ตอนที่ 83 : ศัตรูของทั้งมหาวิทยาลัย
ทางเหนือของเมืองเต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง เมื่อเดือนก่อนตอนที่หิมะตกลงมา จ้าวเมิ่งซีตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะความสามารถของเธอคือการควบคุมน้ำแข็งและหิมะ จึงทำให้เธอสามารถควบคุมหิมะให้รวมตัวกันและเปลี่ยนเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้
วันนั้น ตอนที่หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีมุ่งหน้าไปที่งานประชุมพยับเมฆ ทั้งสองไม่ได้ขี่รถไปแต่กลับเดินเท้าไปแทน
หลังจากที่หิมะตกมาทั้งคืน ถนนก็ปกคลุมไปด้วยหิมะหนากว่าครึ่งฟุต มีคนงานคอยใช้พลั่วตักหิมะออกอยู่ทั่วทุกที่
“เปลี่ยน” จ้าวเมิ่งซีถอนหายใจออกมา เธอควบคุมหิมะกว่า 10 เมตรรอบตัวให้ไหลมารวมตัวกัน…
1 นาทีต่อมาก็มีช้างหิมะตัวใหญ่ปรากฏขึ้น มันราวกับช้างจริง ๆ เลยก็ว่าได้
นี่คือผลงานชิ้นเอกของจ้าวเมิ่งซี
ตลอด 1 เดือนมานี้เธอดูพอใจกับการเดินมามหาวิทยาลัย เธอคอยสร้างผลงานต่าง ๆ ด้วยหิมะพวกนี้
เส้นทางเดินมายังมหาวิทยาลัยได้กลายเป็นห้องผลงานส่วนตัวของจ้าวเมิ่งซีไปแล้ว เธอได้สร้างรูปปั้นนก, สัตว์ป่า, ดอกไม้, ปลาแม้แต่บ้าน, รถ, อาวุธและสัตว์อสูร เธอก็สร้างขึ้นมาด้วยหิมะพวกนี้
มันถึงกับมีรูปปั้นของหวังเย่าอยู่ด้วย
เธอคือเจ้าหญิงน้ำแข็งสำหรับหลาย ๆ คน ผู้ชายหลายคนเมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ไม่คิดสนใจผู้หญิงคนอื่นอีกเลย
นี่ทำให้หวังเย่าเครียดอย่างมาก ทุกวันเขาต้องเจอกับสายตาอาฆาตนับไม่ถ้วน
แต่สิ่งที่ทำให้เขาหมดคำพูดคือรูปปั้นของเขาถูกอัพขึ้นอินเตอร์เน็ต ผลงานของจ้าวเมิ่งซีถูกถ่ายรูปเอาไว้และนำไปลงในเว็บ มันถึงกับมีคนเข้ามารุมด่าและขู่หวังเย่าเพิ่มขึ้นอีก
ข้อความและคำขู่นับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่หวังเย่าทุกวี่ทุกวัน
ทุกคนบอกเขาว่าให้รีบตีตัวออกห่างจากจ้าวเมิ่งซีซะ มันถึงกับมีหลายคนขู่เขาว่าจะมาหาเขาตอนนอนก็มี
โชคดีที่ช่วงนั้น หวังเย่าเพ่งสมาธิไปกับการฝึกฝน เรื่องพวกนี้เขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
จ้าวเมิ่งซีรู้เรื่องนี้ดี เธอไม่อยากทำให้เขาไขว้เขวจากการฝึกฝน เมื่อเห็นว่าเขายังคงหนักแน่นดังเดิม เธอก็สบายใจขึ้นมาอย่างมาก
“หวังเย่า วันนี้นายระวังตัวด้วยนะ” จ้าวเมิ่งซีได้ตื่นขึ้นมาจากโลกน้ำแข็งของเธอและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
หวังเย่าพยักหน้า เขาเข้าใจว่าในการประชุมนี้เขาจะต้องโดนท้าทายหลายครั้งอย่างแน่นอน แต่เขารับคำท้าได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น
พวกระดับสูงคงไม่ว่างมาสนใจท้าทายเขา แต่ถ้าเป็นพวกระดับต่ำ เขาก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้
ดังนั้นจึงมีคนนับไม่ถ้วนต้องการจะฆ่าหวังเย่า เพื่อทำให้จ้าวเมิ่งซีเห็นว่าหวังเย่านั้นกระจอกแค่ไหน
เขาได้กลายเป็นเป้าหมายของพวกผู้ชายหลายคน
เมื่อวันประชุมมาถึง หอประชุมศักดานักรบคือหอประชุมที่ใหญ่ที่สุดของมหาวิทยาลัยหัวเซี่ย มันจุคนได้มากกว่า 40,000 คน งานประชุมพยับเมฆแต่ละครั้งก็ถูกจัดขึ้นที่นี่
ในวันนี้ภายใต้การนำของครูประจำชั้น นักเรียนของแต่ละสาขาก็พากันเข้ามาในหอประชุมนี้ก่อนจะไปยังเขตที่นั่งของตัวเอง
สาขาตรวจสอบชั้น A นำโดยจี้กวงเฮ่อ หวังเย่าเองก็อยู่ที่นั่นด้วย
ผู้คนโดยรอบพากันมองมาที่เขา แม้แต่คนที่อยู่ไกลออกไปก็ยังส่งสายตาอาฆาตมาให้เขาด้วย แต่หวังเย่าก็ไม่ได้สนใจคนพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
เขามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อการแข่งขัน แม้จะเทียบกับพวก 100 อันดับแรกไม่ได้ แต่พวกที่อันดับต่ำกว่านั้นหรือไม่ติดอันดับ ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะมาอวดดีต่อหน้าเขา
