พวกเซวียนหยวนเฉิงเพิ่มความแข็งแกร่งให้พันธนาการหอมารได้สำเร็จลุล่วง
ระหว่างทางไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสามต่างก็โล่งใจ
ตอนนี้แมงมุมร้อยเนตรตายแล้ว พลังพันธนาการของหอมารก็เพิ่มขึ้นแล้ว ภารกิจแดนมนุษย์ของพวกเขาก็นับว่าสำเร็จไปได้ด้วยดีแล้ว
ส่วนเรื่องที่จักรพรรดิปีศาจกับเจ้าแห่งผีดูดเลือดจะทำอะไร มีทีท่าอย่างไรต่อไปนั้น พวกเขายังไม่มีสิทธิ์เข้าแทรกแซง จำต้องรายงานสถานการณ์ทั้งหมดให้สรวงสวรรค์ทราบก่อน
เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น เหล่านักพรตก็บอกลาพวกเขา กลับไปยังสำนักของตัวเอง
หวงซานซานพาพวกเขามาที่อารามเมฆขาว หนึ่งในจุดเชื่อมต่อของภารกิจ
อารามเมฆขาวตั้งอยู่บนเทือกเขาแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเมืองหรงเฉิง ซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลไร้รูปร่าง
มองจากภายนอกมันไม่แตกต่างอะไรกับอารามทั่วไป ธรรมดาเรียบง่าย และเงียบสงบเป็นอย่างมาก
แต่ว่า ภายในกลับมีค่ายกลเคลื่อนย้าย ช่วยให้นักพรตไปมาระหว่างสรวงสวรรค์กับแดนมนุษย์ได้
ค่ายกลประเภทนี้เป็นการควบคุมแบบทางเดียว ฝั่งสรวงสวรรค์มีสิทธิ์เคลื่อนย้ายแต่เพียงผู้เดียว
หากแดนมนุษย์ต้องการสื่อสารกับสรวงสวรรค์ จำต้องส่งข้อความผ่านกำแพงสื่อสารหยกขาวภายในอารามเท่านั้น
อันหลินใช้พู่กันเขียนรายงานภารกิจลงบนกำแพงหยกขาว และถือโอกาสเขียนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิปีศาจกับเผ่าพันธุ์ปีศาจลงไปด้วย เรื่องนี้คิดว่าสรวงสวรรค์ต้องส่งเซียนพสุธาลงมา จึงจะจัดการได้
“เรียบร้อย!”
เมื่อเขียนเสร็จอันหลินก็เบาตัว ราวกับยกภูเขาออกจากอกแล้ว
“ฮ่าๆ! อีกสิบกว่าวันที่เหลือจะได้เที่ยวเล่นอย่างสบายใจสักที!” สวีเสี่ยวหลานก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน เริ่มโห่ร้องออกมา
นางหวงแหนทุกวันที่อยู่ในแดนมนุษย์ วันหยุดยาวนี้ควรค่าแก่การรอคอย
เซวียนหยวนเฉิงฉีกยิ้มสดใส เอ่ยถามว่า “พวกเจ้าตั้งใจว่าจะทำอะไรต่อ ข้าว่าจะไปเยี่ยมชมยุทโธปกรณ์ที่กระทรวงกลาโหมสักหน่อย ข้าอยากสร้างแรงบันดาลใจด้านหลอมศาสตราให้ตัวเอง”
สวีเสี่ยวหลานยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าไม่มีแผนการอะไร อย่างไรเสียก็คงเที่ยว เที่ยว เที่ยวแล้วก็เที่ยว!”
อันหลินพูดเสริมว่า “ข้าก็เหมือนกัน หลังซื้อของหมดแล้ว ข้าก็จะเที่ยว เที่ยว เที่ยวแล้วก็เที่ยวเหมือนกัน!”
