ตอนที่ 82 : ก้าวหน้า

1 อาทิตย์ต่อมา หวังเย่าก็ฝึกฝนทักษะพื้นฐานของส่วนแรกจนเสร็จ ตอนนี้เขาพอจะสร้างกระบี่บินขึ้นมาและสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของมันได้แล้ว

เพื่อที่จะฝึกฝนทักษะนี้ให้เชี่ยวชาญ เขาจึงพยายามอย่างมากและเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน เมื่อหลังจากฝึกฝนทักษะเสร็จในแต่ละวัน พอถึงที่นอนเขาถึงกับหมดแรงและสลบไปทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ก้าวหน้าขึ้นมาอย่างมาก

เขารู้สึกว่าพลังจิตของเขาเฉียบคมขึ้น คลื่นพลังที่แผ่ออกมาก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูคมกริบราวกับกระบี่ที่แผ่พลังอันแข็งแกร่งออกมา

“นี่แค่ส่วนแรก”  หวังเย่าโล่งอกที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เขาพอใจกับผลลัพธ์นี้อย่างมาก

เสียแค่ว่าเขาไม่มีเงินมากพอ

อย่างคำพูดที่บอกไว้ หากไม่มีเงินก็คงยากที่จะเอาชนะใครได้  หวังเย่าในตอนนี้ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่ แต่เขากลับไม่มีเงินเหลืออยู่เลย

“ฉันต้องหาเงิน” ตอนเช้าหวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีต้องแยกกันไป เขามุ่งหน้าไปที่ตลาดค้าสัตว์

ชีวิตประจำวันของจ้าวเมิ่งซีในตอนนี้ถือว่าเรียบง่าย เธอไปเรียนในตอนเช้า ตกบ่ายก็อยู่ในห้องสมุด ตอนเย็นก็ฝึกฝนทักษะร่างกาย ก่อนจะกลับมาดูข่าวและละคร จากนั้นเธอก็ฝึกทำสมาธิก่อนนอน

ชีวิตประจำวันของหวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีนั้นคล้ายกัน ผลก็คือทั้งสองมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันจนทำให้คนอื่น ๆ พากันอิจฉาจนตาร้อนผ่าว โดยเฉพาะหลังจากที่จ้าวเมิ่งซีได้กินบัวหิมะเข้าไป เธอก็ดูสวยยิ่งกว่าเก่า ตอนนี้เธอได้ชื่อว่าเทพธิดาแห่งมหาวิทยาลัยหัวเซี่ยไปเสียแล้ว

แม้แต่ฟ่านฉิงเหมยที่ได้ชื่อว่าคนที่สวยที่สุดตอนนั้น ก็ยังด้อยกว่าจ้าวเมิ่งซีเล็กน้อย

แม้ว่าหวังเย่าจะไม่เคยเห็นฟ่านฉิงเหมยมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเรื่องราวของเธอมา  สิ่งที่เธอภูมิใจมากที่สุดก็คือขาอันเรียวยาวของเธอที่ทำให้พวกหนุ่ม ๆ พากันน้ำลายไหล

หวังเย่าขี่มอเตอร์ไซค์ออกมากว่า 30 นาที ก่อนที่จะมาถึงตลาดค้าสัตว์ที่โด่งดัง

ที่เมืองหัวเซี่ย เนื่องจากเมืองได้พัฒนาไปแล้วในระดับหนึ่ง พวกสายอาชีพเฉพาะหรือผู้ที่มีทักษะพิเศษจำนวนมากก็ได้จับกลุ่มรวมกันเป็นสมาคม และถึงกับมีตึกเป็นของตัวเองด้วย

หวังเย่าได้เข้าไปในตึกหลังหนึ่ง หลังจากที่ทำการกรอกข้อมูลสมัครแล้ว เขาก็ได้กลายเป็นผู้ดูแล 1 ดาว