“อาเย่านี่ไปไหนก็มีแต่คนเกลียด ปกติฉันก็ไม่เคยเห็นนายไปทำอะไรให้ใคร แต่ทำไมนายถึงโดนเกลียดแบบนี้ล่ะ”
เพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หวังเย่าเอ่ยแซวขึ้นมา เขาสวมแว่นกันแดดสีดำเหมือนหวังเย่า อาจจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่สนิทกับหวังเย่ามากที่สุดเลยก็ว่าได้ ชื่อของเขาคือหยู๋เจิ้งเฟิง มาจากเมืองตัดขวาง ทางบ้านค่อนข้างมีฐานะ
“อาเฟิง เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน” หวังเย่าเองก็หมดหนทาง
หยู๋เจิ้งเฟิงยิ้มออกมา ก่อนจะพูดว่า “อาเย่า นายเป็นคนนิสัยดี แต่แรงกดดันแบบนี้จะทำให้นายมีแรงกระตุ้นขึ้นมา นายต้องทนเอาไว้ วันนี้พวกออกไปฝึกงานข้างนอกจะกลับมาด้วย นายเห็นผู้ชายกับผู้หญิงนั่นมั้ย”
เมื่อหวังเย่ามองตาม เขาก็พบกับชายหนุ่มและหญิงสาวหน้าตาดีคู่หนึ่ง ผู้หญิงนั้นดูดีเป็นอย่างมาก เธอสวมชุดเดรสสวยเผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย แต่เมื่อมองขึ้นไปบนหน้าเธอแล้ว ก็จะพบกับสายตาที่เย็นชา ส่วนผู้ชายนั้นดูสง่า เขามีสีหน้ามั่นใจราวกับเป็นผู้กล้าอย่างไรอย่างนั้น
“พวกเขาเป็นใครกัน ? ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“ผู้หญิงคนนั้นคือเทพธิดาของมหาวิทยาลัยเรา ฟ่านฉิงเหมย ส่วนผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ คือเย่ฉิวเกา เขาตามจีบเธอมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันสักที”
หวังเย่าพยักหน้า สองคนนี้โด่งดังจริงๆ ทั้งสองแข็งแกร่งอย่างมาก ในการจัดอันดับพยับเมฆแล้ว ทั้งสองอยู่ใน 10 อันดับแรก
“โชคดีที่สองคนนั้นไม่ใช่ศัตรูของฉัน ไม่อย่างงั้นฉันคงอยู่ไม่รอดในสาขาตรวจสอบแน่” หวังเย่าพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“อาเย่า นายนี่มองโลกในแง่ดีจริง ๆ ฉันได้ยินมาว่าพวกที่เกลียดนายน่ะจับกลุ่มกันและหาวิธีการจัดการกับนายอยู่ เนื่องจากวันนี้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ ถ้านายโดนอัดจนเละ แฟนของนายก็จะเสียหน้าไปด้วย”
“พวกนั้นคิดจะจัดการกับฉันด้วยวิธีสกปรกแบบนั้นจริง ๆ หรือ ? ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่กลัว” หวังเย่าเบะปาก “พวกนั้นเป็นใครกัน ? ”
“ฉันเองก็ไม่รู้ แต่คำถามนี้น่ะไม่สำคัญ อาเย่า นายคือศัตรูของทั้งโลก ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน ฉะนั้นไม่ว่าพวกนั้นจะเป็นใครมันก็ไม่สำคัญไม่ใช่หรือ ? ” หยู๋เจิ้งเฟิงตบไหล่หวังเย่าอย่างปลอบใจ
หวังเย่าเห็นด้วย “นายพูดถูก”
หลังจากที่ทุกสาขาเข้ามาในหอประชุมแล้ว งานประชุมก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ รองอธิบดีได้กล่าวเปิดงานสั้น ๆ
จากนั้นเมื่อทุกคนเตรียมพร้อมแล้วก็มีการจับฉลากเพื่อสุ่มอันดับสาขา
“มหาวิทยาลัยเรามีทั้งหมด 36 สาขา สาขาเราเราได้ที่ 13” หยู๋เจิ้งเฟิงกล่าว
นักศึกษาที่เข้าร่วมการประชุมพยับเมฆครั้งนี้ เมื่อผลจัดอันดับออกมา สาขาแรกที่ต้องสู้ก็คือสาขาช่าง พวกเขาเชี่ยวชาญในเรื่องการสร้างอุปกรณ์ต่าง ๆ
เมื่อพวกเขาขึ้นไปบนเวที พวกเขาก็มีโอกาสที่จะท้าสู้กับคนอื่น ๆ ได้
มันมีทั้งหมด 3 รอบ แต่ละคนสามารถท้าทายคนอื่นได้
ตอนนั้นเองจอก็ได้ปรากฏในอากาศเผยให้เห็นชื่อผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด
ตอนนั้นใจกลางหอประชุมก็มีลานโผล่ขึ้นมา 4 อัน ซึ่งสามารถทำการแข่งขันพร้อมกันได้ 4 คู่
ตอนที่นักศึกษาจากสาขาช่างอันดับ 1 – 4 ขึ้นไปบนเวทีเพื่อเลือกคู่ต่อสู้ สายตาของทั้งสี่คนต่างก็จับจ้องมาที่หวังเย่าเป็นตาเดียว
“ฉันขอท้าหวังเย่าของสาขาตรวจสอบ” ทั้งสี่คนพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน