เล่มที่ 3 บทที่ 80 เจ้ากล้าออกไปหาสาวๆ อย่างนั้นหรือ?

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

“มีอีกหนึ่งเรื่องที่ข้าไม่เข้าใจ องค์ชายหกเพคะ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันถูกลักพาตัวไป?”

    หลินเมิ้งหยาหันหน้ากลับไปพลางเอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองกำลังสงสัย

    นางส่งชิงหูไปคุ้มกันหลงเทียนอวี้จริง แต่ถึงกระนั้นช่วงเวลาก็ยังกระชั้นชิดเกินไป

    อีกทั้งตอนนั้นนางยังอยากรีบกลับจวนอวี้ให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ทำให้พระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียงเป็นกังวล

    แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกหลงชิงหานพาขึ้นรถม้ามาก่อน

    นำเสื้อผ้ามาให้นางเปลี่ยนโดยมิเอื้อนเอ่ยอันใด อีกทั้งยังสั่งให้รถม้าแล่นไปทางอี้จ้าน

    แน่นอนว่าพวกเขามิได้เข้าไปข้างใน แต่กลับเปลี่ยนรถม้าที่ด้านหลังอี้จ้าน ก่อนจะรีบร้อนกลับมาที่จวน

    จนกระทั่งกลับมาถึงจวนแล้ว นางจึงได้รู้ว่าคนในจวนกำลังร้อนใจเป็นอย่างมากกับการหายตัวไปของนาง

    พระสนมเต๋อเฟยหานางไม่พบ ดังนั้นจึงส่งองครักษ์ฝีมือดีของจวนออกค้นหาจนเกือบจะเดือดร้อนเหล่าทหารองครักษ์ของวังหลวง

    เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามา สาวใช้ประจำกายของพระสนมเต๋อเฟยพลันเข้ามาบอกนางเรื่องที่ฮูหยินหลินกำลังแสดงละครใส่ร้ายป้ายสีนาง

    ถึงขั้นกุเรื่องที่ว่านางหนีตามผู้ชายไป อีกทั้งยังถูกสั่งขังในเรือนเล็กนั่นอีก

    หลินเมิ้งหยาที่ได้ฟังจนจบอดไม่ได้ที่โกรธเกรี้ยว

    กล้าใส่ร้ายป้ายสีนางถึงขนาดนี้ มิกลัวขโมยไก่ไม่ได้ แล้วยังต้องเสียข้าวสารอีกกำมือ1กระนั้นหรือ

    แค้นเก่ายังไม่ทันหาย แค้นใหม่กลับเข้ามาแทนที่ ดูท่านางจะต้องนับรวมความแค้นในคราวนี้เข้าไปด้วย

    “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนของพี่สาม แต่ยังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องบอกพี่สะใภ้สามก่อน…”

    “ท่านอ๋องกลับจวนแล้ว! พระชายาเพคะ ท่านอ๋องกลับจวนแล้ว!”

    ผอจื่อที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูรีบร้อนวิ่งเข้ามาในตำหนักหลิวซิน

    ทว่าสีหน้าท่าทางกลับแปลกประหลาด ก้มๆ เงยๆ เหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง

    “ท่านอ๋องกลับมาแล้วแล้วอย่างไรเล่า? เหตุใดจึงตื่นตระหนกเช่นนี้?”

    ป๋ายจีตำหนิผอจื่อผู้นั้นเล็กน้อย แต่เพราะผอจื่อคนนั้นรู้ว่าตนเองผิดไปแล้ว ดังนั้นจึงกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

    “ท่านอ๋องมิได้กลับมาเพียงคนเดียวเพคะ…ท่านอ๋อง…ท่านอ๋องพาหญิงสาวกลับมาด้วยหนึ่งคน!”

    คำพูดของผอจื่อทำให้หลินเมิ้งหยาชะงัก

    หลงเทียนอวี้กลับมาพร้อมกับผู้หญิง?

