“ปัญญาอ่อน”
หลินเมิ้งหยาถลึงตา ทว่านางกลับไม่ทำร้าย แต่มันกลับทำให้ชิงหูเจ็บปวด
แสร้งแสดงท่าทีเจ็บปวดเจียนตายอีกครั้ง ทว่ามือกลับรับก้านดอกไม้จากมือหลินเมิ้งหยามาด้วยความอ่อนโยน
“ข้ากินเองก็ได้ อย่าทำให้มือเจ้าต้องแปดเปื้อนเลย”
แตกต่างจากตัวดอกอันขมขื่น ใบของดอกมีรสหวานแทรกซึมออกมาเล็กน้อย
หลินเมิ้งหยายืนอยู่อีกฝั่ง สายตาจับจ้องชิงหูที่กินใบของดอกไม้จนหมดแล้ว หลังจากการกลืนครั้งสุดท้ายจบลง เสียงแผดร้องน่าอเนจอนาถดังขึ้น ร่างของชิงหูขดเข้าหากัน
“นี่…ใบของมัน…เกิด…อะไรขึ้น?”
ทั้งปวดทั้งคันจนรู้สึกอยากตาย
แต่เพราะแขนขาของเขาถูกจองจำเอาไว้ เรี่ยวแรงในร่างกายเริ่มเหือดหายไปเพราะความเจ็บปวดทรมาน
“ใบของมันมีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้า อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไป หากเจ้าแบ่งกินเป็นสองส่วนจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอันใด แต่ถ้ากินเข้าไปพร้อมกันทีเดียวแล้วละก็ แม้ประสิทธิภาพของยาจะดีอย่างล้นเหลือ แต่เจ้าจะเจ็บปวดเจียนตายเลยล่ะ”
ถือเป็นการทรมานเล็กๆ น้อยๆ ใครสั่งให้เจ้าเด็กนี่กล้าหักหลังนางกันเล่า
แต่ถึงกระนั้นหลินเมิ้งหยาก็ทำเพื่อรักษาอาการของชิงหูแต่เพียงเท่านั้น
หลังจากความเจ็บปวดอันแสนสาหัสผ่านพ้นไป ชิงหูเริ่มรู้สึกได้ว่าเรี่ยวแรงในร่างกายเริ่มกลับมาแล้ว
มุมตาและมุมปากเผยให้เห็นความอ่อนโยน ชิงหูยกมือขึ้นเพราะอยากจะจับใบหน้าเรียวเล็กของตนเอง ทว่าหลินเมิ้งหยากลับร้องห้าม
“อย่าจับ สิ่งเหล่านั้นคือยาพิษที่ออกมาจากร่างกายของเจ้า”
กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาเตะจมูก ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดผืนหนึ่งยื่นเข้ามาเช็ดมุมตาของเขา
“เอาล่ะ ข้าจะสั่งให้คนมาอาบน้ำให้เจ้า เท่านี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว”
หลินเมิ้งหยามิได้คิดอะไรมาก นางทำเพียงเช็ดใบหน้าให้เขาธรรมดาเท่านั้น ก่อนจะเหยียดกายลุกขึ้น
“สัญญาที่เจ้าได้ทำไว้กับข้าถือว่าเป็นอันยกเลิก หลังจากอาการของเจ้าดีขึ้นแล้ว เจ้าสามารถเลือกที่จะจากไปได้ ข้าไม่คิดรั้งเจ้าเอาไว้หรอก”
หลินเมิ้งหยาสั่งให้คนเข้ามาถอดโซ่ตรวนบนร่างของชิงหูออก
“เจ้าเด็กน้อย เหยียกลัวจะไม่มีเรื่องสนุกให้ทำ การได้อยู่ข้างกายเจ้าถือเป็นเรื่องน่าสนใจที่สุดของเหยีย”
เสียงของชิงหูดังขึ้นที่ด้านหลัง
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มใสซื่อ ฝีเท้าชะงักลงเล็กน้อย ก่อนจะออกจากคุกไปเพียงลำพัง
นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชิงหูกลายมาเป็นน้องชายคนหนึ่งของนางแล้ว
แต่หากเขายังกล้าหักหลังนางอีก เช่นนั้นนางจะทำให้เขานึกเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้
ห้องนั้นอยู่ลึกที่สุด หลินเมิ้งหยาเดินออกมาเพียงลำพังโดยไม่มีใครตามมาด้วย
