ตอนที่ 91 ผมก็แค่อยากพาคุณออกมาเดินเล่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ / ตอนที่ 92 หัวใจเต้นแรง

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 91 ผมก็แค่อยากพาคุณออกมาเดินเล่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ

 

 

“แน่นอนสิ ผมอยากเป็นหนึ่งเดียวในโลก”

 

 

เธอขำเบาๆ ความต้องการเช่นนี้เหมือนว่าเธอจะได้ยินมาก็ไม่น้อย

 

 

ไม่ว่าใครก็ล้วนต้องการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวของตัวเองในทุกๆ ด้าน

 

 

เสื้อผ้าก็ไม่อยากสวมรุ่นเดียวกับที่คนอื่นสวม เครื่องประดับเองก็ต้องไม่ซ้ำใคร กระเป๋าก็ต้องลิมิเต็ดอิดิชัน

 

 

โดยเฉพาะเรื่องกลิ่น แทบจะทุกครั้งของการทำวิจัยก่อนการพัฒนา ทุกคนต่างก็ต้องการจะมีรุ่นที่เป็นของตัวเองเพียงคนเดียว

 

 

สำหรับนักธุรกิจแล้วนี่อาจดูขัดแย้งกันเล็กน้อย

 

 

ด้านข้างของทะเลสาบที่ถูกสร้างขึ้นตรงหน้ามีศาลาอยู่หลังหนึ่ง ทั้งคู่ก้าวเดินไปยังที่นั่นอย่างใจตรงกัน

 

 

“หนึ่งเดียวในโลกเหรอ…นี่เป็นสิ่งที่นักปรุงน้ำหอมทุกคนกำลังตามหา บอกมาก่อนสิว่าคุณชอบกลิ่นอะไร”

 

 

ระยะห่างระหว่างศาลาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของระลอกคลื่นบนผิวน้ำภายใต้แสงไฟ

 

 

“ที่ผมชอบ?” เขาเอ่ยถามเสียงทุ้ม รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นจากเบื้องลึกของดวงตา

 

 

“ถ้าผมชอบกลิ่นของคุณนี่นับด้วยรึเปล่า”

 

 

“…” เฉินฝานซิงสำลัก

 

 

เท้าที่กำลังก้าวเข้าไปในศาลาสะดุดลงจนหน้าคะมำ

 

 

หนังศีรษะชาไปหมด วินาทีต่อมาร่างของเธอก็ได้ถูกดึงเข้าสู่อ้อมแขนของชายหนุ่ม

 

 

เสียงหัวเราะเบาๆ ลอยออกมาราวกับกลุ่มเมฆที่ปรกอยู่เหนือศีรษะ “ผมล่ะชอบตอนที่คุณเซ่อซ่าแบบนี้จริงๆ คงจะมีแค่เวลาแบบนี้ล่ะมั้งที่คุณจะยอมโผเข้ามาในอ้อมกอดผม”

 

 

“ไม่ใช่เพราะคุณหรอกเหรอที่จู่ๆ ก็พูดอะไรนอกเรื่อง!”

 

 

เฉินฝานซิงยืดตัวขึ้น ปลีกตัวออกจากอ้อมกอด เพราะความลนลานจึงทำให้สะดุดเข้ากับเท้าของตัวเองจนต้องถอยไปข้างหลังสองก้าวแล้วไปชนเข้ากับเสาที่ทาด้วยสีแดงข้างหลังของเธอ

 

 

ระหว่างนั้นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดเธอจึงได้คว้าบางอย่างเอาไว้ตามสัญชาตญาณ

 

 

ภายใต้ความคับขันสิ่งที่เธอคว้ามาได้นั่นก็คือเนกไทของป๋อจิ่งชวน ร่างสูงใหญ่นั้นถูกบังคับให้ถลาเข้าไปหาเธอ

 

 

เมื่อคิดว่าเธอคงต้องโดนร่างกำยำของชายหนุ่มกับกดทับร่างแหลกเป็นเสี่ยงๆ แน่แล้ว

 

 

เธอจึงได้หลับตาปี๋ น้อมรับโชคชะตาที่กำลังจะมาถึง

 

 

แต่ทว่า ฝ่ามือใหญ่อุ่นร้อนได้นาบลงด้านหลังเอวของเธอ หลังจากที่พลิกตัวกลับมาได้ ก็ตามมาด้วยเสียงอู้อี้พร้อมกับเสียงของร่างที่กระแทกเข้ากับเสาอย่างหนักหน่วง ตอนนี้ทั้งร่างของเธอได้ถูกล้อมไว้ด้วยความอบอุ่น

 

 

เรื่องที่คาดเดาไว้กลับไม่ได้เกิดขึ้น เสียงอู้อี้และเสียงกระแทกนั้นทำให้ดวงตาของเธอเบิกโพลงขึ้นทันที

 

 

เธอแหงนหน้ามองชายหนุ่มที่ขมวดคิ้วแน่น ทำให้เธอรู้ตระหนกเล็กน้อย

 

 

“คุณไม่เป็นไรนะ?”

 

 

ป๋อจิ่งชวนเม้มปากแน่น “ไม่เป็นไร”

 

 

“แต่ว่าคุณ…” เธอเบี่ยงตัวเพื่อจะดูไหล่ของเขา ก็เมื่อกี้เธอได้ยินเสียงกระแทกแรงๆ นั้นดังเต็มสองหู!

