เมื่อเล่อเหยาเหยาวางขาหมูตุ๋นหม้อใหญ่ที่เพิ่งต้มเสร็จลงบนโต๊ะ เห็นชัดว่าใบหน้าหนานกงจวิ้นซีดูตกตะลึงเล็กน้อย
ไม่แปลกได้เช่นไร เมื่อครู่เขาคิดเพียงสร้างความลำบากให้กับบ่าวรับใช้ผู้นี้ จึงไม่รู้ว่าบ่าวรับใช้นี้จะทำสิ่งที่ทั้งเปรี้ยว เผ็ดและหวานที่ตนไม่เคยกินมาก่อนออกมาได้จริง
ทว่าหลังหายตกตะลึง ดวงตาหนานกงจวิ้นซีปรากฏความสงสัยขึ้นมา
“เจ้าทำสิ่งใดออกมากันแน่? มันกินได้หรือ!?”
ภายในน้ำเสียงดูสงสัยอย่างยิ่ง เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาอดเอือมระอาไม่ได้ ทว่าบนใบหน้ากลับดูประจบประแจง หัวเราะพลางเอ่ยว่า
“เรียนองค์ชายเจ็ด สิ่งที่บ่าวทำคือขาหมูตุ๋นขอรับ ใช้น้ำตาลทรายแดง ขิง ขาหมู ไข่ไก่ปอกเปลือกทำออกมาขอรับ รสชาติไม่เลวทีเดียว องค์ชายเจ็ดลองชิมดูขอรับ”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยพูดพลางหยิบทัพพี เพื่อตักให้กับเหลิ่งจวิ้นอวี๋และหนานกงจวิ้นซี
“ท่านอ๋องเชิญเสวยขอรับ องค์ชายเจ็ดเชิญขอรับ”
เมื่อส่งชามขาหมูตุ๋นให้กับคุณชายทั้งสองคน เล่อเหยาเหยาทำเป็นยิ้มแย้ม ก่อนเอ่ยอย่างเยาะเย้ย
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋รับขาหมูตุ๋นจากเล่อเหยาเหยามา แม้ก่อนหน้านี้เขาจะไม่เคยกินเจ้าสิ่งนี้ ทว่าเพราะครั้งก่อนได้ลิ้มรสอาหารที่เล่อเหยาเหยาทำ รู้ว่าฝีมือการทำอาหารเธอไม่ด้อยเลย ดังนั้นจึงไม่ลังเลหยิบช้อนขึ้นลิ้มลองอาหารอย่างช้าๆ
เมื่อเห็นเขาเริ่มลงมือกิน เล่อเหยาเหยาหันไปมองชายหนุ่มตรงหน้า
เห็นเพียงชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีดำลึกลับ บนเอวคาดเข็มขัดเงิน มีหยกขาวผูกติดเอาไว้ ข้ากับกลิ่นอายสูงศักดิ์น่าเกรงขาม และรูปร่างสูงใหญ่ดุจต้นอวี๋ซูของเขา
แม้บนใบหน้าจะไม่แสดงอารมณ์ออกมา มักทำใบหน้าราวภูเขาน้ำแข็ง แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ กลับหล่อเหลาจนยากที่จะถอนสายตา
โดยเฉพาะท่าทางหยิบช้อนเพื่อลิ้มลองขาหมูของเขาเวลานี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกว่าน่ามองและสง่างามยิ่งนัก
อีกอย่างไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจกลับรู้สึกหวานชื่นขึ้นมา
หรือเพราะเมื่อครู่เธอแอบกินน้ำตาลทรายแดงไป!?
เล่อเหยาเหยาสงสัยยิ่งนัก
ทว่าเธอกลับไม่คิดให้มากความ เมื่อเห็นพญายมกินขาหมูตุ๋นเข้าไป ใจจึงทั้งกังวลและคาดหวัง
ดวงตางดงามคู่นั้นจ้องที่พญายม เพื่อไม่ให้พลาดอารมณ์ใดทั้งสินบนใบหน้าพญายม
เพราะเมื่อครู่ขาหมูตุ๋นนี้เธอได้ถามผู้อื่นมาแล้ว ทุกคนต่างพูดว่าไม่รู้มาก่อนเลยว่าขาหมูจะทำเช่นนี้กินได้
ทว่า เมื่อทุกคนได้ลิ้มลองก็คิดว่าไม่เลว แต่ไม่รู้ขาหมูตุ๋นนี้จะถูกปากพญายมหรือไม่
“ท่านอ๋อง ขาหมูตุ๋นนี้ถูกปากท่านหรือไม่ขอรับ?”