ใบหน้านวลงดงามมีเสน่ห์ สีหน้าแววตาใสซื่อไร้เดียงสาแต่กลับสุขุมเยือกเย็นเพิ่มความลึกลับชวนค้นหาขึ้นมาหลายเท่าตัว
ดังนั้นคนที่อยู่ในคุกใต้ดินจึงให้ความสนใจกับการปรากฏตัวของนางค่อนข้างมาก
ในคุกใต้ดินมิได้มีเพียงคนทำผิดคิดชั่วที่กำลังจะตายเท่านั้น ทว่ายังมีคนที่มีกำลังวังชาและกำลังผิวปากด้วยท่าทางรื่นรมย์ แต่กลับมิกล้าเอ่ยคำหยาบคายใดๆ ออกมา
ราวกับว่ามิใช่เพียงนักโทษธรรมดา
เส้นทางคดเคี้ยวของคุกใต้ดินมิได้เป็นเพียงเส้นทางเล็กๆ เท่านั้น
ยิ่งอยู่ภายใต้ความมืดที่มีเพียงแสงริบหรี่จากเปลวเทียน หลินเมิ้งหยายิ่งหาทางเดินได้ยากยิ่ง ราวกับว่าที่นี่มิใช่ทางที่นางผ่านเข้ามาในตอนแรก
บังคับฝีเท้าให้ก้าวช้าลง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าภายในคุกใต้ดินอันแสนอับชื้นแห่งนี้จะมีกลิ่นยาลอยตลบอบอวลออกมา
หลินเมิ้งหยาเดินตามกลิ่นไปจนหยุดยืนอยู่หน้าห้องที่มิได้ทำการล็อกประตูเอาไว้
มองดูประตูหินขนาดใหญ่ที่กำลังปิดสนิท หลินเมิ้งหยายื่นมือออกผลักด้วยความสงสัย
ที่นี่มีคนประเภทไหนอยู่กันนะ?
“ท่านหญิงจากที่ใดผ่านเข้ามาโดยไร้มารยาทเช่นนี้กันนะ หากคิดจะเข้ามาข้างใน อย่างน้อยก็ควรเอ่ยขออนุญาตก่อนมิใช่หรือ?”
เสียงแหบแห้งของชายชราดังขึ้น หลินเมิ้งหยาตกใจจนตัวโยน
นางรีบชักมือกลับ มองไปรอบๆ ทิศทาง ทว่าเสียงนั้นกลับดังมาจากภายใน
“คุณชายโปรดอภัย ข้าเพียงแต่หลงทางมาเท่านั้น หาได้คิดเข้ามารบกวนท่านไม่”
ในเมื่อเขาไม่ชอบถูกรบกวน เช่นนั้นหลินเมิ้งหยาจึงเตรียมตัวเดินจากไป
ทว่ายังไม่ทันที่จะขยับฝีเท้า เสียงของชายชรากลับดังขึ้นอีกครั้ง
“ฮึ นังหนูคนนี้น่าสนใจจริงเชียว ไม่ว่าใครหน้าไหนต่างก็อยากเข้ามาในนี้ทั้งสิ้น แต่เจ้ากลับคิดจะจากไปโดยไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์ หรือเจ้ากำลังเล่นละครตบตาข้าเหล่าซิ่วผู้นี้อยู่กระนั้นหรือ?”
ได้ยินน้ำเสียงดูแคลนจากอีกฝ่าย หลินเมิ้งหยาเริ่มรู้สึกต่อต้านขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้าเพียงแต่เดินผ่านมาทางนี้เท่านั้น จู่ๆ จมูกก็ได้กลิ่นหอมของยาที่ท่านกำลังทำ ดังนั้นจึงรู้สึกแปลกใจ หากท่านมิชอบการถูกรบกวน เช่นนั้นข้าจะไปบัดเดี๋ยวนี้ ท่านกับข้าหาได้รู้จักกันมาก่อนไม่ เหตุใดข้าจึงต้องแสร้งเล่นละครตบตาท่านด้วยเล่า?”
ทัศนคติมิได้แสดงออกถึงการต่อต้านหรือยอมจำนน อีกทั้งยังเจือไว้ซึ่งความเย่อหยิ่งยโสโอหัง
ชายชราผู้นี้หยิ่งยโสยิ่งนัก ที่นี่เป็นเพียงคุกใต้ดินเท่านั้น หาใช่สวรรค์ชั้นฟ้าของเทพเซียนไม่ เหตุใดนางจะต้องอยากเข้าไปข้างในด้วยเล่า
“ฮ่าๆ นังหนูคนนี้ปากคอเราะรายจริงเชียว ถูกใจข้ายิ่งนัก หากเจ้าสงสัยแล้วละก็ เช่นนั้นจงเข้ามาดูเถิด”
คนผู้นี้แปลกเสียจริง
แต่ไหนแต่ไรมา คนที่มีความสามารถมักจะมีห้วงอารมณ์ที่แปลกประหลาดเสมอ
หลินเมิ้งหยาปรับทัศนคติเสียใหม่ ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามเชื้อเชิญนางแล้ว เหตุใดนางจะต้องขัดขืนด้วยเล่า?