 

 

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

 

 

เขาก้มลงมองเธอ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและกังวลทำหัวใจของเขาสั่นคลอน สายตาค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างลึกซึ้ง

 

 

ฝ่ามือบนเอวค่อยๆ เพิ่งแรงบีบ

 

 

“ผมก็แค่อยากพาคุณออกมาเดินเล่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ”

 

 

“ว่าไงนะ” เธอรู้สึกสับสน แหงนมองเขาด้วยสีหน้าที่ยังไม่คลายความเป็นห่วง

 

 

“ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรคุณ” เขายังคงอธิบายต่อ

 

 

“ฉันทราบค่ะ”

 

 

เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาเสียหน่อยไม่ใช่เหรอ

 

 

“ตอนแรกมันก็เป็นแบบนั้นไม่ผิด แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะเปลี่ยนไปแล้ว”

 

 

ดวงตาที่จ้องมองเธอยิ่งมืดครึ้มลงเรื่อยๆ น้ำเสียงเองก็ทุ้มต่ำลงเช่นกัน

 

 

“ทำไม”

 

 

เธอถูกเขาจ้องจนเริ่มอึดอัด จึงผลักไหล่ของเขาเพื่อจะออกห่าง แต่ทว่ามือใหญ่บนเอวนั้นกลับพันธนาการเธอไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง

 

 

“เมื่อกี้ผมโกหกคุณ จริงๆ แล้วหลังของผมมันเจ็บมาก” เขาพูดต่อพร้อมทั้งยื่นมืออีกข้างขึ้นช้อนคางเธอขึ้นมา

 

 

“เพราะว่าช่วยคุณผมถึงได้เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นคุณต้องชดใช้”

 

 

ใบหูของเธอแดงระเรื่อ เธอถอยร่นไปข้างหลังพลางดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความอันตรายของเขา

 

 

“ป๋อจิ่งชวน…”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 92 หัวใจเต้นแรง

 

 

“ป๋อจิ่งชวน…”

 

 

เธอพูดไม่ทันจบ ฝ่ามือใหญ่แข็งแกร่งก็ได้รั้งร่างของเธอเข้าสู่อ้อมกอดของเขาอีกรอบจนเธอรู้สึกเจ็บๆ ที่สันกราม

 

 

“ป๋อ…”

 

 

การกระทำที่กะทันหันของเขาเล่นเอาเธอแทบใจหายใจคว่ำ

 

 

มือคู่นั้นดันลงบนตำแหน่งที่อยู่เหนือหัวใจของเขา แต่ทว่าเขากลับเพิ่มแรงเพื่อกักขังเธอเอาไว้

 

 

“ที่ผมพูดเมื่อกี้ไม่ได้ล้อเล่นนะ หนึ่งเดียวในโลก ผมขอแค่คุณก็พอแล้ว”

 

 

หัวใจที่ไม่สงบอยู่แล้วยิ่งทำงานหนักขึ้น เธอลังเลอยู่นาน ในสมองนั้นเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงจนทำอะไรไม่ถูก!

 

 

สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจดันเขาออก แล้ววิ่งออกจากศาลาไป

 

 

เธอวิ่งหนีไปด้วยหัวใจที่สับสน

 

 

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นเธอกลับรู้สึกได้ถึงสายตาที่ไล่ตามหลังเธอมาอย่างไม่ลดละ

 

 

ป๋อจิ่งชวนจ้องมองแผ่นหลังของคนที่จากไปอย่างตื่นตระหนกแล้วยกมือขึ้นเกลี่ยมุมปาก

 

 

 

 

เฉินฝานซิงวิ่งกลับมายังห้องนอนในตัวบ้านอย่างโดดเดี่ยว หัวใจดวงนั้นเต้นหนักหน่วงจนแทบทะลุออกมาจากอก

 

 

มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกเอาไว้แน่น ผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงได้

 

 

เอาไงดี

 

 

หัวใจของเธอ…เต้นแรงมาก

 

 

มือที่กุมอกอยู่นั้นกำเข้าหากันแน่น

 

 

ระยะเวลาที่พวกเขารู้จักกันสั้นเสียขนาดนี้!

 

 

เขาจะเชื่อใจได้จริงๆ เหรอ

 

 

ความรู้สึกแปดปียังคลอนแคลนลงได้ นับประสาอะไรกับเธอและเขาที่ใช้เวลาร่วมกันเพียงไม่กี่วัน…

 

 

เธอก้าวไปข้างเตียงอย่างเชื่องช้า แต่กลับค่อยๆ ทิ้งตัวลงบนพื้นพรมแล้วเอนตัวพิงเตียง

 

 

จากนั้นเธอกัดริมฝีปากพลางขยี้เส้นผม แล้วทอดมองไปยังทิวทัศน์สลัวๆ ที่ตรงกับหน้าต่างอย่างพอดิบพอดี นัยน์ตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความสับสน…

 

 

ป๋อจิ่งชวนคุณจะทำได้จริงๆ เหรอ

 

 

ป๋อจิ่งชวนได้กลับมายังห้องนอน หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเสื้อคลุมอาบน้ำก็ถูกนำมาสวมทับไว้บนร่างกาย เขายืนอยู่ที่ริมหน้าต่างเนิ่นนานพร้อมทั้งแก้วไวน์ในมือ

 

 

รอยจูบที่ริมทะเลสาบไม่อาจถูกลบเลือน

 

 

เขาชื่นชมตัวเองที่ไม่ใช่พวกความต้องการสูงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

 

 

จริงๆ แล้วเขามักจะปฏิเสธพวกผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ

 

 

เขารู้สึกว่าการใกล้ชิดกับผู้หญิงไปจนถึงขั้นแตะเนื้อต้องตัวซึ่งกันและกัน หรือเจอกันซึ่งๆ หน้าเป็นอะไรที่ทำให้เขาอึดอัดอย่างถึงที่สุดทุกครั้งเมื่อต้องนึกถึงมัน

 

 

สกปรก