เมื่อหวงซานซานเห็นท่าทางของทั้งคู่ ก็รู้สึกเอือมระอา
อยากพูดเหลือเกินว่า ‘ดูท่าทางกระตือรือร้นรักเรียนของเซวียนหยวนเฉิง แล้วดูพวกนายสิ!’
“ท่านทูตเซียนหยวนเฉิง หากท่านอยากไปชมยุทโธปกรณ์ละก็ โทรหาฉัน ฉันจะช่วยจัดการให้เอง” หวงซานซานพูด
“อืม เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าด้วย”
เซวียนหยวนเฉิงส่งยิ้มอบอุ่นปานสายลมฤดูใบไม้ผลิให้หวงซานซาน พยักหน้าอย่างซาบซึ้งใจ
หวงซานซานเห็นรอยยิ้มของเซวียนหยวนเฉิงก็ชะงักไป จากนั้นก็ก้มหน้าลงอย่างขวยเขิน
หัวใจของเธอเต้นตึกตักอย่างแรง
คุณพระ…บนโลกนี้ทำไมถึงมีผู้ชายที่หล่อขนาดนี้กันนะ!
โอปป้าเก้าหลี[1] หนุ่มน้อยจีนชิดซ้ายไปให้หมด!
ใบหน้าหล่อเหลาไร้จุดบอดของพี่หยวนเฉิงต่างหากที่เป็นเทพบุตรอันดับหนึ่งในใจฉัน!
หวงซานซานตัดสินใจแล้วว่า เธอจะคอยเป็นเสื้อกันหนาวประจำตัวให้เซวียนหยวนเฉิงเอง…
ถุย! ไม่สิ เลขาสาวประจำตัวต่างหาก…
เอ่อ ดูเหมือนจะไม่ใช่เหมือนกัน
ช่างมันสิ อย่างไรเสียพี่หยวนเฉิงไปไหน เธอก็จะตามไปนั่น
เซวียนหยวนเฉิงเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของหวงซานซาน ก็อดยิ้มแหยไม่ได้
เขาไม่ยิ้มยังดี พอยิ้ม เมื่อหวงซานซานเห็น หน้าก็แดงกว่าเดิม ลามไปถึงใบหูแล้ว
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานเห็นหวงซานซานออกอาการหลงผู้ชาย ต่างก็แปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ง่ายเลยกว่าหวงซานซานจะสร้างภาพลักษณ์พี่สาวผู้สุขุมมากฝีมือได้ กลับพังทลายลงเพราะรอยยิ้มพิฆาตของพี่เฉิง พังทลายไม่เป็นชิ้นดี
เถียนหลิงหลิงยืนเงียบอยู่อีกฝั่งหนึ่ง แอบใช้มือถือถ่ายภาพที่ควรค่าแก่การจดจำนี้ไว้
โลกตะลึง! หญิงแกร่งหวงซานซาน อายจนหน้าแดงเพราะรอยยิ้มของผู้ชาย!
เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้ เป็นความจำเป็นทางด้านการงานหรือเป็นความสูญเสียทางความรู้สึก…
ดวงตาสุกใสของเถียนหลิงหลิงเป็นประกายแวววับ วาดฝันเรื่องราวต่อจากนี้ให้พวกเขาแล้ว
เธอดีใจมาก มีไพ่ตายไว้ต่อรองกับพี่ซานซานเพิ่มอีกแล้ว!