ผู้ดูแลที่นี่แบ่งเป็น 1-5 ดาว หลังจาก 5 ดาวก็จะมีระดับสวรรค์และศักดิ์สิทธิ์อยู่

หวังเย่าได้เข้าไปที่โถงภารกิจ มันมีจอขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ที่นั่นมีภารกิจเป็นพัน ๆ ภารกิจเรียงรายกันอยู่

หวังเย่าไม่คิดจะดูไปทีละอัน เขาแค่เลือกภารกิจที่ได้เงินรางวัลเป็นค่าตอบแทนที่สูง เขาใช้เวลาไม่นานก็ได้ภารกิจนี้มา

“สวัสดี ฉันจะเอาภารกิจที่ 45 ของส่วน C”  หวังเย่าได้บอกกับพนักงาน

“ขออภัยค่ะ คุณมีระดับแค่ 1 ดาว คุณไม่มีสิทธิ์รับภารกิจ 3 ดาว”  พนักงานตอบกลับ

หวังเย่าพยักหน้าและพูดขึ้น  “งั้นฉันจะเพิ่มระดับได้ยังไง ? ”

พนักงานอธิบายออกมา  “เมื่อทำภารกิจ 1 ดาว 5 ภารกิจอันสำเร็จ คุณก็จะมีสิทธิ์รับภารกิจ 2 ดาว 1 ภารกิจ ถ้าคุณทำสำเร็จ คุณก็จะได้ตราระดับ 2 ดาวไป แต่ถ้าคุณทำล้มเหลว คุณก็ต้องทำภารกิจ 1 ดาว 5 ภารกิจนั้นอีกครั้งเพื่อจะได้รับสิทธิ์นี้ต่อ”

หวังเย่าฟังแล้วก็เข้าใจ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แม้ว่ามันจะยุ่งยากแต่ก็ดูมีเหตุผล

“งั้นก็มาเริ่มจากระดับ 1 ดาว “

เขาสามารถรับภารกิจจำนวนมากและทำให้เสร็จภายในเวลาสั้น ๆ ได้ แต่ถ้าเขาทำเสร็จเร็วเกินไป มันก็จะดูมีพิรุธ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะลดความเร็วลง เพื่อไม่ให้คนอื่นหันมาสนใจเขานัก

ในวันเดียวกัน หวังเย่าก็ทำภารกิจ 1 ดาวเสร็จไปถึง 5 ภารกิจและได้เครดิตกลับมาหลายหมื่นเครดิต  เขามีโอกาสที่จะทำภารกิจ 2 ดาวเป็นการทดสอบ

วันต่อมา หวังเย่าก็ทำภารกิจ 2 ดาวสำเร็จ

ในวันที่สามเขาก็ทำภารกิจ 2 ดาว 5 ภารกิจจนครบ

ในวันที่ 4 เขาก็ทำภารกิจ 3 ดาวสำเร็จ

ในอาทิตย์ที่สอง เขาได้ทำภารกิจ 4 ดาวสำเร็จและได้กลายเป็นผู้ดูแล 4 ดาว

“ แม้ฉันจะรู้สึกว่าต่อให้รับภารกิจระดับสวรรค์ แต่ก็สามารถทำสำเร็จได้ แต่ถ้าเปิดเผยตัวตนตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้คนสงสัย และอาจจะมีปัญหาตามมาได้”

หวังเย่าตัดสินใจว่าจะเลื่อนการเลื่อนระดับออกไปก่อน ดังนั้นเขาตัดสินใจจะรับภารกิจ 3 หรือ 4 ดาวทุก ๆ ครึ่งเดือน

ภารกิจ 3-4 ดาวนั้นแม้จะให้เงินไม่มาก แต่ก็เพียงพอซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันของหวังเย่าได้ สุดท้ายในสายรัดข้อมือของเขาก็มีเงินเหลืออยู่ถึง 1 ล้านเครดิต

