ตอนที่ 90 ยื่นมือเข้าไปช่วย

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 90 ยื่นมือเข้าไปช่วย

เมื่อออกมาจากโรงเรียนก็เห็นซุนต้าหูวิ่งมาแต่ไกลด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน เมื่อเขาเห็นเจียงหยุนชานกับเจียงป่าวชิงออกมาโดยสวัสดิภาพ เขาถึงจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เฮ้อ… ข้านั้นตกใจมาก เมื่อสักครู่ข้าเหมือนเห็นพวกข้าราชการเดินเข้าไป แล้วพวกเจ้ายังออกมาช้าอีก ข้าจึงคิดว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า ข้าเองก็เพิ่งวางรถล่อเสร็จ กะว่าจะเข้าไปหาพวกเจ้า แต่พวกเจ้าดันออกมากันก่อน”

เจียงป่าวชิงส่งยิ้มให้ซุนต้าหูจากทางด้านข้าง “พี่ต้าหู ขอบคุณนะเจ้าคะ”

ซุนต้าหูกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แม้ว่าเขาจะเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่ผิดปกติ เขาเห็นชายหนุ่มบนรถเข็นคนหนึ่งกำลังใช้สายตาหงุดหงิดมองเขาอยู่

ซุนต้าหูส่งเสียงอุทานเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองเจียงป่าวชิงราวกับถามนางอยู่กลาย ๆ “คนผู้นี้คือ ?”

เจียงป่าวชิงยังไม่ได้คิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกงจี้กับนาง กงจี้จึงพูดขึ้นช้า ๆ “อ้อ พวกเขาคือเพื่อนบ้านเจ้าค่ะ”

ใช่แล้ว ความสัมพันธ์ที่อธิบายง่ายที่สุดของทั้งสองคนก็คือเพื่อนบ้าน… เจียงป่าวชิงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง

กงจี้เหลือบมองเจียงป่าวชิง แต่น้ำเสียงของเขากลับเย็นชา “ไป๋จี กลับ”

เงาของทั้งสองคนค่อย ๆ เคลื่อนตัวไกลออกไปและหายไปที่มุมถนน

ซุนต้าหูไม่รู้ว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้นในหัวของเขา เขาจึงเกาศีรษะเล็กน้อย “ต่อไปเราจะทำอะไรกันรึ ?”

เจียงป่าวชิงยิ้มหน้าบาน “แน่นอนว่าต้องกลับบ้านสิเจ้าคะ”

เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานนั่งรถล่อของซุนต้าหูกลับไปที่หมู่บ้าน เจียงป่าวชิงอยากให้เงินซุนต้าหู แต่เขากลับโกรธมากและกลับไปอย่างดื้อรั้น นางจะพูดเกลี้ยกล่อมก็ไม่ทันเสียแล้ว

เจียงป่าวชิงจึงต้องพูดขึ้น “เห็นทีว่าจะต้องเปลี่ยนวิธีขอบคุณพี่ต้าหูเสียแล้ว”

เจียงหยุนชานพยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อเข้ามาในบ้าน เจียงหยุนชานก็ปิดประตู จากนั้นเขาก็ถามเจียงป่าวชิงอย่างไม่สบายใจ “ป่าวชิง ชายที่นั่งรถเข็นคนนั้น… เจ้ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไรรึ ?”

แน่นอนว่าเจียงหยุนชานมองออกว่าชายหนุ่มบนรถเข็นตั้งใจมาช่วยเจียงป่าวชิงในครั้งนี้ แต่คำถาม คือน้องสาวของเขาไปรู้จักคนประเภทนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?

ดูจากท่าทางหวาดกลัวของขุนนางฉือก็รู้แล้วว่าถ้าหากชายหนุ่มที่นั่งรถเข็นผู้นั้นไม่กำจุดอ่อนของขุนนางฉือไว้ในมือ เขาก็ต้องมีภูมิหลังที่ใหญ่กว่าขุนนางฉืออยู่มาก

ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้ข้อใด ก็ทำให้เจียงหยุนชานรู้สึกว่าการที่น้องสาวของเขามีความเกี่ยวข้องกับคนประเภทนี้ มันทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงอยู่พอควร

เจียงป่าวชิงพูดขึ้นเบา ๆ “พี่ ข้าบอกพี่แล้วพี่ห้ามไปบอกคนอื่นนะเจ้าคะ”

เจียงหยุนชานพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “เจ้าสบายใจได้เลย ข้าจะไม่ให้คนอื่นรู้อย่างแน่นอน”

เจียงป่าวชิงพูดด้วยสีหน้าลึกลับ “พี่หยุนชาน ก่อนหน้านี้ข้าเข้าไปขุดหญ้าป่าในภูเขาทุกวัน ข้าได้พบกับชายชราคนหนึ่ง เขาเห็นว่าข้าสติปัญญาเป็นเลิศ เขาจึงใช้เวลาสักพักเพื่อสอนเคล็ดลับในการช่วยชีวิตผู้คนให้แก่ข้า…”

