ่น “มันไม่กล้าออกมาจากป่างั้นเหรอ”

พวกเขาทั้งสามคนยังคงยกปืนเล็งออกไป ด้วยกลัวว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายจะกระโจนเข้ามากะทันหัน เริ่นเสี่ยวซู่คิดพักหนึ่ง พลางว่า “เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมออกจากเขตป่า ไม่อย่างนั้นสัตว์ป่าตัวอื่นๆ ก็คงไม่ออกมาหาถ้ำหลบภัยที่อยู่ห่างจากป่าแค่สิบเมตรหรอก”

เสียงลากโซ่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป เริ่นเสี่ยวซู่กับพวกอีกสองจึงผ่อนคลายขึ้นมาได้บ้าง “ดูเหมือนว่าพวกเราจะโลกสวยเกินไปหน่อย จะมุ่งหน้าเสาะหาความลับแห่งเขาจิ้งซานด้วยข้ออนุมานแบบเดาสุ่มไม่ได้หรอก”

“ป่าเองต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ หรือไม่ก็ต้องมีอันตรายรูปแบบอื่นแฝงอยู่” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า “ไม่อย่างนั้นร่างของสูเซี่ยคงไม่หายไปแบบไร้ร่องรอย”

“เอาละ ทุกคนพักกันก่อนเถอะ” สูเสี่ยนฉู่พูด “ฉันจะเป็นคนเฝ้ากะแรก หลังเที่ยงคืนเป็นตาพวกนาย”

แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่เริ่นเสี่ยวซู่กับหยางเสียวจิ่นยังคงปฏิบัติตามมาตรการเดิม คนหนึ่งเฝ้าครึ่งคืนแรก อีกคนเฝ้ายามครึ่งคืนหลัง

เห็นแบบนี้ สูเสี่ยนฉู่ก็อดยิ้มเหยเกในใจไม่ได้ ดูเหมือนว่าในสายตาพวกเขา ตนยังคงไม่น่าเชื่อถือมากพอ

คืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยามแสงอรุณแรกทอประกาย หูเริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินเสียงพวกสัตว์ทยอยกลับเข้าป่าไปจากไกลๆ ดูแล้วพวกสัตว์คงเคยชินกับการที่พวกตนต้องหนีออกจากป่ายามฟ้ามืด และกลับเข้าป่ายามฟ้าสางแล้ว หรือว่าเจ้าสัตว์ป่าลากโซ่นั่นจะหลับพักผ่อนยามฟ้าสว่างกัน

เริ่นเสี่ยวซู่ยืนขึ้นบิดขี้เกียจ แต่ก่อนที่เขาจะบิดหลังตัวเอง ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นจากส่วนลึกในเขาจิ้งซาน

เสียงสนั่นเลือนลั่นจนเริ่นเสี่ยวซู่สะดุ้งโหยง

คนค่อยๆ เดินออกจากถ้ำ “อะไรน่ะ เกิดอะไรขึ้น”

มีคนเอ่ยถาม “ภูเขาไฟในเขาจิ้งซานระเบิดเหรอ”

“ไม่น่าใช่เสียงภูเขาไฟระเบิด” สูเสี่ยนฉู่ส่ายหน้า “เสียงเหมือนระเบิดของมนุษย์มากกว่า”

ต่อให้ไม่ใช่สูเสี่ยนฉู่ เริ่นเสี่ยวซู่และหยางเสียวจิ่นเองก็สามารถระบุที่มาของเสียงได้ เริ่นเสี่ยวซู่คัดลอกทักษะทำระเบิดระดับสูงซึ่งแฝงไปด้วยประสบการณ์การทดลองระเบิดมากมายมาจากหยางเสียวจิ่น

ฟังจากเสียง เริ่นเสี่ยวซู่มั่นใจว่ามันเป็นเสียงของดินระเบิดโพรง[1]

ดินระเบิดโพรงนี้คล้ายกับลักษณะเหมือนกระสุนเจาะเกราะ ส่วนใหญ่ใช้ในระเบิดรุนแรงเพื่อเจาะหลุมในพื้นหนา มันจะใช้หลักการมันโรเอฟเฟกต์[2] เพื่อสร้างหลุมขนาดใหญ่บนพื้น

