เล่มที่ 3 บทที่ 78 หูเตี๋ยเจี๋ยนี้ผูกอย่างไร

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซี่ยยวี่หลัวก้มหน้า ในขณะที่ไม่มีผู้ใดเห็น นางตวัดมุมปากยิ้มอย่างเย็นเยียบ เซี่ยยวี่หลัวนะเซี่ยยวี่หลัว เมื่อก่อนเจ้าทำอะไรไว้บ้าง เห็นหรือไม่? เจ้าในอดีตเลวร้ายจนหมดหนทางรักษาแล้ว!

เจ้าไม่ได้ทำ ทุกคนก็ยังคิดว่าเจ้าเป็นคนทำ! มิน่าล่ะในหนังสือเซียวยวี่ถึงโกรธแค้นเจ้าเข้ากระดูก เจ้ามันสมควรแล้ว สมควรแล้ว!

หลัวซื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวก้มหน้าไม่กล่าวอะไร นึกว่านางหาหลักฐานไม่ได้ จึงส่งเสียงเย็นในลำคอก่อนกล่าว “เซี่ยยวี่หลัว หากเจ้าหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าข้าเป็นคนตีเซียวจื่อเซวียนไม่ได้ ก็ถือว่าเจ้าปรักปรำข้า ข้าจะบอกให้ ข้าหลัวไห่ฮวาจะไม่ทนต่อการปรักปรำ วันนี้เจ้าใส่ร้ายข้าว่าข้าตีเซียวจื่อเซวียน ข้าจะเอาเรื่องเจ้าให้ถึงที่สุด! “

“พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ตีข้า ไม่ได้ตีข้า! ” เซียวจื่อเซวียนเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่ถูกกักขังไว้ก็มิปาน ตะโกนสุดเสียงจนเสียงใกล้แหบ แต่ก็ไม่มีใครฟังวาจาของเขา อย่างไรเสีย หากหาหลักฐานไม่ได้ คนร้ายก็คือเซี่ยยวี่หลัว

เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนตีเซียวจื่อเซวียน ไม่เกี่ยวอะไรกับหลัวซื่อ

แต่เซียวจื่อเซวียนปาก้อนหินใส่ต้าจ้วง เรื่องนี้คงกลายเป็นเรื่องใหญ่ พวกเขาสองสามีภรรยาล้วนไม่ใช่ผู้ที่จะยอมคน ประคบประหงมบุตรชายบุตรสาวประหนึ่งแก้วตาดวงใจ หากเซียวจื่อเซวียนปาก้อนหินใส่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขา เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ

เซียวจื่อเซวียนหันมองเซี่ยยวี่หลัว รู้สึกปวดใจเสียยิ่งกว่าอะไร “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านพูดอะไรบ้างสิ! ”

เมื่อเห็นชาวบ้านในหมู่บ้านปรักปรำพี่สะใภ้ใหญ่ของตัวเอง เซียวจื่อเซวียนรู้สึกปวดใจจนทนไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตอนนี้พี่สะใภ้ใหญ่กำลังถูกปรักปรำ เขารู้สึกทรมานยิ่งกว่าตอนเขาโดนตีเสียอีก

เซียวจื่อเมิ่งก็สะอื้นไห้ “พี่สะใภ้ใหญ่…”

เซี่ยยวี่หลัวลูบศีรษะของเด็กสองคน แววตาฉายประกายรักใคร่เอ็นดู เซียวจิ้งยี่เมื่อเห็นแววตาเช่นนั้นก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย มีเพียงตอนที่มารดามองบุตรของตนเองเท่านั้น จึงจะมีแววตาที่ทั้งอ่อนโยนและอบอุ่นเช่นนั้นได้!

“ไม่ต้องกลัว พี่สะใภ้ใหญ่จะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าเอง! ” นางลูบศีรษะของเซียวจื่อเซวียน เมื่อเห็นเลือดตรงมุมปากของเขาที่แข็งตัวแล้ว จู่ ๆ แววตาก็ดูร้ายกาจขึ้นมา

ท่านหมอในหมู่บ้านมาถึงแล้ว เขามาเพื่อใส่ยาให้เซียวจื่อเซวียน

เซี่ยยวี่หลัวลุกขึ้นหลีกทางให้ นางมองเซียวจื่อเซวียนแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาจึงเพ่งมองไปที่หลัวซื่อ หลัวซื่อถูกมองจนรู้สึกหวั่นใจ แต่ปกตินางเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง จึงเหยียดหลังตรง และสบสายตากับเซี่ยยวี่หลัวโดยไม่แสดงท่าทีอ่อนข้อแม้แต่น้อย

แววตาของเซี่ยยวี่หลัว ดูร้ายกาจและเย็นชาจนแทบจะมองทะลุถึงหัวใจของผู้อื่นได้ หลัวซื่อเริ่มต้านไม่ไหว โชคดีที่เซี่ยยวี่หลัวเก็บสายตาคืนพอดี

นางหันมองเซียวจิ้งยี่ “หัวหน้าหมู่บ้าน หากข้าสามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าบุตรชายบุตรสาวของหลัวซื่อแย่งของของจื่อเมิ่งไปล่ะ? ”

หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าต้าจ้วงและเสี่ยวฮวาแย่งของของจื่อเมิ่งไป เช่นนั้นก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเซียวจื่อเซวียนไม่ได้บุกมาโดยไร้สาเหตุ!

เซียวจิ้งยี่พยักหน้า “หากเจ้าสามารถพิสูจน์ได้ เช่นนั้นที่เซียวจื่อเซวียนมาที่นี่ ก็ไม่ใช่การบุกรุกโดยไร้เหตุ! คนจากบ้านไฉซุ่น เจ้าว่าข้ากล่าวได้ถูกต้องหรือไม่? ”

หลัวซื่อกัดริมฝีปาก มองไปทางหมวกที่อยู่ในน้ำโคลน อย่างไรเสียหมวกก็โดนเหยียบจนพังเสียหายไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น บ้านผู้ใดไม่มีหมวกฟางบ้าง ขอเพียงนางยืนกรานว่านั่นเป็นหมวกฟางบ้านนาง หมวกฟางจะให้การได้หรือไง!

หลัวซื่อสงบจิตใจ ส่งเสียงเย็นในลำคอทีหนึ่ง ถือเป็นการขานรับว่าเห็นพ้องกับวาจาของเซียวจิ้งยี่

เซียวจิ้งยี่เห็นว่าหลัวซื่อขานรับแล้ว จึงหันมองเซี่ยยวี่หลัว “ภรรยาเซียวยวี่ เจ้าจะพิสูจน์อย่างไร? ”

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งต่างมองพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยความวิตก หมวกก็พังเสียหายไปแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่จะพิสูจน์อย่างไร!

นิ้วเรียวงามของเซี่ยยวี่หลัว ชี้ไปทางหูเตี๋ยเจี๋ย [1] สีเหลืองที่ผูกอยู่บนศีรษะเสี่ยวฮวา พร้อมกล่าว “หูเตี๋ยเจี๋ยบนศีรษะเสี่ยวฮวาคือหลักฐาน! ”

หลัวซื่อผงะไป ก่อนจะหัวเราะลั่นอย่างรวดเร็ว “นี่เป็นหูเตี๋ยเจี๋ยที่ข้าผูกให้ลูกสาวเอง! ”

เสี่ยวฮวาก็กล่าว “นี่เป็นของที่ท่านแม่ทำให้ข้า! ”

ทุกคนต่างหันมองไปทางหูเตี๋ยเจี๋ยบนศีรษะเสี่ยวฮวา เป็นเพียงหูเตี๋ยเจี๋ยธรรมดาเท่านั้น ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “เช่นนั้นท่านลองผูกให้เหมือนกับปมนี้ดู! ”

หลัวซื่อหัวเราะอย่างเย็นเยียบ หยิบแถบผ้าขึ้นมาผูกหูเตี๋ยเจี๋ย “นี่ไง ดูสิ…”

คนปกติผูกหูเตี๋ยเจี๋ย จะผูกเงื่อนเป็นไว้ด้านหนึ่ง จากนั้นจึงผูกเงื่อนเป็นอีกด้านหนึ่งไว้บนนั้นอีกที เงื่อนเป็นสองอันผูกรวมกัน ตรงกลางจะมีเงื่อนผูกเพิ่มขึ้นมา

นางนำหูเตี๋ยเจี๋ยให้ชาวบ้านที่มุงอยู่ดู ทุกคนต่างรู้สึกว่าไม่ต่างกันมากนัก แต่ก็มีบางคนที่มีสายตาเฉียบแหลม สังเกตเห็นถึงความแตกต่าง “ไม่ถูกสิ ตรงกลางหูเตี๋ยเจี๋ยนั่นเรียบสนิท แม่เสี่ยวฮวา หูเตี๋ยเจี๋ยของเจ้า ไม่เหมือนกับอันนั้น! ”

เมื่อทุกคนหันมองไปทางหูเตี๋ยเจี๋ยบนศีรษะเสี่ยวฮวา ก็พบว่าดูดีกว่าหูเตี๋ยเจี๋ยที่หลัวซื่อเพิ่งผูกไม่ใช่หรือ?

หลัวซื่อก็ตกอยู่ในอาการมึนงง มองดูหูเตี๋ยเจี๋ยในมือตนเอง ก่อนมองดูบนศีรษะเสี่ยวฮวา ไม่เหมือนกับของนางจริงด้วย

นางวิตกเล็กน้อย ก่อนจะกลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว รีบคลายหูเตี๋ยเจี๋ยของตัวเองออก ระหว่างคลายออกก็กล่าว “อ๋อ ข้าลืมไปว่าข้าผูกหูเตี๋ยเจี๋ยอีกแบบหนึ่งให้เสี่ยวฮวา พวกเจ้ารอก่อน ข้าจะผูกใหม่”

หลัวซื่อทำงานเย็บปักถักร้อยเป็น และมีฝีมือดี แต่ไม่ว่านางจะผูกแถบผ้าในมืออย่างไร ทำอย่างไรก็ไม่อาจผูกหูเตี๋ยเจี๋ยที่เหมือนกับหูเตี๋ยเจี๋ยบนศีรษะเสี่ยวฮวาได้เลย!

ยิ่งนางร้อนใจ มือก็ยิ่งเงอะงะจนทำอะไรไม่ถูก หูเตี๋ยเจี๋ยนั่นผูกอย่างไรกัน บนนั้นจะไม่มีเงื่อนปมให้เห็นแม้แต่น้อยได้อย่างไร!

เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ตอนนี้ยังเป็นช่วงเดือนสาม ทว่าบนศีรษะหลัวซื่อมีเหงื่อซึมชื้นแล้ว สุดท้าย แม้แต่แถบผ้าในมือนางก็เปียกชื้นไปด้วย

บนฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ!

เมื่อเซียวจิ้งยี่เห็นว่านางพยายามอยู่นานสองนานก็ยังทำไม่ได้ จึงพอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้บ้างแล้ว!

หลัวซื่อผูกหูเตี๋ยเจี๋ยแบบนั้นไม่เป็น!

เซี่ยยวี่หลัวหยิบแถบผ้าขึ้นมา นิ้วมือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หลัวซื่อยังไม่ทันเห็นว่าผูกอย่างไร นางก็ผูกหูเตี๋ยเจี๋ยที่เหมือนกับหูเตี๋ยเจี๋ยบนศีรษะเสี่ยวฮวาออกมาได้แล้ว

คนหนึ่งผูกเป็น อีกคนผูกไม่เป็น

หลัวซื่อยังจะบอกว่านางเป็นคนผูก แต่นางผูกครึ่งค่อนวันยังผูกไม่ได้ เซี่ยยวี่หลัวใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาก็ผูกได้แล้ว หูเตี๋ยเจี๋ยนี้เป็นของใคร ทุกคนแยกแยะได้ทันที

เซี่ยยวี่หลัวจับหูเตี๋ยเจี๋ยไว้ พร้อมกล่าว “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านลองดูว่าหูเตี๋ยเจี๋ยสองอันเหมือนกันหรือไม่? ”

เซียวจิ้งยี่พยักหน้า หันมองหลัวซื่อ เอ่ยถามด้วยสีหน้าถมึงทึง “ภรรยาไฉซุ่น นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”

หลัวซื่ออ้ำๆ อึ้งๆ กล่าวอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว หูเตี๋ยเจี๋ยนั่นแปลกประหลาดนัก ผูกอย่างไรกัน เหตุใดนางถึงผูกไม่ได้

เซียวจิ้งยี่เห็นว่านางไม่กล่าวอะไร ก็โมโหจนกระทุ้งไม้เท้าลงบนพื้นไม่หยุด “เจ้าลองพูดมา ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่? พวกเจ้าแย่งหมวกของจื่อเมิ่ง จื่อเซวียนมาทวงคืน พวกเจ้ายังตีเขาจนอยู่ในสภาพนี้อีก? ”

หลัวซื่อยังคงปากแข็ง “หมวกนั่นพวกเราเก็บได้ ไม่ได้แย่งมา จื่อเซวียนก็ถูกเซี่ยยวี่หลัวตี ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า! ”

เชิงอรรถ

 [1]หูเตี๋ยเจี๋ย หมายถึงโบว์รูปผีเสื้อ