ผลักประตูหินเข้าไป ตอนแรกหลินเมิ้งหยาคิดว่าจะได้เห็นห้องขังอันแสนมืดมิด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะเป็นห้องหรูหรา ทว่าเงียบสงบ
มีเพียงเตียงหนึ่งหลัง อีกทั้งยังมีโต๊ะทำจากหินที่มีขวดวางเรียงราย
ภายในดูเหมือนจะยังมีห้องเชื่อมต่อไปอีก ทว่าในนั้นกลับมืดมิดจนมองเห็นได้ไม่ชัด
ทว่าภายในห้องแห่งนี้มีโต๊ะเก้าอี้และอุปกรณ์ทุกอย่างครบครัน ราวกับว่ามีคนอยู่อาศัยเป็นปกติอย่างไรอย่างนั้น
กลิ่นของยาภายในห้องค่อนข้างฉุน หลินเมิ้งหยาสูดดมเข้าไป สมองพลันปรากฏรายชื่อยามากมายจนนางเกือบจะเป็นลมสลบไป
ยามากมายขนาดนี้ หรือจะเป็นยาพิษ? ชายชราผู้นี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
“นังหนู ดื่มซิ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ หลินเมิ้งหยารับขวดหยกมา เปิดจุกไม้ก๊อกสีน้ำตาลออก ภายในมีเม็ดยาขนาดเท่าเม็ดลำไยอัดแน่นอยู่ภายใน
รูปร่างกลมกลึงละเอียดอ่อน
ทว่านางกลับรับยาขวดนั้นไปแล้วตั้งใจสูดดมกลิ่นหอมของยาภายในห้อง
“ยาพิษภายในห้องนี้ล้วนผ่านกรรมวิธีหลากหลายอย่างมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีพิษอีกต่อไป แต่ถึงกระนั้นกลิ่นก็แย่มากเหลือเกิน หากกินยาตันเหย้าตัวนี้เข้าไป จมูกก็จะมิได้กลิ่นอื่นใดอีก จากนั้นคงทำได้แต่เพียงนั่งปลอบใจตัวเองเท่านั้น”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้เจ้าของห้องรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ราวกับว่าเขาคิดไม่ถึงเลยว่าความลับของยาตันเหย้าจะถูกเปิดเผยออกมาจากปากของเด็กสาวผู้นี้
ไม่นาน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพลันเดินออกมาจากความมืด
อายุราวห้าสิบกว่าปี สวมใส่ชุดสีแดงเข้ม ใบหน้ามีรอยตีนกา ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลอะเปรอะเปื้อนเพราะยังไม่ทันได้ทำความสะอาด
รูปร่างสูงใหญ่ ผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับรังนก แววตาสุขุม ดวงตามีรอยเส้นเลือดสีแดงเป็นเส้นๆ สีหน้ามัวหมอง ปากอ้าค้างขณะมองหน้าหลินเมิ้งหยาด้วยความตกตะลึง
หลินเมิ้งหยามองอีกฝ่ายพร้อมทั้งเตรียมป้องกันตัว ชายคนนี้มีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างอะไรจากขอทานจีนในตำนานเลยแม้แต่น้อย!
การที่คนเราจะปล่อยปละละเลยกับตัวเองขนาดนี้ได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนโง่ แต่เขาเป็นคนบ้างานต่างหาก
“เจ้ารู้ได้อย่างไร? ภายในห้องแห่งนี้มีตัวยามากถึงหนึ่งพันชนิด หรือว่าเจ้าสามารถแยกมันออกได้ทั้งหมด?”
ชายคนนั้นยกมือทั้งสองข้างขึ้น ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อ
หลินเมิ้งหยาขยับเท้าถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างไม่ไว้หน้า สายตาพลันมองหาสิ่งของที่พอจะนำมาป้องกันตัวได้
หรือชายคนนี้จะเป็นพวกตาแก่โรคจิต?
เคยได้ยินนักเรียนแพทย์จิตวิทยาพูดว่าเวลาคนที่จิตใจผิดปกติระบบอารมณ์จะยากมากต่อการควบคุม
นาง…จะต้องระมัดระวังเอาไว้
“ข้าไม่สามารถจำแนกออกมาได้ทั้งหมดหรอก เพียงแค่รู้บ้างเล็กน้อย เล็กน้อยเท่านั้น”
หลังจากเอ่ยด้วยท่าทางมั่นใจจนจบ สีหน้าของชายคนนั้นพลันเผยให้เห็นถึงความผิดหวัง
หมุนตัวกลับ ตาแก่โรคจิตเดินกลับไปล้างหน้า
หลังจากใช้ผ้าเช็ดหน้าจนสะอาดแล้ว เขานั่งรถบนเก้าอี้ตัวใหญ่ฝั่งตรงกันข้ามหลินเมิ้งหยา
“นังหนู ดูเหมือนเจ้าจะมีความรู้ทางการแพทย์?”