เจียงหยุนชานลุกขึ้นยืนทันที ทำให้เจียงป่าวชิงตกใจอยู่เล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างร้อนรน “ชายชราคนนั้นสอนเจ้าขนาดนี้ก็ต้องเป็นอาจารย์ของเจ้าแล้วสิ ข้าต้องไปขอบคุณเขาสักหน่อยแล้ว”

เจียงป่าวชิงเห็นเจียงหยุนชานไม่มีความสงสัยต่อคำพูดของนางอย่างสิ้นเชิง ถึงขนาดไม่ถามว่าเคล็ดลับในการช่วยชีวิตคนคืออะไรด้วยซ้ำ เขาเชื่อใจนางมาก นางจึงรู้สึกตื้นตันใจและรู้สึกละอายใจอยู่เล็กน้อยเช่นกัน ถึงอย่างไรชายชราหรือเคล็ดลับอะไรนั่นก็เป็นเพียงคำพูดหลอกลวงที่สร้างขึ้นเพื่อหาเหตุผลให้ความสามารถด้านการฝังเข็มของนางเท่านั้น

เจียงป่าวชิงรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ชายชราใส่ใจเรื่องโชคชะตา การเดินทางของเขาก็ไม่แน่นอน หลังจากที่เขาสอนเคล็ดลับนี้ให้แก่ข้าแล้ว เขาก็เทียวไปทุกหนทุกแห่งต่อ”

ตอนนี้เจียงหยุนชานถึงจะค่อย ๆ นั่งลงช้า ๆ จากนั้นเขาก็พยักหน้าด้วยสีหน้าดีอกดีใจ “ข้าก็เคยได้ยินอยู่บ้างว่ามีฤาษีหลายคนมักจะเป็นเช่นนี้ ป่าวชิง ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องเป็นเด็กที่มีบุญวาสนาดี”

เจียงป่าวชิงเหงื่อตกเล็กน้อย นางยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะพูดต่อ “ส่วนชายหนุ่มที่นั่งรถเข็นคนนั้น… ข้าไม่รู้ว่าภูมิหลังเขาเป็นอย่างไร ข้าแค่บังเอิญไปทำให้เขารู้ว่าข้าสามารถรักษาขาของเขาได้ เขาจึงย้ายมาอยู่ที่ข้าง ๆ บ้านเราและข้าก็ต้องรักษาขาให้เขาทุกวัน”

เจียงหยุนชานไม่รู้สึกสงสัยต่อความสามารถของน้องสาวเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อเขาได้ยินเจียงป่าวชิงพูดเช่นนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและคิดในใจว่าที่แท้มันก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเช่นกัน “ป่าวชิง เคล็ดลับในการช่วยชีวิตผู้คนของเจ้า… มัน… เอ่อ… ยอดเยี่ยมมากเลยใช่หรือไม่ ?”

เจียงป่าวชิงออกแรงพยักหน้า แน่นอนว่าต้องยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว

เจียงหยุนชานเริ่มเป็นกังวลรอบใหม่ แต่เขากลับกลัวว่าน้องสาวจะไม่พอใจจึงพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “ป่าวชิง ข้าคิดว่ายังไม่ควรให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ในตอนนี้จะเป็นการดีที่สุดนะ…”

เจียงป่าวชิงเรียกขึ้นอย่างดีใจ “พี่!”

เจียงหยุนชานรู้สึกงุนงงอยู่เล็กน้อย แต่เจียงป่าวชิงก็พูดต่อ “พี่เป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลกเลยจริง ๆ เจ้าค่ะ”

เจียงหยุนชานไม่พูดอะไร ตอนนี้ใบหน้าของเขาแดงลามไปใกล้จะถึงลำคออยู่แล้ว

เมื่อวานนี้เจียงป่าวชิงเตรียมอาหารไว้มากมาย เดิมทีนางอยากรอให้เจียงหยุนชานกลับมาก่อนแล้วถึงค่อยทำอาหาร สุดท้าย เมื่อวานเจียงหยุนชานก็ไม่กลับมา …แต่ทำวันนี้ก็ยังไม่สาย

เจียงป่าวชิงทำมะเขือเทศผัดไข่ มะเขือยาวน้ำแดง และต้มฟักเขียว จากนั้น สองพี่น้องก็ลงมือกินข้าวเที่ยงที่โต๊ะอิฐด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย และแน่นอนว่านางไม่ลืมทำอาหารพิเศษให้เจ้าหมาทั้งสองตัวด้วยเช่นกัน

สัมภาระที่เจียงหยุนชานเก็บกลับมาจากที่โรงเรียนกับหนังสือที่หวู่ซิ่วฉายมอบให้ตอนที่แยกจากกันยังคงวางไว้อย่างเงียบ ๆ อยู่ด้านข้าง

สองพี่น้องไม่ได้พูดถึงเรื่องลาออก  อีกอย่างเจียงป่าวชิงรู้สึกว่าเจียงหยุนชานก็ต้องการเวลาเพื่อจัดการกับอารมณ์ของเขาเช่นกัน

หลังการกินข้าวและพักผ่อนเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาทำการรักษา

เรื่องที่ในโรงเรียนวันนี้ คนที่มีสติปัญญาล้วนมองออกว่ากงจี้ช่วยพวกเขาไว้ เจียงป่าวชิงครุ่นคิดอยู่สักครู่ จากนั้นนางก็ตัดสินใจว่าจะขอบคุณกงจี้อย่างจริงจังสักหน่อย  แต่… ผลที่ได้หลังจากที่นางไปหาเขาคือสีหน้าที่นิ่งอยู่ตลอดของกงจี้ เจียงป่าวชิงพูดกับเขา แต่เขากลับไม่ค่อยสนใจนางเลย

เจียงป่าวชิงไม่คิดว่าท่าทางเช่นนี้ของกงจี้จะมีปัญหาอะไร  ถึงอย่างไรในใจของนางก็คิดว่าการที่กงจี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คาดเดาไม่ได้และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่นั้น เป็นเรื่องปกติที่นางมักจะเห็นเป็นประจำอยู่แล้ว

เพื่อความมั่นใจ เจียงป่าวชิงจึงวัดชีพจรให้กงจี้ใหม่อีกครั้ง ยาที่จ่ายให้เมื่อวานไม่มีปัญหาอะไร จึงยังคงใช้ใบสั่งยาที่จ่ายให้ตั้งแต่เมื่อวานได้

ทุกอย่างไม่ต่างอะไรไปจากเดิม  เพียงแต่… หลังจากที่แช่ขาเสร็จแล้ว เจียงป่าวชิงก็รู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายนางก็พูดออกไปจนได้ “คุณชายกง เอ่อ… เรื่องวันนี้ข้าขอบคุณเจ้ามากนะ…”

บนหน้าผากของกงจี้ยังคงมีเหงื่อไหลออกมาเพราะความเจ็บปวด ทว่ากลับไม่เห็นร่องรอยของความเจ็บปวดได้จากในสีหน้าของเขา เขายังคงสง่างามและแววตามีความเย้าหยอกปะปนอยู่เช่นเดิม “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าแค่ไปทำธุระที่ในอำเภอและผ่านไปทางนั้นพอดี”

เจียงป่าวชิงเงียบไปสักครู่ก่อนจะพูดต่อ “ถึงอย่างไร เจ้าก็ช่วยข้ากับพี่ชายไว้…”

กงจี้พูดขัดคำพูดของเจียงป่าวชิง ท่าทางของเขายังคงผสมไปด้วยความเหน็บแนม “ก็บอกแล้วอย่างไรเล่าว่าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า หากเจ้าอยากขอบคุณก็ขอบคุณวิชาแพทย์ของเจ้าเถอะ และที่ข้ายื่นมือช่วยเจ้าก็เพื่อตัวข้าเองเท่านั้น”

เจียงป่าวชิงมองกงจี้ แต่กงจี้กลับหลับตาลง

เจียงป่าวชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ได้ เจ้าอยากพูดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ข้าเอาคำขอบคุณใส่ไว้ในใจตามเดิมก็ได้”

กงจี้พ่นลมออกมาทางจมูกเล็กน้อย ขณะนี้บรรยากาศอึมครึมเสียจริงจนกระทั่งไป๋จีกลับมาจากไปหยิบสิ่งของบางอย่าง

เมื่อเจียงป่าวชิงเห็นสิ่งนั้น ความเสียใจเมื่อสักครู่ก็หายไปทันที ดวงตาของนางเป็นประกายและนางเกือบจะวิ่งเข้าไปรับของสิ่งนั้นมาอยู่รอมร่อ

จะไม่ให้ตาเป็นประกายได้อย่างไร ? นี่คือกระเป๋าเข็มที่นางวาดบนกระดาษเมื่อตอนก่อนหน้านี้อย่างไรล่ะ

ในเมื่อทำกระเป๋าเข็มเสร็จแล้ว ยังต้องเดาของที่อยู่ข้างในกระเป๋าเข็มอีกรึ ?

เจียงป่าวชิงวางกระเป๋าเข็มลงบนโต๊ะหนังสือและทำการเปิดออก เข็มเงินที่อยู่ข้างในดูละลานตาอยู่เล็กน้อย มันวางอยู่ในกระเป๋าเข็มอย่างเป็นระเบียบ

ในที่สุดความไม่สบายใจที่ติดอยู่ในอกของเจียงป่าวชิงก็ออกมาจนหมดสิ้น …นี่คือเข็มเงินของนางและมันถือเป็นดาบของนางด้วยเช่นกัน

ในที่สุดเจียงป่าวชิงก็มีความมั่นคงในใจสักที

กงจี้เอนกายพิงรถเข็น เมื่อเขาเห็นความลิงโลดที่ไม่สามารถปกปิดได้จากระหว่างคิ้วของเจียงป่าวชิงเมื่อนางแตะเข็มเงินนั้น สีหน้าของเขาก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงในที่สุด