“คนพวกนี้คงไม่ฆ่าพวกเราใช่มั้ยเจ้าคะ?”
ป๋ายจื่อขยับตัวชิดผนัง หวาดกลัวเจียนตาย
แม้แขนขาของพวกนางจะถูกมัดเอาไว้ ทว่ากลับไม่แน่น บางทีอีกฝ่ายคงคิดว่าพวกนางไม่มีทางหนีออกไปได้อย่างแน่นอน
ช่วยกันแก้เชือกจนสำเร็จ แต่หลินเมิ้งหยามิได้ลองหาทางหนี
แต่นางกลับนั่งลงข้างกายป๋ายจื่อเพื่อสะสมเรี่ยวแรง
ด้านนอกมีเพียงเสียงย่ำเท้าของม้า ไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆ
คนเหล่านี้ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังกำหนดเป้าหมายเอาไว้อย่างชัดเจน ดูเหมือนพวกเขาจะมิใช่เพียงโจรลักพาตัวเพื่อขู่กรรโชกทรัพย์สินธรรมดา
“พาตัวมาแล้ว นายท่านอยู่ที่ไหน?”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานมากขนาดไหน อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็ได้ยินเสียงรถม้าหยุดลง
ด้านนอกมีเสียงชายแปลกหน้าคนหนึ่งดังขึ้น
ผลปรากฏว่าพวกเขามีการวางแผนเอาไว้แล้ว หรือนี่จะเป็นการวางแผนตลบหลัง?
ไม่สิ การออกมาไหว้พระกับพระสนมเต๋อเฟยในวันนี้เป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นมากะทันหัน
คนในจวนล้วนถูกหลงเทียนอวี้ตรวจสอบจนประวัติใสสะอาดแล้ว พวกคนสอดแนมล้วนถูกส่งไปอยู่นอกจวนหมดแล้ว
ไม่มีทางที่จะมีใครรู้ว่านางมาไหว้พระกับพระสนมเต๋อเฟยในวันนี้
แต่คนเหล่านี้ล้วนรู้จักตัวตนของนาง ตกลงนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
“ดีมาก นายท่านอยู่ข้างใน เอาตัวนางเข้าไปได้”
จู่ๆ ประตูรถม้าก็ถูกเปิดออก
แสงอาทิตย์ที่อยู่ๆ ก็สาดส่องเข้ามาทำให้หลินเมิ้งหยาต้องหรี่ตาลง
ชายชุดดำสวมใส่หน้ากาก ทว่าเขากลับดูไม่ตกใจเลยแม้แต่น้อยที่นางฟื้นคืนสติแล้ว
“เชิญ”
หลินเมิ้งหยาก้าวเท้าลงจากรถม้า พยุงป๋ายจื่อ ท่าทางมิเหมือนคนที่ถูกจับตัวมาเลยแม้แต่น้อย
ด้านนอก แสงอาทิตย์ยามลาลับขอบฟ้าปรากฏขึ้นทั่วทั้งผืนฟ้า
คิดไม่ถึงเลยว่าเวลาจะล่วงเลยไปนานขนาดนี้แล้ว
หลินเมิ้งหยามองดูภาพตรงหน้า ที่นี่เป็นเพียงเรือนสี่ประสาน1ทรุดโทรมธรรมดา บริเวณรอบๆ คือพื้นนาสีทอง บางทีที่นี่น่าจะอยู่ในเขตชานเมือง
“พระชายาอวี้อุตส่าห์เสด็จมาถึงที่นี่ น่าเสียดายที่ไม่ได้จัดงานต้อนรับ”
อยู่ๆ เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากภายในเรือน
หลินเมิ้งหยาไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา แม้แต่ความหวาดกลัวสักนิดก็ไม่มี
ได้เห็นชายวัยกลางคนที่อยู่ในเรือนกำลังเดินออกมา เสื้อผ้าบนร่างเป็นสีฟ้าเข้ม สีหน้าแววตาอ่อนโยน
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูเป็นคนจิตใจดี ทว่าแววตากลับไม่เป็นเช่นนั้น
“มิบังอาจ ในเมื่อข้ามาแล้ว เหตุใดเจ้านายของพวกเจ้ายังคงหลบๆ ซ่อนๆ มิยอมเผยตัวกันเล่า หรือเขาเป็นคนขี้ขลาด?”
