“บอกมาเถอะ เป้าหมายที่พวกเจ้าวางกับดักล่อให้นักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณปรากฏตัวคืออะไร” เสี่ยวหงพูดอย่างเชื่องช้า
คำพูดของมันตอนนี้ ย่อมเปลี่ยนเป็นน่าเกรงขาม ราวกับเจือพลังบางอย่างที่ไม่อาจต้านทานได้ ทำให้อยากปฏิบัติตามวาจาของมัน
ราชาปีศาจอำมหิตตาลอย สีหน้าไร้อารมณ์ อยู่ในสภาวะไม่มีสติแล้ว
ปากของเขาเผยอออกช้าๆ “หลอกล่อให้นักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณปรากฏตัว เพื่อปลุกป้ายอาญาสิทธิ์โลหิตของจักรพรรดิปีศาจ จำต้องสังเวยด้วยชีวิตของนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณ จึงจะปลุกมันให้คืนชีพได้”
ทุกคนได้ฟังก็กระจ่างใจทันที ที่แท้จักรพรรดิปีศาจต้องการจับนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณไปบูชาศาสตราวุธนี่เอง จึงทำการใหญ่วางแผนการเช่นนี้
จำนวนของนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณมีน้อย เบาะแสไม่แน่นอน อยากพบเจอและจับตัวเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก
ใช้ราชามารตามหมายจับเป็นเหยื่อ ล่อให้นักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณออกมา เดิมทีวิธีนี้ไม่มีปัญหาอะไร
หากจะโทษก็โทษที่การแสดงของราชาปีศาจปัญญา ทำให้พวกอันหลินได้เตรียมตัว ตอบโต้ด้วยการตลบหลัง
“แล้วเป้าหมายที่จักรพรรดิปีศาจปลุกป้ายอาญาสิทธิ์โลหิตให้คืนชีพคืออะไร” เซียนกระบี่ชิงเหอถาม
เสี่ยวหงทวนคำถามของเขาอีกรอบ เมื่อราชาปีศาจอำมหิตได้ยินก็ตอบว่า “ป้ายอาญาสิทธิ์โลหิตเป็นเจ้าแห่งผีดูดเลือดของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดทางตะวันตก เคยประทานศาสตราวุธพิเศษฟื้นฟูพลังยุทธ์ให้จักรพรรดิปีศาจ ข้างในมีผีสองตน จักพรรดิปีศาจใช้ผีเหล่านี้ดูดเลือดของนักพรต เพื่อรักษาบาดแผล เพิ่มพลังยุทธ์ของตัวเอง”
“หึ เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจงั้นเหรอ พวกเขาไม่ถูกกันไม่ใช่หรือไง”
เมื่อนักพรตทั่นอวิ๋นได้ยินว่าเบื้องหลังมีเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดให้ความร่วมมือ ใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“เมื่อห้าปีก่อนจักรพรรดิปีศาจถูกปรมาจารย์จางแห่งเขาหลงหู่ทำให้บาดเจ็บสาหัส ต่อมาก็หนีหายเข้าไปในเขาคุนหลุนอย่างไร้วี่แวว”
“ศึกครั้งนั้น วิชาอัสนีทลายวิญญาณของปรมาจารย์จาง ทำลายรากฐานของจักรพรรดิปีศาจ อาการแบบนี้ป้ายอาญาสิทธิ์โลหิตฟื้นฟูได้ด้วยเหรอ” เซียนกระบี่ชิงเหอขมวดคิ้ว
ปรมาจารย์จางเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของแดนมังกร มีสุดยอดวิชาอัสนีทลายวิญญาณ
รากฐานของจักรพรรดิปีศาจถูกพลังอัสนีของเขาทำลาย ตามหลักแล้วพลังยุทธ์ควรจะลดฮวบ ไม่มีทางฟื้นฟูได้อีก
ป้ายอาญาสิทธิ์โลหิตเลิศล้ำขนาดนั้นเชียวหรือ มีคุณสมบัติฟื้นฟูรากฐานงั้นหรือ
เซวียนหยวนเฉิงส่ายหัว “คุณสมบัติของป้ายอาญาสิทธิ์ไม่ใช่การฟื้นฟูรากฐาน ดูจากคำอธิบายของราชาปีศาจอำมหิตแล้ว ป้ายอาญาสิทธิ์โลหิตที่ว่านี้ แท้จริงแล้วก็คือป้ายวิญญาณของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด มีสรรพคุณทำให้จักรพรรดิปีศาจกลายเป็นผีดูดเลือด”
อันหลินแปลกใจ “พี่เฉิง เจ้าก็รู้จักเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดเหมือนกันหรือ”
เซวียนหยวนเฉิงยิ้ม “เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินบรรพกาล อยู่ที่กาฬทวีปทางตะวันตกเฉียงใต้ ข้าย่อมศึกษาเรื่องของพวกเขาบ้างเป็นธรรมดา เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดในแดนมนุษย์ เป็นแค่ทายาทที่หลงเหลือเท่านั้น”
“สหายเซวียนหยวน คุณบอกว่าจักรพรรดิปีศาจจะกลายเป็นผีดูดเลือดงั้นเหรอ” นักพรตทั่นอวิ๋นเบิกตากว้าง แสดงอาการตกใจ
นักพรตที่เหลือก็แปลกใจมากเช่นกัน จ้องเซวียนหยวนเฉิงเป็นตาเดียว
เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดไม่ต้องสั่งสมพลังยุทธ์ พวกเขาอาศัยเพียงความแข็งแกร่งของร่างกาย สุดท้ายบรรลุระดับบริสุทธิ์
วิธีบำเพ็ญเพียรแบบนี้แตกต่างกับวิธีบำเพ็ญเพียรของเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างสิ้นเชิง
แต่กระนั้น เผ่าพันธุ์ปีศาจก็กลายเป็นผีดูดเลือดได้เช่นกัน ฟังแล้วน่าตกใจยิ่งกว่าการฟื้นฟูรากฐานที่ถูกทำลายแล้ว
“ป้ายวิญญาณโลหิตสามารถใช้ร่างกายของนักพรตผู้แข็งแกร่ง สร้างกายเนื้อของจักรพรรดิปีศาจใหม่อีกครั้ง เสริมด้วยสายเลือดของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดก็จะเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ได้สำเร็จ ฉะนั้นข้าเดาว่า เบื้องหลังของจักรพรรดิปีศาจ ต้องมีเจ้าแห่งผีดูดเลือดระดับแปลงจิตไม่ต่ำกว่าสองคนคอยหนุนหลังเป็นแน่ เพราะการจะบรรลุเป้าหมายนี้ จำต้องมีเจ้าแห่งผีดูดเลือดสองคนคอยควบคุมพลัง!” เซวียนหยวนเฉิงพูดต่อ
“เจ้าแห่งผีดูดเลือดสองคน…” นักพรตทั่นอวิ๋นขมวดคิ้ว “ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องรีบรายงานปรมาจารย์จางโดยด่วน!”
เจ้าแห่งผีดูดเลือดสองคนกับจักรพรรดิปีศาจหนึ่งตน…
หากบอกว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรต่อไป แม้แต่ผีก็คงไม่เชื่อ!
จากนั้น พวกอันหลินก็ซักถามราชาปีศาจอำมหิตต่อ
แต่สิ่งที่เขารู้ มีเพียงเรื่องที่จักรพรรดิปีศาจจะบูชาป้ายอาญาสิทธิ์โลหิตเท่านั้น ที่เหลือไม่รู้อะไรเลย
จักรพรรดิปีศาจร่วมมือกับเจ้าแห่งผีดูดเลือด มีแผนการอะไรกันแน่นั้น แม้แต่ราชาปีศาจก็ไม่ทราบ ทำให้ทุกคนหวั่นใจขึ้นมา
แม้แต่ราชาปีศาจยังไม่รู้ จะให้พวกเขาไปถามจักรพรรดิปีศาจหรืออย่างไร
สุดท้าย พวกอันหลินก็ถามพิกัดที่แน่ชัดของแดนปีศาจ รวมถึงกองกำลังบางส่วนของเผ่าพันธุ์ปีศาจ จากนั้นก็หยุดสอบปากคำ
ข้อมูลที่พวกเขาล้วงจากปากราชาปีศาจอำมหิตได้มีเพียงเท่านี้
เสี่ยวหงคลายคาถามหาเสน่ห์ กลับไปที่กระเป๋าของอันหลินอย่างอ่อนล้า
“อืม ต่อไปจะจัดการราชาปีศาจตนนี้ยังไงดี”
อันหลินมองราชาปีศาจอำมหิตที่ถูกพวกเขาทรมานนับครั้งไม่ถ้วนพลางจมอยู่ในภวังค์ความคิด
ราชาปีศาจอำมหิตเงยหน้ามองอันหลิน นัยน์ตาขุ่นมัวทอประกายวาบ
แถมยังเจือด้วย…ความรักอย่างเต็มเปี่ยม!
อันหลินอึดอัดใจ ตะโกนลั่นว่า “นี่ ไม่มีใครเอาราชาปีศาจตนนี้แล้วใช่ไหม ฉันจะฆ่ามันซะ!”
เถียนหลิงหลิงกับหวงซานซานเห็นดังนั้นก็ป้องปากขำ เห็นได้ชัดว่าเห็นปฏิกิริยาของราชาปีศาจอำมหิตแล้วเช่นกัน
เซียนกระบี่ชิงเหอก้าวออกมาแล้วพูดว่า “สหายอันหลิน เรื่องสกปรกแบบนี้ยกให้ฉันเถอะ!”
พูดจบ เขาก็ชักกระบี่ออกมา ปล่อยลำแสงเจิดจ้าเป็นทาง ทำให้ราชาปีศาจอำมหิตตายด้วยกระบี่
การสังหารศัตรู เป็นเรื่องที่เซียนกระบี่ชิงเหอถนัดที่สุดเสมอมา!
