ตอนที่ 81 : ทักษะสมาธิกระบี่บิน
“ทักษะพยัคฆ์ขาวขั้น 3 พึ่งพาพยัคฆ์ขาวที่มีพลังจิตที่แข็งแกร่ง”
หวังเย่าตรวจสอบหนึ่งในทักษะสมาธิที่เขาสนใจ
“มันยากที่จะทำตามได้ เสือคือราชาของสัตว์ นอกจากจะต้องทำสมาธิด้วยท่าเสือแล้ว ยังต้องปรับลมหายใจให้เหมือนกับเสืออีกด้วย”
หวังเย่าส่ายหน้า ทักษะนี้สามารถเพิ่มพลังจิตได้ก็จริง แต่การต้องเลียนแบบท่าสัตว์นั้นทำให้การทำสมาธิยากและเพิ่มพลังได้ไม่มาก ดังนั้นมันจึงอยู่แค่ขั้น 3
“ทักษะสมาธิเต่าขั้น 3 ทำสมาธิด้วยการอ้างอิงจากเต่า กลั่นกรองความคิดและสามารถสร้างโล่พลังจิตขึ้นมาได้”
ถึงอย่างนั้นหวังเย่าก็ยังไม่สนใจ
ทักษะสมาธิเต่านี้เอนเอียงไปทางด้านป้องกัน มันทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้น ในเวลาเดียวกันก็มีความสามารถป้องกันการโจมตีทางจิตได้
สัตว์อสูรหลายชนิดมีสกิลโจมตีทางจิต มันสามารถสร้างคลื่นพลังจิตออกมาได้รึอาจจะทำให้จิตใจของเป้าหมายตกอยู่ในความสับสน ดังนั้นทักษะนี้สามารถป้องกันได้เป็นอย่างดี
แต่ทักษะนี้เน้นด้านการป้องกัน หวังเย่าที่ต้องการพลังจิตในการต่อสู้จึงไม่สนใจทักษะนี้
“ทักษะพายุขั้น 5 การทำสมาธิอ้างอิงจากพายุ แค่คิดพายุก็ก่อตัวขึ้นมา มันมีพลังโจมตีที่รุนแรง”
หวังเย่าตาเป็นประกายขึ้นมา แต่สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธทักษะนี้ เพราะทักษะนี้ขั้นสูงเกินไปและแม้จะมีพลังโจมตีที่สูงก็จริง แต่มันไม่มีความเสถียรและยังฝึกฝนได้ยาก
ลมนั้นคืออากาศ พายุคือการไหลของอากาศที่รวดเร็ว มันง่ายที่จะเสียการควบคุมได้
ถ้าควบคุมมันไม่ได้ก็จะกลายเป็นจุดอ่อน หากประมาทก็อาจจะทำให้พายุพังลงและส่งผลเสียต่อวิญญาณผู้ใช้ได้
“ความเสี่ยงมันสูงเกินไปและการฝึกก็ยากด้วย” หวังเย่าส่ายหน้ายอมแพ้กับทักษะนี้
เขาลองตรวจสอบต่อ หลังจากที่ไล่ดูทักษะกว่าสิบอัน สุดท้ายเขาก็ตาเป็นประกายและพบทักษะที่เขาพอใจ
หวังเย่าอ่านคำแนะนำของทักษะและอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา นี่คือทักษะในตำนานแต่กลับหลงเหลือจนถึงทุกวันนี้ได้
แต่เขาก็ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าทักษะสมาธิกระบี่บินนี้จะเหมาะกับเขาและมีพลังโจมตีที่น่ากลัว แต่ถ้าเลือกฝึกทักษะนี้ ก็เท่ากับว่าได้ฝึกทักษะโจมตีที่รุนแรงที่สุด เนื่องจากเป็นทักษะการโจมตีที่ไม่อาจจะหลอมรวมกับทักษะใด ๆ ได้ ฉะนั้นการป้องกัน หวังเย่าจะไม่มีทักษะไว้ใช้ป้องกันทางจิต ถ้าหากคู่ต่อสู้ใช้ทักษะโจมตีทางจิต
ในอีกด้านแม้ว่าโครงสร้างทักษะนี้จะเสถียรและเรียบง่ายรวมไปถึงการฝึกที่ไม่ได้ยากอะไร แต่อันที่จริงแล้วมันก็เป็นภาระต่อวิญญาณสูงอยู่ดี
หนึ่งคือต้องเปลี่ยนพลังจิตของตัวเองให้เป็นกระบี่บินที่คมอยู่ตลอด
อย่างที่สองคือกระบี่บินต้องใช้พลังจิตจำนวนมาก ยิ่งระยะไกลเท่าไหร่พลังก็จะยิ่งอ่อนแอลงไป ถ้ามีพลังจิตไม่มากพอ กระบี่ก็อาจจะสลายไปได้
ถ้าไม่อยู่ในที่ร่ม เมื่อพบกับพายุรึฝน มันอาจจะกลายเป็นจุดอ่อนของเขาเองได้
แน่นอนว่าจุดอ่อนสองข้อนี้มีทางแก้ ตราบใดที่ระวังและค่อย ๆ ฝึกฝนไปก็ไม่มีปัญหาอันใด