…
พวกอันหลินกลับมาที่โรงแรมเพื่อพักผ่อน
อันหลินนั่งลงบนเก้าอี้ หยิบใบสั่งซื้อสินค้าใบสุดท้ายออกมา
ใบสั่งซื้อนี้ยากที่สุด เขาจึงเก็บมันไว้เป็นลำดับสุดท้าย
เนื้อหาในใบสั่งซื้อไม่เยอะ มีแค่สามประการ
หนึ่ง รวบรวมรูปถ่ายในชีวิตประจำวันของนักพรตหญิงรูปงามในแดนมนุษย์ห้าสิบคน
สอง ขอขีปนาวุธข้ามทวีปขนาดเล็ก
สาม ลายเซ็นของตงฟางเสวี่ย
แม้อันหลินจะเข้าร่วมกลุ่มนักพรตทั่วโลกร่วมมือกันพิทักษ์โลก และในกลุ่มก็มีนักพรตหญิงหลายสิบคนเช่นกัน
แต่ทว่า เมื่อเขาแอบเข้าไปดูในโมเมนต์ของนักพรตหญิงทุกคนแล้ว ก็ได้รูปถ่ายของนักพรตหญิงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
คิดว่าเซียนหญิงส่วนใหญ่คงไม่ชื่นชอบการถ่ายรูป
ขณะที่อันหลินกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่นั้น พลันมีความคิดผุดขึ้นมา นึกถึงเถียนหลิงหลิงทันที
สุดท้าย เขาก็ยกหน้าที่อันแสนยากเย็นให้กับเถียนหลิงหลิง
หลังเถียนหลิงหลิงได้รับค่าตอบแทนเป็นหินวิญญาณยี่สิบก้อน ก็ดีใจเหมือนกระต่ายน้อย ยอมรับภารกิจนี้อย่างเต็มใจ!
ในแดนมนุษย์ ปัญหาที่ใช้หินวิญญาณแก้ไขได้ ไม่เรียกว่าปัญหา!
อันหลินไม่มีทางบอกเถียนหลิงหลิงเป็นอันขาดว่า สหายที่ฝากหิ้วรูปถ่ายเหล่านี้ จ่ายหินวิญญาณให้เขาทั้งสิ้นหกร้อยก้อน…
เงื่อนไขข้อแรกจัดการได้อย่างราบรื่น เขาเลื่อนสายตาไปที่ข้อสอง
ของอย่างขีปนาวุธ เกี่ยวพันถึงความมั่นคงของประเทศชาติ ไม่มีทางได้มาง่ายๆ เป็นแน่
อันหลินนึกขึ้นได้ว่าเซวียนหยวนเฉิงจะไปเยี่ยมชมและศึกยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหม จึงบอกเรื่องนี้กับเขา
เซวียนหยวนเฉิงก็ตกลงว่าจะช่วยเหลือในทันทีทันใด โดยใช้สถานะของทูตเซียน ขอเพียงหารืออย่างถูกทำนองคลองธรรม การขอขีปนาวุธข้ามทวีปขนาดเล็กไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
คำสั่งซื้อประการที่สองก็ได้รับการจัดการแล้วเช่นกัน
จากนั้น อันหลินก็เลื่อนสายตาไปที่ประการสุดท้ายของคำสั่งซื้อ ‘ลายเซ็นของตงฟางเสวี่ย’
มันเป็นรายการสินค้าจากศิษย์พี่บ้าดาราคนหนึ่ง ได้ยินว่าตั้งแต่ได้ชมคอนเสิร์ตของตงฟางเสวี่ย เขาก็ถอนตัวไม่ขึ้น และตัดสินใจว่าจะอยู่ที่แดนมนุษย์เพื่อตงฟางเสวี่ยไม่กลับสรวงสวรรค์แล้ว
หากไม่ใช่เพราะกัปตันทีมในตอนนั้นฉุดกระชากลากถู พาเขากลับสรวงสวรรค์ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะอยู่ที่แดนมนุษย์แล้วจริงๆ ก็ได้!
ตงฟางเสวี่ยเป็นนักร้อง หากคุณคิดว่าการขอลายเซ็นนักร้องคนหนึ่งเป็นเรื่องง่าย เช่นนั้นคุณก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
ตงฟางเสวี่ยไม่ใช่นักร้องทั่วไป เธอไม่เคยออกงานเชิงพาณิชย์เลย จะปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเพียงครั้งเดียว นั่นก็คือบนเวทีคอนเสิร์ต
การแสดงคอนเสิร์ตหนึ่งครั้ง อย่างมากที่สุดจะร้องเพียงห้าบทเพลง เอาแต่ใจเป็นอย่างมาก
แต่ว่า คนที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ตเรียกได้ว่าบ้าคลั่ง ที่นั่งเต็มทุกครั้ง!