แม้คนตรงหน้าจะดูน่าเกรงขาม แต่ถึงกระนั้นเขาหาใช่เจ้านายไม่
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ดวงตาของเขาเปล่งประกาย ทว่ามิได้ปฏิเสธ
“เจ้านายของข้าอยู่ด้านใน เชิญ!”
หลินเมิ้งหยาเยื้องย่างเข้าไปในเรือนเล็ก แม้ด้านนอกจะดูธรรมดา ทว่าด้านในกลับกว้างขวาง
มีการดูแลป้องกันอย่างแน่นหนา ชายสวมชุดดำจำนวนนับไม่ถ้วนยืมล้อมเรือนหลังนี้เอาไว้
ลงมืออย่างอุกอาจ นอกจากความเป็นไปได้ที่ว่าอาจจะเป็นโจรในท้องที่แล้ว ก็อาจจะถูกใครบางคนชักใยอยู่เบื้องหลังเพื่อจัดการกับนาง
เดินผ่านเข้าไปในเรือน ก่อนจะเข้าไปยังห้องหลัก ทว่าฝีเท้าของชายคนนั้นกลับยังไม่หยุด แต่กลับเปิดประตูบานใหญ่ทางด้านหลัง
คิดไม่ถึงเลยว่าด้านหลังเรือนจะยังมีพื้นที่อีกแห่ง
แม้จะเทียบไม่ได้กับจวนอวี้ แต่ก็นับว่าไม่ธรรมดาเลย
หัวใจของหลินเมิ้งหยาดำดิ่งสู่ห้วงความคิดของตนเอง คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะมีจวนหรูหราทั้งที่ฉากหน้าทรุดโทรมเช่นนี้
“เจ้านายของข้าอยู่ในห้องนี้ เชิญพระชายาเสด็จ”
ชายคนนั้นพาหลินเมิ้งหยามายังห้องหลักของเรือน มุมปากหยักยิ้มเผยให้เห็นความสุขุมอันยากจะหยั่งถึง
หรือข้างในจะมีหายนะอันใดรอนางอยู่?
มุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่สิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่
หรือนี่จะเป็นห้องนอนของใครบางคน?
“มิแปลกใจเลยที่ได้รับสมญานามว่าสาวงามอันดับหนึ่งแห่งต้าจิ้น ที่แท้ก็งามสง่ามากถึงเพียงนี้”
เสียงแผ่วเบาดังขึ้น หลินเมิ้งหยากวาดสายตามองภายในห้องอย่างระแวดระวัง ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
ดูจากการแต่งตัว ไม่เหมือนกับคนของต้าจิ้น
โดยเฉพาะจมูกที่งองุ้มและสายตาเย็นชาที่กำลังทำลายสิ่งที่ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาพึงมี
คนผู้นี้ไม่อาจรับมือได้ง่ายๆ!
“สาวงามอันดับหนึ่งอย่างนั้นหรือ ข้าว่าท่านตามหาผิดคนแล้ว”
ก่อนแต่งงาน นางเป็นเพียงหญิงสาวโง่เขลาสติฟั่นเฟือนเท่านั้น
หลังจากแต่งงานกับหลงเทียนอวี้ นางถูกซ่อนอยู่แต่เพียงในจวนเท่านั้น ดังนั้นความงามที่เปลี่ยนไปของนางจึงมิได้ถูกแพร่งพรายออกไป
“เอ๋? มิใช่สาวงามอันดับหนึ่งของต้าจิ้น แต่ถึงอย่างนั้นเปิ่นหวังจื่อกลับถูกใจเจ้ายิ่งนัก ความงดงามอันโดดเด่นเช่นเจ้าทำให้นางในของเปิ่นหวังจื่อมัวหมอง”
หวังจื่อ? องค์ชาย?