หลินเมิ้งหยาเพิ่งจะได้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของชายผู้นี้ แม้ผมเผ้าจะยังคงรกรุงรัง ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับเผยออกมาให้เห็น
หากเทียบกับชายรูปงามที่ตนเองได้ประสบพบเจอแล้ว ท่านลุงตรงหน้าดูเป็นคนใจเย็นและเป็นผู้ใหญ่
หากเขาอยู่ในยุคปัจจุบัน รับรองเลยว่าสาวน้อยสาวใหญ่จะต้องหลงใหลเขาเป็นบ้าเป็นหลังอย่างแน่นอน
ชายคนนี้เป็นคุณลุงที่หล่อเหลามากจริงๆ
“ข้า…เพียงแค่รู้บ้างเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีประสาทสัมผัสว่องไวเกี่ยวกับยาพิษ”
นอกจากประสาทสัมผัสว่องไวแล้ว บางครั้งนางยังรู้สึกงุนงงกับความสามารถของตนเอง
แม้ส่วนใหญ่จะมีเรดาร์ในการตรวจจับที่มีประสิทธิภาพ แต่ถึงกระนั้นนางยังเป็นคน มิใช่เครื่องจักร
หากข้างกายมียาพิษแม้เพียงเล็กน้อยและไม่เป็นอันตรายต่อตัวนาง ทว่าเรดาร์ในการตรวจจับยาพิษกลับร้องเตือนนางอย่างบ้าคลั่ง
ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทานทนได้ เพราะแม้แต่ในความฝันยังปรากฏชื่อยาออกมาให้เห็น
“โอ้? เพราะตอนนี้โลกใบนี้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นคนเราจึงไม่พูดคุยกันเรื่องยาพิษแล้วกระนั้นหรือ?”
น้ำเสียงของท่านลุงรูปงามปิดน้ำเสียงดูแคลนเอาไว้ไม่มิด
หลินเมิ้งหยาสัมผัสได้ แต่ถึงกระนั้นกลับมิได้แสดงท่าทีอันใดออกมา
แม้นางจะโง่เขลาสักเพียงไหน แต่นางก็รู้แล้วว่าชายคนนี้ทำอาชีพอะไร
เกรงว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ด้านการวิจัยยาพิษ อีกทั้งยังเก่งมากอีกด้วย
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
“ยาพิษเองก็มีส่วนดี แม้แต่ยาอายุวัฒนะเองก็มีข้อเสีย นั่นขึ้นกับว่าคนที่นำมันไปใช้จะเอาไปใช้ในทิศทางไหน มิต่างอะไรจากอาวุธ หากตกอยู่ในมือของคนดีก็จะกลายเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือผู้อื่น แต่ถ้าหากตกอยู่ในมือของคนชั่วก็จะกลายเป็นสิ่งทำลายผู้อื่น”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหลินเมิ้งหยาเข้าไปทิ่มแทงใจของท่านลุงผู้นั้น
เขาจับจ้องมองสายตาของนาง ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความชื่นชม
ยิ่งมีอุปนิสัยแปลกประหลาดมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีความจริงใจมากเท่านั้น
ท่านลุงรูปงามตรงหน้ามักทำอะไรตามอำเภอใจ ซึ่งนั่นเป็นข้อแตกต่างจากคนปกติทั่วไป
“อืม มีเหตุผล เช่นนั้นคนดีเป็นเช่นไร แล้วคนเลวเป็นเช่นไรกันเล่า?”
คำถามคลุมเครือเช่นนี้ทำให้หลินเมิ้งหยาผงะ
คนดี? คนเลว?
ส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ย
“บนโลกใบนี้หาได้มีคนดีอย่างหมดจดหรือไม่ แม้แต่คนเลวอย่างหมดจดก็หามีไม่ เพียงแค่สิ่งเหล่านั้นขึ้นอยู่กับความคิดของมนุษย์ก็เท่านั้น”
“ใช่แล้ว! พูดได้ดี!! ข้าชอบคนคิดนอกกรอบเช่นเจ้ายิ่งนัก กฎระเบียบล้วนเป็นเพียงเรื่องหยาบช้าที่คนเรากำหนดขึ้นเท่านั้น การใช้ชีวิตโดยเชื่อฟังหัวใจของตนเองต่างหากที่จะทำให้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ นังหนู เจ้าสนใจจะเป็นลูกศิษย์ของข้าหรือไม่?”
เฮลโหล! ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติมิใช่หรือ?
นาง…แค่เดินผ่านทางมาเท่านั้นนะ