หลังจากที่คิดแบบนั้น หวังเย่าก็ตัดสินใจจะซื้อทักษะนี้ เพราะนี่เป็นถึงทักษะขั้นที่ 6 และแทบไม่มีข้อเสียใหญ่โตอะไร ดังนั้นราคาของมันจึงแพงอย่างมาก มันถึงกับแพงเป็นอันดับสองของที่นี่ มันราคาสูงถึง 90 ล้านเครดิต
ส่วนทักษะที่แพงที่สุดคือทักษะขั้นที่ 7 ทักษะหม้อยาทองแดงสามขาที่ราคาถึง 100 ล้านเครดิต
ในด้านนี้หวังเย่าเข้าใจได้ เพราะทักษะหม้อยาทองแดงสามขานั้นมีโครงสร้างที่เสถียรและทรงพลัง หากฝึกฝนมันได้สำเร็จ จิตของเขาจะเปลี่ยนเป็นหม้อยาที่มีพลังทำลายล้างที่รุนแรง เขาสามารถแผ่สนามพลังจิตออกมาได้ พวกที่มีวิญญาณอ่อนแอนั้นอาจจะสลบไปเลยก็มี
แค่นั้นก็น่ากลัวมากแล้ว
“90 สิบล้านเครดิต ฉันยังมีไม่พอ แต่โชคดีที่ทักษะกระบี่บินมีทั้งหมด 9 ส่วน มันสามารถซื้อทีละส่วนได้”
“ส่วนแรกราคา 1 ล้านเครดิต ส่วนที่สองราคา 3 ล้านเครดิต ส่วนที่ 3 ราคา 6 ล้านเครดิต”
“งั้นซื้อ 3 ส่วนแรกก็ต้องใช้เงิน 10 ล้านเครดิต”
“6 ส่วนแรกต้องใช้ 30 ล้านเครดิต”
“ถ้าซื้อทั้งหมดก็ราคา 90 ล้านเครดิตพอดี”
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะสลด ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขาพอมีเงินอยู่บ้างแต่ตอนนี้เขากลับซื้อของที่เขาต้องการไม่ได้
ยังไงซะเขาก็เป็นแค่ผู้ใช้อสูรทั่วไปที่สนใจแค่การเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอสูรของเขา แต่ตอนนี้เขาเหมือนกับได้เห็นโลกที่แท้จริงแล้ว เขามีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน ยิ่งเขารู้เรื่องนี้ดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งนั่นก็ต้องใช้เงินมากขึ้นไปด้วย
ในโลกนี้มี 3 เส้นทางในการฝึกฝน
อย่างแรกคือเป็นผู้ใช้อสูรทั่วไปที่ใช้สกิลของสัตว์อสูรในการยกระดับตัวเอง
เส้นทางนี้ทำให้คนแข็งแกร่งก็จริง แต่ยังไงซะนั่นก็ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตัวเอง สกิลที่ได้มาก็เหมือนกับของที่ยืมมาก็เท่านั้น
ทางที่สองคือฝึกฝนร่างกายและทักษะต่อสู้ ทำให้ตัวเองเป็นนักรบจากระดับ F ขึ้นไปเป็น A ซึ่งเทียบกับได้เลเวล 1-59 ของสัตว์อสูร
เส้นทางนี้สะดวกและเปิดกว้างกว่า ระดับ F คือเลเวล 1 – 9, ระดับ E คือเลเวล 10 – 19 ไล่ไปเรื่อย ๆ…
แน่นอนว่าการแบ่งระดับความแข็งแกร่งของนักรบนั้นค่อนข้างเรียบง่าย ไม่เหมือนกับสัตว์อสูร ที่ยังต้องแบ่งขั้นกันอีก
ดังนั้นจึงมีบางคนเสนอว่า นอกจากจะมีการแบ่งระดับตั้งแต่ F จนถึง SSS ก็ควรจะมีการแบ่งขั้นด้วย เหมือนกับแบ่งระดับของสัตว์อสูรที่แยกย่อยไปได้อย่าง ทองแดง, เงิน, ทอง, สวรรค์, ศักดิ์สิทธิ์,พระเจ้า
สำหรับทางที่สามแล้ว มันมีความคิดนี้ปรากฏขึ้นมาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน แต่ไม่ได้พัฒนาไปมากนัก ระบบการฝึกฝนนั้น ขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณ
ซึ่งต้องฝึกฝนผ่านการทำสมาธิ และต้องฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายการฝึกสมาธิที่แตกต่างกัน ก็จะช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งที่ไม่เหมือนกัน แม้กระทั่งอาจจะฝึกไปถึงระดับพระเจ้า