เสียงระเบิดนี้ฟังต่างไปจาก ‘ระเบิดกระเป๋า[3]’ และ ‘ระเบิดทำลายทุ่นระเบิด[4]’ อยู่มาก

ระเบิดกระเป๋าคือชุดระเบิดที่สร้างคลื่นกระแทกรุนแรง ใช้สำหรับทำลายที่กำบังคือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ

ระเบิดทำลายทุ่นระเบิด เป็นระเบิดทำหน้าที่เหมือนตอร์ปิโดบังกาลอร์[5]

เริ่นเสี่ยวซู่ทราบดีว่า ถ้าตนจับสังเกตได้เช่นนี้ หยางเสียวจิ่นเองก็ต้องสามารถเช่นกัน มีคนกำลังขุดภูเขาอยู่ในภูเขาลึก!

พวกเขาขุดค้นอะไรอยู่ หรือว่าใต้เขาจิ้งซานมีความลับยิ่งใหญ่อะไรฝังอยู่

“ก่อนหน้านี้นายบอกว่ามีกลุ่มอื่นขึ้นเขาจิ้งซานด้วยใช่ไหม” เริ่นเสี่ยวซู่หันไปหาสูเสี่ยนฉู่

“น่าจะเป็นจากสมาคมตระกูลชิ่ง” สูเสี่ยนฉู่ว่า “ยังไงป้อม 112 ก็อยู่ใต้การควบคุมของสมาคมตระกูลชิ่ง องค์กรอื่นๆ คงผ่านพวกเขาเข้ามาเขาจิ้งซานไม่ง่ายนักหรอก”

เริ่นเสี่ยวซู่หันไปมองหยางเสียวจิ่นวูบหนึ่ง ที่เธอปิดบังปลอมแปลงตัวตนก็เพราะความลับในเขาจิ้งซานอย่างนั้นสิ?

จนถึงตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่ยังไม่รู้เลยว่าหยางเสียวจิ่นมีไพ่ลับอะไรอยู่ในมือ นอกจากทักษะการใช้ปืนระดับไร้ที่ติแล้ว เด็กสาวสวมหมวกผู้นี้ย่อมต้องมีอย่างอื่นให้ใช้งานแน่

“ไปกันเถอะ ต้องรีบแล้ว” สูเสี่ยนฉู่ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองรั้งท้าย ถึงแม้จะไม่รู้ก็ตามว่าเกิดอะไรขึ้น “จากเสียงระเบิดที่พวกเราได้ยิน สมาคมตระกูลชิ่งน่าจะขนกำลังทหารมากองใหญ่จากป้อม 112 แน่ พวกเราต้องรีบไปก่อนที่พวกเขาจะชิงความลับนั้นไปได้”

“อยากตายเหรอไง” เริ่นเสี่ยวซู่มองสูเสี่ยนฉู่ด้วยความพูดไม่ออก “สมาคมตระกูลชิ่งส่งกำลังเสริมมาแล้วแบบนี้ ก็ยังกล้าพุ่งเข้าไปแบบนี้อีกอะนะ?”

สูเสี่ยนฉู่เงียบไปพักใหญ่ “แต่ไหนๆ พวกเราก็มาถึงนี้แล้ว”

เริ่นเสี่ยวซู่และหยางเสียวจิ่นมองหน้ากัน คำนี้เข้าหูแล้วก็ฟังดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจมาก

“แถมพวกเราก็ถอยไปไหนไม่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ” สูเสี่ยนฉู่เอ่ย “ในเมื่อถอยไม่ได้ ก็ต้องมุ่งหน้าต่อไป ถ้าเกิดพวกเราคว้าโอกาสไว้ไม่ได้ พวกเราก็อ้อมพวกสมาคมตระกูลชิ่ง แล้วออกจากภูเขาไปทางที่พวกเขาเดินทางมาเอา ทางที่พวกเขาใช้ปลอดภัยกว่าทางขามาของพวกเราแน่”

ซึ่งก็จริง ขนาดระเบิดยังเอามาใช้ สมาคมตระกูลชิ่งคงแผ้วถางเส้นทางตลอดป้อมปราการ 112 จนถึงที่นี่แล้ว

…………………