1 เทอมมีประมาณ 4 เดือน

ช่วงที่ใกล้จะปิดเทอมก็จะอยู่ช่วงต้นเดือนมกราคม ตอนนั้นการประชุมพยับเมฆก็กำลังจะมาถึง

การประชุมพยับเมฆนี้ถือเป็นการสอบของมหาวิทยาลัยก็ว่าได้ มันคือเกมการแข่งขันที่มีระบบพิเศษ

ตอนที่หวังเย่ารู้กฎของการประชุมพยับเมฆ เขาก็คิดว่าเขาเองก็คงมีโอกาสที่จะชนะการแข่งขันนี้ได้

ยังไงซะเขาก็เป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน ยิ่งกว่านั้นเขาก็คิดจะทดสอบความก้าวหน้าใน 1 เทอมนี้ด้วย

“การประชุมพยับเมฆแบ่งออกเป็น 3 ขั้น หนึ่งคือการทดสอบความแข็งแกร่ง ครูประจำชั้นจะทดสอบความแข็งแกร่งของนักศึกษาในชั้นเรียนตัวเองและบันทึกผลเอาไว้”

“สองคือการคัดเลือก เด็กที่เข้ามหาวิทยาลัยหัวเซี่ยได้ล้วนแต่โดดเด่นอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ถือว่าเป็นพวกระดับกลาง ๆ เมื่ออยู่ในหมู่ผู้ที่แข็งแกร่ง สถานที่แห่งนี้คือศูนย์รวมของเหล่าอัจฉริยะ ดังนั้นอัจฉริยะที่โดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ ก็จะเปล่งประกายออกมา ในทางตรงกันข้าม อัจฉริยะธรรมดา ๆ ก็จะถูกกลบรัศมีจนมัวหมองลงไป”

“ครูประจำชั้นสามารถเลือกนักศึกษาในชั้นเรียนของตัวเอง แล้วส่งไปเข้าร่วมการประชุมพยับเมฆ”

“สามคือการแข่งขัน การประชุมพยับเมฆจะทำการจัดอันดับใหม่ในทุก ๆ ครั้ง  ผู้เข้าร่วมจะท้าทายคนอื่นได้ 3 ครั้ง แต่ก็ต้องรับคำท้า 3 ครั้งเช่นกัน”

“คนชนะก็จะได้อันดับที่สูงกว่า ส่วนคนแพ้ก็จะได้อันดับที่ต่ำกว่า มหาวิทยาลัยนี้มีคนเกือบ 40,000 คน พวกที่เข้าร่วมการแข่งคงมีแค่ 1 ใน 10 และคนที่อยู่ในอันดับก็มีแค่พันคนเท่านั้น “

“อันดับหนึ่งของปีที่ผ่านมาคือฮวงจินเทียน นักศึกษาปีที่ 4 ของสาขาภาคสนาม มีอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์เลเวล 46 และอสูรระดับทองเลเวล 50 เขาแกร่งจริง ๆ ”

เมื่อตรวจสอบข้อมูลพวกนั้น หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะทึ่ง ชายคนนี้แข็งแกร่งเหนือกว่าใคร แค่ชื่อก็ฟังดูสูงส่งแล้ว

หากเทียบกันแล้ว หวังเย่าไม่อาจจะเทียบได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเย่ารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเด็กที่นี่สูงจริงๆ

แต่เขาก็ไม่ได้หดหู่ไป เอาจริง ๆ แล้วในเทอมนี้เขาก็ก้าวหน้าขึ้นมาอย่างมาก

แม้ว่าจะด้อยกว่าฮวงจินเทียน แต่อีกฝ่ายน่ะเป็นรุ่นพี่ เขาเป็นแค่เด็กใหม่ อีกฝ่ายเข้าเรียนมาแล้วถึง 3 ปีและยังเป็นลูกหลานของตระกูลที่โดดเด่นอีกด้วย