หลินเมิ้งหยาชะงัก หรือชายคนนี้จะเป็นองค์ชายของซีฟาน?
“ข้าคือพระชายาอวี้ หากท่านเป็นองค์ชายก็ควรจะรู้ดีว่ามิควรลักพาตัวพระชายาตามอำเภอใจเช่นนี้ ข้าไม่สนใจหรอกว่าท่านจับตัวข้ามาด้วยเหตุอันใด แต่ข้าขอพูดกับท่านเพียงประโยคเดียวว่าฟู่จวิน2ของข้าหาใช่คนที่จะแหย่เล่นด้วยได้ไม่”
น่าเสียดายที่แม้จะหยิบยืมชื่อของหลงเทียนอวี้มากล่าวอ้าง แต่องค์ชายแห่งซีฟานผู้นี้กลับมิหวั่นเกรง
กลับกัน เสียงหัวเราะหยิ่งยโสโอหังพลันระเบิดออกมาดังลั่น
“แม้ฮ่องเต้ของพวกเจ้าจะมีกำลังทางทหารที่แข็งแกร่ง แต่ถึงกระนั้นก็เป็นเพียงเศษสวะ หากเปิ่นหวังจื่อถูกใจเจ้าแล้วละก็ เกรงว่าพระองค์ก็คงยอมใส่พานถวายให้ข้าอยู่ดี แม้ตอนแรกข้าคิดเพียงอยากให้เจ้ามารับใช้ข้าเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้ามาเป็นพระชายารองของข้าดีหรือไม่?”
ชิ! ไอ้องค์ชายบ้าก้ามไร้ยางอาย!
สายตาเย็นชาจับจ้องมองทางองค์ชายไร้ยางอายตรงหน้าเขม็ง
ก่อนหน้านั้นเป็นไท่จื่อที่พยายามเข้ามาเกี้ยวพาราณสี วันนี้องค์ชายแห่งซีฟานถึงขั้นลักพาตัวนางมา
เหล่าองค์รัชทายาทล้วนหน้าไม่อายเช่นนี้หรือ
“องค์ชายอย่าได้ตรัสอะไรไร้ศีลธรรมเช่นนั้นเลยเพคะ ท่านอ๋องอวี้ฟู่จวินของข้าเก่งกาจเหนือมนุษย์ หากใช่เศษสวะดั่งที่องค์ชายว่าไม่ วันนี้พระองค์กล้าจับตัวหม่อมฉันมา เกรงว่าพรุ่งนี้ฟู่จวินของข้าคงตามล่าเอาชีวิตของท่านแน่!”
“ฮ่าๆๆ…ชายาอวี้ช่างปากคอเราะรายยิ่งนัก! แต่ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของเจ้าในเวลานี้เสียเท่าไร”
อยู่ๆ ชายคนนั้นขยับเข้ามาใกล้ หลินเมิ้งหยาขยับเท้าถอยหลังหนึ่งก้าวจนหลังติดประตู
แต่ถึงกระนั้นใบหน้ายังคงเงยขึ้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมแสดงให้เห็นถึงความตระหนก
“ฟู่จวินของเจ้าอยู่แต่เพียงบ้านเมืองที่สงบสมบูรณ์ อีกทั้งเขายังเป็นเพียงองค์ชายเท่านั้น ข้าเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่เอาไว้ให้เขาแล้ว”
มือหนายื่นเข้ามาจับคางของหลินเมิ้งหยาเอาไว้
สัมผัสอ่อนนุ่มมิต่างอะไรจากผ้าไหม
ดวงตาเปล่งประกายสวยงาม แม้จะเจือไว้ซึ่งความเย่อหยิ่ง แต่ถึงกระนั้นกลับเหมือนดอกกล้วยไม้ในหุบเขาอันว่างเปล่า ไม่ว่าใครก็อยากคิดปีนขึ้นไปเด็ด หากนางยอมอยู่ข้างกายของเขา รับรองเลยว่านางจะยิ่งงดงามมิมีใครเทียบเทียม
แม้เขาจะมีสาวงามคอยถวายการรับใช้อยู่มากมาย แต่ถึงกระนั้นเขายังอยากเก็บหลินเมิ้งหยาเอาไว้อยู่ดี
“เอ๋? ท่านคิดว่า…ท่านจัดการข้าได้แล้วอย่างนั้นหรือ?”