เล่อเหยาเหยากัดริมฝปากเบาๆ ก่อนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
เมื่อเล่อเหยาเหยาเอ่ยออกมา สายตาของหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้างอดมองที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ได้ อาจเพราะเขายังไม่เชื่อในฝีมือการทำอาหารของเล่อเหยาเหยา ดังนั้นจึงไม่กล้ากิน
รวมถึงขาหมูตุ๋นในมือเขาชามนี้ มองแล้วดำยิ่งนัก เมื่อดมได้กลิ่นทั้งเปรี้ยวและเผ็ด ไม่รู้รสชาติจะเป็นเช่นไร
ดังนั้นเวลานี้เมื่อมีคนเป็นหนูทดลองกินแล้ว เขาต้องรอคำตอบก่อน ถึงจะตัดสินใจว่าจะกินหรือไม่
ส่วนคนที่ถูกเล่อเหยาเหยาและหนานกงจวิ้นซีมองอย่างเหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับมีสีหน้าเรียบเฉยอย่างยิ่ง เพียงกินพลางเอ่ยปากว่า
“ไม่เลว”
เอ่ยจบ ยกคางขึ้น กระทั่งน้ำแกงในชามดื่มจนหมด
ท่าทางดื่มน้ำแกงจนหมดราวชื่นชมของพญายมเช่นนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาดีใจในใจ ดวงตาอดโค้งขึ้น ยิ้มอย่างอ่อนโยนจับใจ
“ท่านอ๋อง รับอรกชามหรือไม่ขอรับ?”
เอ่ยจบ เล่อเหยาเหยายื่นมือไปรับถ้วยเปล่าในมือเหลิ่งจวิ้นอวี๋มา
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น ดวงตาวาบขึ้น ก่อนพลันพยักหน้าเบาๆ เอ่ยเสียงเบาว่า
“ก็ดี”
เพราะสิ่งนี้รสชาติไม่เลวทีเดียว!
แม้ก่อนหน้านี้เขาจะกินอาหารอันโอชะมากมาย แต่กลับไม่เคยกินของประเภทนี้เลย ชิมแล้วให้ความแปลกใหม่ยิ่งนัก!
ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋กำลังคิดในใจ เล่อเหยาเหยาตักขาหมูตุ๋นให้เขาอีกถ้วยแล้ว ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็กินอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หนานหงจวิ้นซีที่เดิมทียังสงสัยในฝีมือการทำอาหารของเล่อเหยาเหยาในที่สุดวางใจลิ้มลองขึ้นมา
เพราะศิษย์พี่ใหญ่เขาผู้นี้เลือกกินอย่างยิ่ง! ฉะนั้นสิ่งที่เขาพูดว่าไม่เลว จะกินไม่ได้หรือ!?
ในใจคิด หนานกงจวิ้นซีกินอย่างเต็มปากเต็มคำ
รู้สึกถึงความเปรี้ยวและนุ่มของขาหมูในปาก หนานหงจวิ้นซีดวงตาเป็นประกายทันที
อร่อยยิ่งนัก!
คิดไม่ถึงว่าของธรรมดาเช่นนี้จะทำออกมาได้อร่อยขนาดนี้! วันหน้าหลังกลับไป เขาต้องให้พ่อครัวหลวงทำสิ่งนี้ให้เสด็จพ่อและหมู่โฮวลิ้มลองดูบ้างถึงจะดี
หนานกงจวิ้นซีพลางคิดในใจ ขาหมูตุ๋นในชามได้ลงไปอยู่ในท้องเขาหมดแล้ว
หลังกินเสร็จ ยังยื่นลิ้นออกมาเลียคาบอาหารที่มุมปาก ท่าทางทั้งหมดนั้น ราวกับแมวตัวใหญ่จอมตะกละแสนน่ารักตัวหนึ่ง
ทำให้เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้ว อดเม้มปากยิ้มไม่ได้
เฮอๆ เมื่อครู่เห็นท่าทางดุร้ายของเขา ตนตกใจแทบตาย ทว่าตอนนี้มองอีกครั้ง จึงพบว่าความจริงองค์ชายเจ็ดตรงหน้าเป็นเพียงเด็กชายตัวโตคนหนึ่ง! หากนับอายุดูแล้ว เธออายุสิบแปดแล้ว และองค์ชายเจ็ดตรงหน้าเห็นชัดว่ามีท่าทางไร้เดียงสา ดูแล้วอายุน่าจะประมาณสิบเจ็ดปี
ใบหน้านั้นดูชั่วร้ายทว่าแฝงความอ่อนเยาว์ แต่ดูแล้วกลับหล่อเหลาน่ารักยิ่งนัก จัดอยู่ในประเภทชายหนุ่มที่มีเสน่ห์อย่างยิ่ง!
อีกทั้งเมื่อดูอย่างละเอียด เล่อเหยาเหยาจึงพบว่าองค์ชายเจ็ดตรงหน้า รูปโฉมไม่ด้อยไปกว่าพญายมเลย
ความจริงน่าจะพูดว่า รูปโฉมของพวกเขาสองคน ต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว!
พญายมนิสัยเย็นชาดูห่างเหิน บนร่างกายแผ่กลิ่นอายท่านอ๋องน่าเกรงขามออกมาตลอดเวลา ทำให้คนที่เห็น ต่างอดยินยอมพร้อมใจหมอบคลานอยู่ใต้ฝ่าเท้าเขาไม่ได้
และความงดงามของพญายม สง่างามภายในความเรียบง่าย สง่างามในความอ่อนโยน ราวกับฝิ่นที่งดงาม ทว่ามีพิษที่ร้ายกาจ!
