ตอนที่ 78 : การเข้าร่วมกองทัพของโจวอวิ๋น
ในทางการแพทย์จีนนั้นแบ่งสีพลังออกได้ตามนี้ เขียวคือตับ, แดงคือหัวใจ, เหลืองคือม้าม, ขาวคือปอด, ดำคือไต
หินที่เปล่งแสงห้าสีออกมานั้นมีสีเขียว, แดง, เหลือง, ขาวและดำ ดังนั้นประสิทธิภาพและบทบาทของมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
หากบัวหิมะน้ำแข็งนั้นเป็นยาจิตวิญญาณ โสมคนเป็นสมุนไพรได้ งั้นหินห้าสีนี้ก็คือหินยา
หินห้าสีนี้มีพลังวิญญาณห้าแบบ หลังจากที่ดูดซับมันเข้าไปแล้ว มันจะเพิ่มความแข็งแกร่งและพัฒนาการเติบโตของอวัยวะภายในทั้งห้า มันจะยกระดับการทำงานของร่างกาย มันถึงกับมีข่าวลือในเน็ตบอกกันว่าเมื่อกินหินห้าสีเข้าไป มันจะช่วยลดการแก่ตัว, เพิ่มอายุขัยและเพิ่มความแข็งแกร่ง มันสามารถต้านทานพิษได้ว่าร้อยชนิด หากหินห้าสีนี้ใหญ่พอและให้พลังวิญญาณมากพอ งั้นมันอาจจะทำให้คนทะลวงขีดจำกัดของตัวเองกลายเป็นสุดยอดมนุษย์ได้
ดังนั้นเมื่อหวังเย่าเห็นว่าจ้าวเมิ่งซีเอาหินห้าสีนี้ให้กับเขา เขาก็ต้องแปลกใจและถึงกับหายใจถี่ขึ้นมา
“เมิ่งเอ๋อร์ ขอบคุณมาก” หวังเย่าพยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง เขารับหินห้าสีไปและพูดขึ้น “รอฉันผ่านการสัมภาษณ์ก่อนแล้วจะกินมันเข้าไปเพื่อปรับร่างกาย ฉันจะไม่ให้พลังของมันเสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย”
“งั้นฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน” จ้าวเมิ่งซีเห็นท่าทีของหวังเย่าก็หัวเราะออกมา
…
วันต่อมา ขณะที่หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีกำลังกินข้าวเช้าที่ร้านอาหารข้างถนนอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงคนพูดขึ้น
“ อาเย่า นายเห็นรถนี่มั้ย รถนี่น่ะเป็นรุ่นล่าสุด รูปทรงเท่สุด ๆ และวิ่งได้นุ่มสุด ๆ ด้วย….”
โจวอวิ๋นถือหมวกกันน็อคไว้ในมือและรีบลงจากมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะตะโกนขึ้นมา จนทำให้แขกคนอื่น ๆ ภายในร้านพากันแปลกใจ
หวังเย่าพูดขัดขึ้นมา “เงียบได้แล้ว นายไปหาอะไรกินก่อน ฉันฟักอสูรของนายแล้ว นายจะต้องแปลกใจแน่ ๆ เตรียมใจเอาไว้เลย”
โจวอวิ๋นได้ยินแบบนั้นก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขารีบเรียกบริกรมาเพื่อสั่งอาหารก่อนจะรีบกินมันทันที
“ฉันอิ่มแล้ว เอามาให้ฉันดูเร็วเข้า” โจวอวิ๋นร้อนใจอย่างมาก
หวังเย่าพยักหน้าก่อนจะส่งกำไลอสูรให้กับอีกฝ่าย
โจวอวิ๋นรับมันไป ก่อนจะหยดเลือดเพื่อตีตราความเป็นเจ้าของลงไปที่กำไล จากนั้นกำไลก็สร้างการเชื่อมต่อกับหัวใจเขา แค่ส่งจิตเข้าไปตรวจสอบก็พบว่ามีราชาอินทรีย์เลเวล 1 ปรากฏตัวขึ้นมา รอบตัวมันมีแสงสีทองส่องประกายออกมาอยู่ด้วย
“ระดับทองจริง ๆ ด้วย นายไม่ใช่แค่ฟักมันได้แต่ยังทำให้มันพัฒนาไปอยู่ระดับทองอีก น่าทึ่งจริง ๆ ” ดวงตาของโจวอวิ๋นเป็นประกาย เขาอดที่จะดีใจขึ้นมาไม่ได้
หวังเย่ากระซิบออกมา “เบา ๆ อย่าไปรบกวนคนอื่น”
โจวอวิ๋นเงียบไปทันที ก่อนจะมองรอบ ๆ ตัว “ ฉันตื่นเต้นไปหน่อยเลยห้ามตัวเองไม่อยู่ คราวหน้าฉันจะระวังตัวไว้”
หวังเย่าพยักหน้า เมื่อโจวอวิ๋นเลือกที่จะเรียนรู้การลาดตระเวนและซ่อนตัว การที่อีกฝ่ายระวังตัวก็เป็นเรื่องสำคัญ
จ้าวเมิ่งซีเอ่ยชมออกมา “ราชาอินทรีย์นี่สวยจริง ๆ เลย หวังเย่า นายนี่เลือกแต่อสูรดี ๆ ฉันว่ามันต้องมีสกิลดี ๆ ติดตัวแน่”
“ฉันจะเก็บไว้ให้เธอแน่ถ้าฉันหาอสูรดี ๆ เจอ” หวังเย่าหัวเราะออกมา “สำหรับสกิลของมันแล้ว อันที่จริงอินทรีย์นี่มีหลายสกิลที่ได้รับการยกระดับขึ้นมา มันบินได้ถึงชั้นสตราโทสเฟียร์ และมองได้ไกลกว่าเดิมถึง 10 เท่า มันมองทะลุเมฆได้ รวมถึงดิ่งตัวลงจากฟ้า เพื่อพุ่งชนเป้าหมาย แถมยังหายตัวได้ตั้ง 30 นาที”
ทั้งสองต่างก็ตะลึง สกิลของมันยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว มันแกร่งกว่าอินทรีย์ทั่วไปกว่า 10 เท่า
“อย่าเพิ่งรีบดีใจไป” หวังเย่าพูดต่อ “จุดอ่อนของมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว มันต่อสู้ระยะประชิดไม่ได้ ร่างกายของมันเปราะบาง มันไม่อาจจะป้องกันตัวเองได้ ดังนั้นตอนที่ใช้มันก็ระวังหน่อย “
“เข้าใจแล้ว” โจวอวิ๋นพยักหน้า “จริงสิ ฉันจะกันไม่ให้มันหนีได้ยังไง ? ”
ปัญหานี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอีกครั้ง โจวอวิ๋นยิ้มแห้ง ๆ ออกมา “อันที่จริงฉันก็ไม่ได้เก่งนัก ฉันกลัวว่าจะรักษามันไว้ไม่ได้”
หวังเย่าเอากำไลอสูรอีกอันออกมา ก่อนจะส่งให้กับโจวอวิ๋น “หยดเลือดลงไปสิ”
โจวอวิ๋นรับมาด้วยความแปลกใจก่อนจะทำการหยดเลือดลงไป เมื่อรับรู้ถึงตัวตนที่อยู่ด้านใน เขาก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“นี่…นี่มันอะไร ? ” โจวอวิ๋นเรียกอินทรีย์อีกตัวออกมา อินทรีย์ทั้งสองนั้นเหมือนกันราวกับแกะ
หวังเย่ายิ้มออกมา ก่อนจะพูดว่า “คนเรายังมีแฝดได้เลย อินทรีย์ก็เหมือนกัน อินทรีย์สองตัวนี้มีการเชื่อมต่อทางหัวใจต่อกัน พวกมันรับรู้ถึงกันได้ ฉันให้นายไป 2 ตัว ฉันเชื่อว่านายจะใช้มันได้ดี ตอนที่นายฝึกมันก็ฝึกทีละตัว ถึงมันจะหนีไป แต่มันก็ต้องกลับมาเพราะหัวใจของอินทรีย์อีกตัวนั้นเชื่อมต่อกับมันอยู่ มันไม่อาจจะทิ้งแฝดของมันได้”
โจวอวิ๋นพยักหน้า เขาเริ่มน้ำตาซึมขึ้นมา อสูรระดับทองเลเวล 1 สองตัวนี้มีค่าต่อเขาอย่างมาก มูลค่าของมันไม่ได้น้อยกว่าอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย
จ้าวเมิ่งซีคิดก่อนจะพูดขึ้นมา “โจวอวิ๋น อินทรีย์สองตัวนี้หน้าตาเหมือนกัน นายควรปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ให้คนอื่นรู้ว่านายมีราชาอินทรีย์แค่ตัวเดียวก็พอ”
หวังเย่าพยักหน้า “ใช่ เผื่อว่าจะเป็นไพ่ลับหากนายหมดหนทางจริง ๆ ”
โจวอวิ๋นตบอกและพูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจ “แน่นอน ฉันจะไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องนี้”
เมื่อพูดจบเขาก็เก็บราชาอินทรีย์เข้าไปในกำไลทันที
“จริงสิ อาเย่า ฉันหาข้อมูลมาเยอะและพบกองทัพที่เหมาะกับฉันที่สุดแล้ว หลังจากที่ทำการสมัครไป ฉันก็ได้รับข้อความตอบกลับมาว่ารับฉันแล้ว ฉันต้องเข้าไปรายงานตัวในตอนบ่าย หากผ่านการทดสอบ ฉันก็จะต้องไปที่เขต 3 เพื่อเข้าร่วมการฝึกพิเศษ ฉันคงไม่ได้กลับมาง่าย ๆ ”
โจวอวิ๋นวางกุญแจมอเตอร์ไซค์และของอื่น ๆ ไว้บนโต๊ะ
“ฉันหวังว่านายจะทำสำเร็จ” หวังเย่าตบไหล่อีกฝ่ายและยิ้มออกมา “พยายามตามฉันให้ทัน”
3 นาทีต่อมา โจวอวิ๋นก็ได้ออกจากร้านไป
“เราเองก็ไปกันเถอะ” หวังเย่าเก็บของ ก่อนจะขึ้นไปขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีจ้าวเมิ่งซีซ้อนท้ายด้วยสีหน้ากังวล มือของเธอจับเสื้อเขาไว้แน่น เธอนั่งหันไปด้านข้าง เมื่อตราบัวหิมะบนหน้าผากของเธอสะท้อนกับแสงทำให้เธอโดดเด่นยิ่งกว่าเดิม
ระหว่างทางไปมหาวิทยาลัย ทั้งสองขี่ผ่านคนไปนับไม่ถ้วนและทำให้ผู้คนต่างก็พากันอิจฉาทั้งคู่