    หันหน้าสบตาหลงชิงหาน นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัย

    “แค่กๆ” หลงชิงหานหลบตาพลางส่งเสียงไอค่อกแค่ก ท่าทางประหนึ่งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา ไม่เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย

    “สิ่งที่ข้าอยากพูดก็คือเรื่องนี้นี่แหละ ฮ่องเต้หมิงมาเยือนเมืองหลวงและได้มอบสาวงามสองสามคนให้กับไท่จื่อและองค์ชาย

    “นั่นเท่ากับว่าท่านเองก็ได้รับพระราชทานด้วย?”

    น้ำเสียงของหลินเมิ้งหยาเจือไว้ซึ่งความเย็นชา หลงชิงหานพยักหน้าลงด้วยความยากลำบาก

    “ดี ในเมื่อทุกคนล้วนได้รับพระราชทาน เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว”

    คิ้วของหลงชิงหานเลิกขึ้นสูง

    เคยได้ยินหลินขุยบอกว่าพี่สะใภ้สามคนนี้เป็นคนสวย ฉลาดเฉลียว แต่เป็นคนขี้หึง แม้แต่คุณหนูเจียงยังถูกขย้ำเกือบตาย

    วันนี้พี่สามพาผู้หญิงกลับมาอย่างเปิดเผย เกรงว่าจะไม่ดีเสียแล้ว

    “พี่สะใภ้สาม ข้ายังมีเรื่องให้ต้องทำ ขอตัวก่อนล่ะ!”

    เล็งเห็นแล้วว่าสถานการณ์เริ่มย่ำแย่ หลงชิงหานรีบกลับออกไปด้วยความว่องไว โชคดีเหลือเกินที่เมื่อครู่เขามิได้เอ่ยอะไรมาก

    หยุดยืนอยู่ที่สวนด้านหน้า สายตาพลันมองทางตำหนักหลิวซิน

    มีพระชายาที่สดใสร่าเริงนี่ช่างดีจริงๆ คิกๆ บรรยากาศในจวนมีแต่เรื่องน่าตื่นเต้น แม้แต่เขาเองก็เริ่มอยากจะแต่งตั้งพระชายาขึ้นมาบ้างแล้ว

    “นายหญิงอย่าโกรธเกรี้ยวไปเลยเจ้าค่ะ หนู่ปี้เชื่อว่าท่านอ๋องฝืนใจรับมาแต่เพียงเท่านั้น”

    หรี่ตามองผอจื่อ หลินเมิ้งหยาหมุนตัวกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้

    ใบหน้านวลเคร่งขรึม แต่มิใช่เพราะหึง

    นางคิดว่าโชคดีแล้วที่เป็นเช่นนี้ ตอนแรกนางคิดว่าหลงเทียนอวี้จะเจอเข้ากับอันตราย ดังนั้นจึงส่งชิงหูไปปกป้องดูแลเขา

    แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีความสุขสนุกสนานดี ดังนั้นความทุกข์ในของนางจึงกลายเป็นสิ่งเปล่าประโยชน์

    “ชิงหู! เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์! ออกมาเดี๋ยวนี้!”

    น้ำเสียงของหลินเมิ้งหยาเจือไว้ซึ่งความโมโหเล็กน้อย ครู่ต่อมา ใบหน้าเปื้อนยิ้มของชิงหูพลันปรากฏอยู่ตรงหน้านาง

    “โหยว กลิ่นน้ำส้มสายชูแรงจริงๆ! นี่มันกลิ่นความหึงหวงของใครกันนะ มานี่สิ เหยียขอดมดูหน่อย”

    ชิงหูทำจมูกฟุดฟิดเพื่อสูดดมอากาศ ก่อนจะบีบจมูกของตนเองเพื่อแกล้งทำทีเป็นเหม็นเปรี้ยว

    ดวงตามุ่งร้ายของหลินเมิ้งหยาจับจ้องไปทางเขา ทว่านางเริ่มรู้สึกว่าอารมณ์ของนางเริ่มแปลกไป