ทุกคนมองร่างของราชาปีศาจอำมหิต ใบหน้ามีเศษเสี้ยวของความเสียดายปรากฏให้เห็น
แม้จะถูกทรมานอย่างแสนสาหัสนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขายังคงยืดมั่นในจุดยืนของตัวเอง ไม่ทรยศ ไม่หักหลัง
หากไม่พูดถึงจุดยืน ความภักดีของราชาปีศาจตนนี้ ทำให้เหล่านักพรตยกย่องชื่นชม!
เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จ พวกเขาต่างก็รายงานเรื่องนี้ให้สำนักของตัวเอง
เซวียนหยวนเฉิงกับสวีเสี่ยวหลานสัมผัสถึงเสน่ห์ของเทคโนโลยีอีกครั้ง
การส่งกระแสจิตพันลี้ เป็นพลังที่นักพรตระดับสูงเท่านั้นที่ทำได้ แต่ใครๆ ก็ใช้วีแชทได้!
ไม่ว่าจะมีพลังยุทธ์ระดับไหน ก็สามารถส่งข้อความหาอีกฝ่ายได้ทันที
สามารถสนทนากันเป็นกลุ่มได้ แถมยังถ่ายวิดีโอ ให้ทุกคนร่วมถกประเด็นทางไกลพร้อมกันได้อีกด้วย!
นี่แหละเสน่ห์ของเทคโนโลยี!
“หากแคว้นจิ่วโจวมีเทคโนโลยีแบบนี้คงดี!” ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลาของสวีเสี่ยวหลานมีความอิจฉา นางชอบการขับรถ ช้อปปิ้งในเถาเป่า ช้อปปิ้งในจิงตง…
“อารยธรรมดาวอินทนิลก่อนเกิดแดนบรรพกาล ก้าวหน้ากว่าอารยธรรมในแดนมนุษย์ไม่น้อยเลย แต่จุดจบของมันอนาถมากเพียงใดเจ้ารู้ใช่ไหม” เซวียนหยวนเฉิงพูดยิ้มๆ
สวีเสี่ยวหลานได้ฟังก็พยักหน้า ถอนหายใจแผ่วเบา
เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จ พวกเขาก็เริ่มมุ่งหน้าไปเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพันธนาการหอมาร
นักพรตมนุษย์ที่เหลือเฝ้าอยู่นอกหอมาร คอยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน
อันหลินตรงไปหาประตูสีแดงฉาน พลังอันน่ากลัวภายในหอคอยกระจายผ่านประตูออกมา ชวนให้รู้สึกปานจะหยุดหายใจ
ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ เขาก็เกิดความรู้สึกอยากผลักประตูออก
แต่ครู่เดียวก็ได้สติ หยุดยั้งกิริยาของตัวเอง
การเสริมพันธนาการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นทำแค่นอกประตูก็เพียงพอแล้ว ความสามารถอย่างพวกเขา ไม่มีทางเปิดประตูได้
อักขระสีทองปรากฏขึ้นรอบๆ หอคอยสีแดงฉาน แลดูทรงพลังและพิสดารเป็นที่สุด
เซวียนหยวนเฉิงเริ่มใช้พลังเซียนเพิ่มพันธนาการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานคอยคุ้มกันสังเกตสถานการณ์โดยรอบ
…
ณ ดินแดนพิศวงแห่งหนึ่งในเทือกเขาคุนหลุน บริเวณที่มีหมอกเจ็ดสีปกคลุม ถูกเรียกว่าแดนปีศาจ
บนบัลลังก์สีทอง จู่ๆ ร่างมหึมาก็กระจายพลังงานอันน่ากลัวออกมา บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีหนึ่งจั้งจนป่นปี้ แม้แต่ที่นั่งสีทองก็ไม่เว้น
ราชาปีศาจตนหนึ่งมองที่นั่งราชาที่กลายเป็นผุยผง ก็อดปวดใจไม่ได้
บัดซบ มันเป็นถึงศาสตราวุธขั้นกลางเชียวนะ ไม่อยากได้ก็ให้ข้าสิ!
จักรพรรดิปีศาจหายใจหอบ เห็นได้ชัดว่าจวนจะระเบิดโทสะแล้ว
อีกมุมหนึ่ง กะโหลกสีขาวสี่อันแหลกละเอียด พวกมันเชื่อมต่อกับลมหายใจของราชาปีศาจ
กะโหลกทั้งสี่แหลกละเอียด บ่งบอกว่าราชาปีศาจทั้งสี่ที่ออกปฏิบัติหน้าที่สิ้นชีพแล้ว ภารกิจล้มเหลว!
“สวะจริงๆ ตายด้วยน้ำมือนักพรตมนุษย์เสียได้…”
เสียงของจักรพรรดิปีศาจทุ้มต่ำ เริ่มเจือจิตสังหารอันเย็นเยือก
“ท่าทาง ข้าจำต้องออกโรงด้วยตัวเองเสียแล้ว…” ………………………….