ส่วนองค์ชายเจ็ดตรงหน้า สง่าผ่าเผยองอาจ หล่อเหลาไร้ผู้เทียมทาน คิ้วกระบี่โก่งยาวไปถึงจอนผม นัยน์ตาชวนฝันดุจรุ่งอรุณ ดูโดยรวมแล้วเปี่ยมด้วยพละกำลัง
แม้อายุจะเพิ่งสิบเจ็ด แต่ไม่รู้เพราะฝึกวรยุทธ์มานานหรือไม่ รูปร่างจึงสูงใหญ่ยิ่งนัก น่าจะสูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเมตร
หากพญายมคือดอกฝิ่น เช่นนั้นองค์ชายเจ็ดตรงหน้าต้องคือดอกทานตะวันที่เปี่ยมพลัง!
ขณะเล่อเหยาเหยาประเมินหนานกงจวิ้นซีอย่างละเอียด หนานกงจวิ้นซีกินขาหมูตุ๋นในชามหมดลงพอดี กำลังคิดจะเติมอีกชาม กลับรู้สึกถึงสายตาเยาะเย้ยของเล่อเหยาเหยา ใบหน้างดงามพลันมึนงง
เพราะเมื่อครู่เขามีเจตนาไม่ดี ตั้งใจสร้างลำบากให้กับขันทีน้อยตรงหน้านี้ เดิมคิดว่าขันทีน้อยคงทำสิ่งที่ตนเอ่ยออกมาทั้งหมดไม่ได้แน่ คิดไม่ถึง สุดท้ายขันทีน้อยนี้ไม่เพียงทำออกมาได้ รสชาติกลับดีเยี่ยมอีกด้วย เรียกได้ว่าเหมือนฝีมือพ่อครัวหลวงในวังหลวงเลยทีเดียว!
สำหรับเรื่องนี้ ทำให้หนานกงจวิ้นซีแปลกใจอย่างยิ่ง บนใบหน้ายังขวยเขินเล็กน้อย
อันที่จริง เขาอยากสร้างความลำบากให้ขันทีน้อยผู้นี้ แต่กลับอดใจกับกลิ่นอันยั่วยวนของขาหมูตุ๋นนี้ไม่ได้
เฮ้อ นี้ช่างเป็นการเลือกที่ลำบากใจยิ่งนัก
ขณะหนานกงจวิ้นซีสับสนในใจ ทางด้านเล่อเหยาเหยา กลับคาดเดาความคิดในใจของหนานกงจวิ้นซีได้ราวเจ็ดแปดส่วนจากความขวยเขินบนใบหน้าและแววตาที่สับสน อดรู้สึกน่าขันไม่ได้
เป็นเด็กที่น่าอัดอัดเสียจริง!
เห็นชัดว่าอยากกินจนใจแทบขาด กลับยังอยากลงโทษเธอ!
ช่างเป็นคนที่เสแสร้งน่าหมั่นไส้เสียจริง!
เล่อเหยาเหยาก่นด่าในใจ ทว่ากลับเอ่ยตรงกันข้าม
“ไม่ทราบองค์ชายเจ็ดรู้สึกว่ารสชาติขาหมูตุ๋นนี้เป็นเช่นไรขอรับ?”
“ธรรมดา รู้สึกว่าไม่อร่อยอันใดมากมาย ข้าพูดแล้ว บ่าวรับใช้เช่นเจ้า จะทำสิ่งที่อร่อยออกมาได้อย่างไร ถึงเป็นเช่นนี้ไงล่ะ”
หนานกงจวิ้นซีทำสีหน้าราวรังเกียจ แต่กลับตรงข้ามกับชามว่างเปล่าในมือยิ่งนัก
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยายิ้มมุมปากไม่ได้
เด็กน้อย เจ้ามันคนเสแสร้ง!
หากธรรมดาจริง ไฉนเจ้าถึงกินจนน้ำแกงยังไม่เหลือสักหยดเช่นนั้น!?
ไม่จริงใจ น่าเหยียดหยาม!
ขณะเล่อเหยาเหยาก่นด่าในใจ กลับได้ยินเสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ของพญายมที่อยู่ด้านข้างดังขึ้นมา
“กระต่ายน้อย เติมอีกชาม!”
“ได้ขอรับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของพญายม เล่อเหยาเหยาพลันยิ้มยิงฟันทำตาหยี
อันที่จริงตรงข้ามกับท่าทางแสร้งขององค์ชายเจ็ด เธอชื่นชอบท่าทางชื่นชมอย่างจริงใจของพญายมมากกว่า
ดังนั้นจึงเดินยิ้มแย้มเข้าไปหาพญายมอย่างรวดเร็ว รับชามเปล่าในมือมา คิดเติมอาหารให้เขาอีกครั้ง
คิดไม่ถึง เวลานี้คำพูดที่ดูหงุดหงิดอึดอัดของหนานกงจวิ้นซีจะดังขึ้นมา
“คือ ช่วยเติมให้ข้าอีกชามได้หรือไม่!?”
“…”
………………………………………..