หลินเมิ้งหยาปัดมือของชายตรงหน้าออกแล้วหยักยิ้ม
รอยยิ้มนี้มิต่างอะไรจากก้อนหินที่ถูกโยนลงแม่น้ำในหัวใจของชายหนุ่มจนเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อม
งดงามยิ่งนัก มิต่างอะไรจากดอกอิงซู่3ที่อยากจะเด็ดมาดอกดม
“ที่นี่มีแต่คนของข้า หากเจ้ายอมเชื่อฟัง ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างอ่อนโยน แต่ถ้าเจ้ายังดื้อดึง อย่าได้โทษที่ข้าต้องทำรุนแรงกับเจ้าเลย”
ฝ่ายชายหรี่ตาเล็กลง จับจ้องหลินเมิ้งหยา ราวกับว่านางเป็นเนื้อชั้นดีที่เขากำลังจะแล่กิน
“วันนี้ข้าออกมาพร้อมกันกับครอบครัว หากพวกเขาพบว่าข้าหายตัวไป เกรงว่าทั้งทหารองครักษ์และเหล่าทัพจะต้องกำลังพลิกแผ่นดินทั้งเมืองหลวงหาอยู่อย่างแน่นอน ท่านแน่ใจอย่างนั้นหรือว่าจะไม่มีใครหาที่นี่เจอ?”
หลินเมิ้งหยามิเคยพ่ายแพ้ให้แก่ใครในเรื่องการเจรจา
หากนางแสดงท่าทีตื่นตระหนก ฝ่ายตรงข้ามก็จะยิ่งได้ใจ
ฝ่ายชายรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของนางเป็นอย่างยิ่ง มิรู้ว่าเพราะเหตุใด ใยนางจึงสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้
“ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้าว่าที่นี่อยู่ในแถบชานเมืองของเมืองหลวง แต่เมื่อหลายปีก่อนข้าทำให้มันกลายเป็นที่มั่นแห่งหนึ่งของข้า พวกเศษสวะของเจ้าหรือพวกองครักษ์อะไรนั่นแม้จะออกค้นหากันทั้งกองทัพก็ไม่มีวันหาเจอ!”
ทว่าทันทีที่สิ้นเสียงลง ชายที่เคยนำทางเข้ามายังเรือนแห่งนี้กลับพุ่งตัวเข้ามาภายใน
“นายท่าน แย่แล้ว มีนักฆ่าตามมาแล้ว พวกเรารีบไปกันเถิด!”
องค์ชายแห่งซีฟานเพิ่งจะเข้าใจในตอนนี้เองว่าเหตุใดหลินเมิ้งหยาจึงหยักยิ้ม
“ชายาอวี้จอมเจ้าเล่ห์! ฮึ คิดหรือว่าคนพวกนั้นจะช่วยเจ้าออกไปได้? เปิ่นหวังจื่อจะพาเจ้าไปด้วย!”
มือหนาคว้าหมับเข้าที่เอวของหลินเมิ้งหยา
จุดฝังเข็มของหลินเมิ้งหยาถูกกดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้นางไม่สามารถขยับได้
“ได้ตัวสาวงามเช่นเจ้าไป เปิ่นหวังจื่อก็มิขาดทุนแล้ว”
โอบอุ้มร่างบางของหลินเมิ้งหยาแล้ววิ่งตามหลังชายคนนั้นออกไป
ด้านนอก เรือนที่เคยเงียบสงบบัดนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
“หยุนตู เกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก?”
องค์ชายแห่งซีฟานวิ่งตามหลังลูกน้องของตนเองไปทางด้านหลังภูเขา
หลินเมิ้งหยาเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งว่าชายคนนี้กำลังเข้าไปในป่าทึบด้านหลังภูเขา
หากเป็นเช่นนั้น เกรงว่าทหารที่ตามมาช่วยนางคงไม่มีทางหานางเจอ
“ทูลนายท่าน คนที่บุกเข้ามาทางด้านนอกมิใช่ทหารรักษาการณ์ แต่เหมือนจะเป็นองครักษ์ส่วนตัวพ่ะย่ะค่ะ”
ความดีใจโลดแล่นขึ้นมาทันที หรือองครักษ์ของจวนอวี้จะรู้สึกตัวแล้วว่านางไม่อยู่ก็เลยตามมา?
“นี่เจ้า…ทำงานอย่างไรกันแน่ เหตุใดจึงไม่ตัดหัวตัดหางทิ้งให้หมด?”
ครู่ต่อมา องค์ชายผู้แปลกประหลาดล่วงรู้ถึงปัญหาแล้ว
หลินเมิ้งหยารู้สึกผ่อนคลายลงกึ่งหนึ่ง
ในที่สุดชิงหูก็หาที่นี่เจอแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหน แต่ถึงอย่างนั้นเหล่านักฆ่าล้วนมีวิธีสะกดรอยของเหยื่อตนเองทั้งสิ้น
ไม่อย่างนั้นเถาฮวาอู๋จะกลายเป็นกลุ่มนักฆ่าอันดับหนึ่งของเจียงหูอย่างนั้นหรือ
“คิดจะตัดหางออก ท่านก็ควรมีความสามารถเช่นนั้นก่อน ไม่ทราบว่าข้าควรเรียกท่านเช่นไร? องค์ชาย…ท่านแซ่อะไรอย่างนั้นหรือ?”
แม้จะไม่สามารถขยับได้ ทว่าปากของหลินเมิ้งหยากลับมิแข็งทื่อตาม
เมื่อถูกถามหานามสกุล องค์ชายผู้นั้นรู้สึกเสมือนถูกวางยาจนแทบกระอักเป็นเลือด
ทั้งที่ถูกจับมา แต่เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่านางเหมือนคนกำลังดูอะไรสนุกๆ อยู่อย่างไรอย่างนั้น
“คิดหรือว่าพอข้ารู้สึกสนใจเจ้าแล้ว ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!”
องค์ชายส่งเสียงข่มขู่หลินเมิ้งหยา ทว่านางกลับไร้ซึ่งความกลัว
“ก็ได้นี่นา หากท่านฆ่าข้าตอนนี้ เกรงว่าท่านเองก็คงมิอาจมีชีวิตรอดกลับไปได้ ท่านยังมิได้บอกแซ่ของท่านกับข้าเลย หากข้าถูกท่านฆ่าแล้วจริงๆ อย่างน้อยข้าก็จะได้ไปบ่นกับท่านยมราชได้มิใช่หรือ?”
เพียงประโยคนี้ สีหน้าขององค์ชายพลันแข็งทื่อขึ้นมาทันที
ขณะเดียวกันเขารีบเร่งฝีเท้าให้ทันลูกน้องของตนเอง
คำขู่เมื่อครู่ทำให้ฝีเท้าของเขาก้าวช้าลง แต่ถึงกระนั้นผู้หญิงคนนี้กลับเริ่มพูดจาเลื่อนเปื้อน
“แซ่ของเขาหรือ? ข้าว่าคงเป็นแซ่ซี้!”
******************************
1 เรือนสี่ประสานคือบ้านที่มีกำแพงสร้างปิดล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน มีลานบ้านอยู่ตรงกลาง
2 ฟู่จวินคือคำเรียกสามี
3 ดอกอิงซู่ คือ ดอกป๊อปปี้