    ก็เพียงแค่ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นมิใช่หรือ? หลงเทียนอวี้เป็นถึงท่านอ๋อง เขาอาจมีพระชายาสามหรือสี่ได้อีก

    นางเป็นชายาเอก อีกทั้งยังเป็นเพียงชื่อเท่านั้น

    เหตุใดนางจึงมิเปิดใจให้กว้าง หากยังแสดงความโกรธออกมา ใครต่อใครจะพาลคิดว่านางหึง

    อันที่จริงนางเพียงแต่คิดว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายจนเกือบตายที่ด้านนอกนั้น ทว่าหลงเทียนอวี้กลับเสพสุขอยู่ในเรือน ดังนั้นจึงไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้สักเท่าไร

    “ข้าไม่ได้หึง ข้าว่างมากขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน จริงสิ เจ้าไปที่อี้จ้านมาแล้ว พอจะได้ข่าวอะไรบ้างหรือไม่?”

    ชิงหูจึงเก็บท่าทางผ่อนคลายของตนเอง ก่อนจะเริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้วรายงาน

    “ไร้ซึ่งการโจมตีที่อี้จ้าน อีกอย่าง ข้าไม่เจอคนที่ลักพาตัวเจ้าไปคนนั้น ท่านอ๋องอวี้สบายดีมาก อยู่เป็นเพื่อนดื่มเพื่อนกินกับฮ่องเต้หมิง อ้อ จริงสิ ผู้หญิงที่ชื่อหงอวี้คนนั้นสวยงามอ่อนหวานราวกับสายน้ำเชียวล่ะ!”

    เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย ท่าทางของเขามิได้เคร่งขรึมอีกต่อไป

    หลินเมิ้งหยาอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่อีกฝ่าย นางเบื่อที่จะสนใจเจ้าเด็กนี่จริงๆ

    “แต่นั่นเท่ากับว่าพวกเราเข้าใจองค์ชายผิดไป?”

    ชิงหูส่ายหน้า นัยน์ตาเผยให้เห็นร่องรอยของความสงสัย

    “ไม่ องค์ชายไม่ได้อยู่ที่อี้จ้าน นอกจากฮ่องเต้หมิงและผู้หญิงพวกนั้นแล้ว หาได้มิใครอื่นไม่”

    เป็นไปได้อย่างไร? หรือการมาเยือนเมืองหลวงของฮ่องเต้หมิงในคราวนี้เพราะมีแผนร้ายอันใดซ่อนเอาไว้?

    “จริงสิ เจ้าเห็นฮ่องเต้หมิงแล้วหรือไม่? พระองค์เป็นคนเช่นไร?”

    สีหน้าของชิงหูจริงจังขึ้นมา ก่อนจะตอบ

    “เป็นคนมีความสามารถและฉลาดเฉลียว เกรงว่าซีฟานจะมิทำให้กระเพาะของเขาอิ่มเอมได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็เป็นคนใจกว้าง ดูไม่เหมือนพวกชอบวางกลอุบายเจ้าเล่ห์ แต่กลับเป็นคนตรงไปตรงมา ดังนั้นข้าจึงคิดว่าคนพวกนั้นอาจจะแกล้งทำตัวเป็นคนของซีฟานหรือไม่?”

    หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้า

    ลูกทั้งเก้าของมังกรล้วนมีลักษณะนิสัยต่างกัน

    หากผู้เป็นพ่อหน้าตาหล่อเหลา เช่นนั้นลูกชายก็ไม่มีทางขี้เหร่ไปได้

    เกรงว่าฮ่องเต้หมิงอาจจะไม่รู้เรื่องที่คนเหล่านั้นทำเลยแม้แต่น้อย

    “ช่างเถอะ เรื่องนี้ยังต้องคุยกันอีกยาว วันนี้ทุกคนเหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อนกันเถิด”

    หลินจงอวี้และสาวใช้ทั้งสามกลับอยู่ในห้องกับหลินเมิ้งหยา

    มีเพียงชิงหูคนเดียวเท่านั้นที่กลับไปยังห้องพักส่วนตัวของตนเองเพื่อพักผ่อน

    เมื่อได้เห็นแผ่นหลังแสดงท่าทางไม่แยแสของเขา หลินเมิ้งหยารู้สึกซึ้งใจเป็นอย่างมาก

    “ป๋ายจี เจ้าเอากล่องยารักษาไปให้ชิงหูที”

    ป๋ายจีหยักหน้าลง จากนั้นหยิบกล่องยาของหลินเมิ้งหยาออกไป

    ทุกครั้งที่เจ้าเด็กนั่นได้รับบาดเจ็บ เขามักทำเพียงอดทนไว้ หากมิใช่เพราะความละเอียดรอบคอบของหลินเมิ้งหยา เกรงว่านางคงสูดไม่ได้แม้กระทั่งกลิ่นคาวเลือดและยารักษาบนร่างกายของเขา

    “ท่านพี่ จากนี้ไปไม่ว่าท่านไปไหน ได้โปรดพาข้าไปด้วยได้หรือไม่? ตอนที่ได้ยินป๋ายจีบอกว่าท่านหายตัวไป ข้าตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง”

    ดูจากสีหน้าขาวซีดของหลินจงอวี้แล้ว เขาน่าจะตกใจมากจริงๆ

    หลินเมิ้งหยาลูบไล้เส้นผมของเขา เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แม้แต่นางเองก็ไม่คิดไม่ถึง แล้วแบบนี้นางจะพาหลินจงอวี้ไปเสียงอันตรายด้วยได้อย่างไร?

    “พระชายาเพคะ คนของท่านอ๋องให้มาแจ้งว่าท่านอ๋องจะมาพักที่ตำหนักของพระองค์ในคืนนี้เพคะ”

    ด้านนอก จู่ๆ เสียงของผอจื่อก็ดังขึ้น

    คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากันแน่น แต่กลับตอบ

    “ลงกลอนประตูให้หมด ไม่ว่าใครเรียกก็ห้ามเปิด โดยเฉพาะท่านอ๋อง”

    ทุกคนในตำหนักล้วนเบิกตาโตแล้วสบตากันเลิ่กลั่ก

    ดูเหมือนท่านอ๋องที่ออกไปหาผู้หญิงที่ด้านนอกจะทำให้พระชายาขุ่นเคืองเสียแล้ว

    ตลอดการเดินทางจากอี้จ้าน หลงเทียนอวี้ตกอยู่ในอาการกึ่งเมากึ่งมีสติ

    ฮ่องเต้หมิงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เมื่อแก้วเล็กจนเกินไปจึงเปลี่ยนเป็นถ้วยมาใช้ดื่มเหล้า

    แม้แต่คนคอแข็งเช่นเขายังถูกทำให้เมาเล็กน้อย

    “ท่านอ๋อง แล้วผู้หญิงที่ถูกพระราชทาน…”

    น้ำเสียงของพ่อบ้านเติ้งเจือไว้ซึ่งความสงสัย

    ดวงทั้งตาสองข้างจ้องมองท่านอ๋องของตนเองด้วยความกังวล

    พระชายาเป็นพระชายาที่ค่อนข้างดุดัน

    ที่จวนแห่งนี้หาได้มีชายารองมาก่อน ดังนั้นหากมีขึ้นมาแล้วละก็ เกรงว่าพระชายาจะไม่มีทางปฏิบัติด้วยอย่างใจดีอย่างแน่นอน

    พวกเขาที่เป็นลูกน้องจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านอ๋องจะเป็นกิ่งไม้และร่มเงาให้แก่พวกเขาได้

    แต่น่าเสียดายที่วิธีการที่พระชายาใช้จะต้องไม่เหมือนกับผู้หญิงธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน

    ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาเพิ่งจะแต่งงานเข้าจวนได้เพียงสามเดือน ท่านอ๋องกลับพาผู้หญิงเข้าจวนมาเพิ่มอีกคน

    เฮ้อ เกรงว่าจวนอวี้จะไร้ซึ่งความสงบสุขอีกต่อไป

    “หาที่ให้นางพัก จริงสิ เอาออกไปให้ห่างจากตำหนักของข้า”

    เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงที่ชื่อหงอวี้อะไรนั่นเลยแม้แต่น้อย

    ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงจากซีฟานอาจจะถูกส่งมาเพื่อสอดแนมด้วยซ้ำ

    เขาไม่อยากให้คนข้างหมอนกลับกลายมาเป็นคนถือดาบจ่อคอของเขาอยู่หรอก

    “พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นท่านอ๋องจะไปพักผ่อนที่ตำหนักพระชายาหรือไม่?”

    นับตั้งแต่ตอนที่หลินเมิ้งหยาหายตัวไปเมื่อตอนบ่าย หลินขุยส่งม้าเร็วมาแจ้งข่าวทันที

    เขามิอาจถอนตัวออกมาได้ ดังนั้นจึงส่งน้องหกไปรับนางกลับมา

    แต่หากข่าวลือเรื่องที่พระชายาของตนเองถูกลักพาตัวไปตลอดบ่ายถูกแพร่ออกไป เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก

    หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เขาจึงสั่งให้น้องหกนำชุดกระโปรงที่เป็นเครื่องราชบรรณาการไป

    ดังนั้นคืนนี้เขาจึงอยากไถ่ถามดูสักเล็กน้อยว่า ตกลงหลังจากที่หลินเมิ้งหยาถูกลักพาตัวไปแล้วยังมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นบ้าง

    “ไป…ไปตำหนักหลิวซิน”

    หลงเทียนอวี้สาวเท้ายาวๆ ไปยังตำหนักหลิวซิน ใบหน้าหล่อเหลาแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์เหล้า

    เหล้าที่ได้ดื่มไปคือเหล้าที่ฮ่องเต้หมิงนำมาจากซีฟานชื่อว่าเหล่าหม่าน่าวหง รสชาติหวานละมุนลิ้น ทว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ค่อนข้างแรง

    หากมิใช่เพราะเขาใช้กำลังภายในล้างฤทธิ์เหล้าออกไปบ้างแล้ว เกรงว่าป่านนี้ร่างของเขาคงอ่อนปวกเปียกยิ่งกว่าดินโคลน

    “ท่านอ๋องเสด็จ คนที่อยู่ข้างในรีบเปิดประตู!”

    พ่อบ้านเติ้งเคาะประตู ทว่าทั้งตำหนักกลับเงียบสงบ

    หันหน้ามองท่านอ๋องของตนเอง คิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจะไม่คิดถอยกลับ

    ซวยแล้ว พ่อบ้านเติ้งทำได้เพียงเคาะประตูต่อไป

    “รีบเปิดประตู ท่านอ๋องเสด็จแล้ว หรือคนข้างในหูหนวกกันหมด?”

    ก่อนที่จะร้องเรียกและเคาะประตู แสงเทียนภายในยังคงส่องสว่างอยู่ แต่ทันทีที่ร้องเรียกขึ้น แสงไฟพลันดับไป

    แม้แต่แสงไฟจากคบเพลิงที่เอาไว้ใช้ส่องทางยามค่ำคืนยังถูกดับไปด้วย

    ขณะนี้ตำหนักหลิวซินเหลือเพียงความมืดมิด แสงที่พอจะส่องสว่างก็มีแต่เพียงแสงจากคบเพลิงหน้าประตูใหญ่สองดวง

    นี่…ยากเกินกว่าจะรับมือแล้ว

*******************************

1 ขโมยไก่ไม่ได้ แล้วยังต้องเสียข้าวสารอีกกำมือ หมายถึงฉวยโอกาสไม่สำเร็จแล้วยังต้องขาดทุน