ตอนนี้หวังเย่าพร้อมแล้ว ด้วยการที่ร่างกายเขาขึ้นมาถึงระดับ C ได้ เขาก็ตัดสินใจเลือกทางที่สามไปด้วย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณ ซึ่งนั่นยังช่วยในการควบคุมอสูรได้มากกว่าเดิม
อันที่จริงการฝึกฝนร่างกายและจิตวิญญาณนั้นคือสิ่งที่ผู้ใช้อสูรไม่อาจจะมองข้ามได้
การเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายจะทำให้ใช้สกิลของอสูรได้มากขึ้นและดีขึ้นไปด้วย
การเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณจะทำให้สัญญานั้นแข็งแกร่งขึ้นและควบคุมสัตว์อสูรได้มากขึ้น
“เครดิตยังไม่พอ” หวังเย่าคิ้วขมวด
เขาคนเดียวก็ใช้เงินเยอะอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขากลับต้องดูแลแฟนด้วย นอกจากนี้โจวอวิ๋นก็ใช้เงินเขาไปเยอะ ผลก็คือในสายรัดข้อมือของเขาตอนนี้เหลือเงินแค่ 1.01 ล้านเครดิตเท่านั้น
“งั้นซื้อส่วนแรกไปก่อนแล้วค่อยหาทางอีกที ! ” หวังเย่าตัดสินใจ เขาได้เดินเข้าไปที่คอมเพื่อจะซื้อทักษะกระบี่บินส่วนแรก
ที่คอมนั้นมีระบบยืนยันตัวตน มีแค่ผู้ซื้อเท่านั้นที่จะดูรายละเอียดทักษะที่ซื้อไปได้
หลังจากที่จ่ายเงินไปแล้ว ระบบคอมก็ได้ตรวจสอบม่านตาของหวังเย่า ก่อนจะคายชิฟตัวหนึ่งออกมาให้
เขาหยิบหมวกออกมาก่อนจะใส่ชิฟที่ได้ลงไปในหมวก เขาเปิดการทำงานของหมวกและชิฟ ก่อนที่มันจะทำการตรวจสอบม่านตาของเขา
เมื่อตรวจสอบม่านตาเสร็จ มันก็ได้แสดงข้อมูลในชิฟออกมาทันที
ฟรืด !
ภาพตรงหน้าหวังเย่าได้เปลี่ยนไปทันที มันได้กลายเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว พลังจิตวิญญาณค่อย ๆ ไหลวนมาจับกลุ่มกันเป็นควัน ก่อนที่จะรวมตัวกัน…
การรวมตัวของมันกินเวลาอย่างมาก
สุดท้ายรูปร่างของพลังจิตนั้นก็เปลี่ยนไป กลายเป็นกระบี่เล่มบาง ๆ ยาว 3 นิ้ว
รูปร่างของกระบี่ไม่ได้สมบูรณ์ รูปร่างของมันยังหยาบอยู่ มันยังไม่เสถียรดี และอาจจะพังลงตอนไหนก็ได้
แต่ด้วยการขัดเกลาอย่างต่อเนื่องสุดท้ายกระบี่ก็มีด้ามจับปรากฏขึ้นมา
ในตอนที่วิดิโอเล่นต่อ ตอนนั้นสมองของหวังเย่าก็รับรู้ได้ว่ามีสัญญาณบางอย่างที่ส่งตรงมาจากชิฟเข้ามาในหัวของเขา เขารู้สึกว่าภาพทั้งหมดได้เปลี่ยนไป กลุ่มพลังงานนั้นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงราวกับมีอารมณ์ร่วมด้วย
20 นาทีต่อมาเนื้อหาของทักษะกระบี่บินส่วนแรกก็เล่นจนจบ มันถึงกับมีความรู้บางอย่างและความคิดของผู้สร้างทักษะนี้บอกมาด้วย
หวังเย่าถอดหมวกออก ก่อนจะเก็บมันใส่เข้าไปในกระเป๋ามิติ เขานั่งลงแล้วค่อย ๆ ตรวจสอบความลึกลับของทักษะที่ได้เรียนรู้มา
หลังจากนั้นสักพักในหัวเขาก็มีคำถามมากมายที่ไม่อาจจะเข้าใจได้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ได้อะไรกลับมา อย่างน้อยเขาก็พอรู้ว่าจะเริ่มฝึกฝนมันยังไง
“ทักษะขั้นที่ 6 เดาว่าแค่ส่วนแรกก็ต้องใช้ความพยายามและเวลาอย่างมาก ก่อนที่จะสมบูรณ์ได้” หวังเย่าถอนหายใจออกมา
“แต่เมื่อฝึกจนสำเร็จแล้ว มันจะทรงพลังอย่างมาก หากฝึกครบทั้งหมด ก็ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง” เมื่อคิดแบบนั้นหวังเย่าก็ยิ่งทึ่งกับโลกนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