ในความทรงจำของอันหลิน นักร้องหญิงยอดนิยมอันดับหนึ่งของประเทศ เป็นผู้หญิงที่ดุจดั่งสายลม
ไร้วี่แวว ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ
ไม่ว่าคุณเป็นใคร จะเป็นเศรษฐีตัวท็อปหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่พบใครหน้าไหนทั้งนั้น!
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอมีแฟนคลับล้นหลาม แต่ไม่มีใครมีลายเซ็นของเธอเลยแม้แต่คนเดียว!
คนที่ไม่เคยแจกลายเซ็นเลย การจะได้ลายเซ็นจากเธอนั้น ไม่ต้องคิดก็รู้ว่ายากปานใด
ตอนที่ศิษย์พี่คนนั้นมาแดนมนุษย์ ก็ใช้สถานะของทูตเซียน แต่ก็หน้าม่อยคอตก ไม่ได้เปรียบอะไรเลยสักนิด
เรื่องที่ศิษย์พี่ทำไม่ได้ เขาถึงได้ยกภารกิจอันใหญ่หลวงให้ศิษย์น้องคนนี้
บอกตามตรง หากไม่ใช่เพราะค่าตอบแทนที่ศิษย์พี่ให้มันสูงลิ่วละก็ อันหลินไม่อยากแตะต้องภารกิจเลยจริงๆ
เอ๊ะ ใช้สถานะไม่ได้ หรือต้องใช้กำลังให้เธอยอมจำนน
แม้แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นจะไม่หวาน[2] แต่เติมน้ำตาลได้นี่นา…
ไม่ได้ ไม่ได้!
อันหลินส่ายหน้าเป็นพัลวัน คิดในใจว่าทำไมตัวเองถึงได้มีความคิดต่ำช้าแบบนี้
ทำแบบนี้รู้สึกละอายใจไม่พอ ความหมายของลายเซ็นที่ศิษย์พี่ได้ไปก็ไม่เหมือนเดิม
“ทำยังไงดี…”
อันหลินนั่งพิงเก้าอี้ ทอดถอนหายใจ
“เป็นอะไรไป” เสียงสดใสดังขึ้นข้างหู
เถียนหลิงหลิงชะโงกหน้าอ่อนเยาว์เข้ามาใกล้หน้าของอันหลิน จ้องใบสั่งซื้อสินค้าในมือเขาอย่างแปลกใจ
เมื่อครู่เธอใช้วีแชทติดต่อกับเหล่านักพรตหญิงเพื่อขอรูปถ่ายโดยตรงอยู่ข้างๆ นี่เอง
ตอนนี้เมื่อได้ยินอันหลินถอนหายใจ เธอก็รีบวิ่งเข้ามา ดูว่ายังมีอะไรที่เธอสามารถช่วยได้ เพื่อให้ได้หินวิญญาณเพิ่มขึ้น…
“หา อยากได้ลายเซ็นของพี่ตงฟางเหรอ” พอเถียนหลิงหลิงเห็นใบสั่งซื้อของอันหลิน ก็ทำหน้าแปลกพิลึก
อันหลินได้ยินเธอเรียกตงฟางเสวี่ยว่าพี่ตงฟาง ก็รู้แล้วว่าได้เรื่อง จึงถามอย่างตื่นเต้นว่า
“เธอรู้จักตงฟางเสวี่ยด้วยเหรอ งั้นมีวิธีขอลายเซ็นจากเธอหรือเปล่า” …………………………………
[1] โอปป้า ในภาษาเกาหลี แปลว่าพี่ชาย
[2] แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นจะไม่หวาน หมายถึง การทำอะไรโดยฝืนมักได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี