ตอนที่ 717 ออกลูกเป็นสัตว์ประหลาด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

หลังจากนั้น ถังหนิงก็ถูกส่งตัวไปยังห้องพักฟื้น ตอนนั้นเองที่ซย่าอวี้หลิงเดินเข้ามาในห้องพร้อมเด็กสองคนและให้ถังหนิงดูพวกเขา “ลูกมีลูกชายสองคนแน่ะ”

 

 

ถังหนิงมองไปที่เด็กทั้งสองแล้วตัวแข็งทื่อด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นเช่นนี้ ซย่าอวี้หลิงก็หัวเราะ “ลูกไม่รู้เหรอว่าคลอดออกมากี่คน”

 

 

ถังหนิงส่ายหน้าแล้วมองไปที่โม่ถิง ชายหนุ่มเองก็ยังไม่ได้เห็นเด็กๆ เช่นกัน นี่คือการพบกันครั้งแรกของพวกเขา

 

 

“อยากอุ้มพวกเขาไหม” ซย่าอวี้หลิงเอ่ยถามโม่ถิง

 

 

โม่ถิงนั่งนิ่ง ชายหนุ่มยังไม่ได้ปรับตัวให้เข้ากับตัวตนใหม่ในฐานะพ่อคน มีเพียงตอนนี้เท่านั้นที่เขาตระหนักว่าตัวเองมีความรับผิดชอบมากมายแค่ไหนในฐานะพ่อของเด็กสองคนนี้

 

 

จากนี้ไป เด็กสองคนนี้จะพึ่งพาเขาและถังหนิงเพื่อมีชีวิตรอด

 

 

แม้ชายหนุ่มจะเตรียมตัวสำหรับช่วงเวลานี้มาแล้ว การได้เจอเด็กๆ เป็นครั้งแรกนั้นก็ยังทำให้เขาตื่นตกใจ

 

 

ซย่าอวี้หลิงสังเกตเห็นความวิตกกังวลบนใบหน้าโม่ถิง ดังนั้นเธอจึงทำท่าบอกให้เขายกแขนขึ้นและทำตามสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ จากนั้นเธอก็วางเด็กทั้งสองลงในอ้อมแขนของเขาอย่างช้าๆ

 

 

เด็กๆ ดูตัวเล็กจ้อยเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของโม่ถิง อย่างไรก็ตาม พวกเขากำลังหลับสบายด้วยความรู้สึกปลอดภัยอย่างเต็มที่

 

 

“นี่พวกเธอ ดูคุณพ่อที่กำลังอุ้มลูกแฝดอยู่สิ พวกเขาไม่ร้องไห้ด้วยล่ะ” นางพยาบาลพากันหัวเราะเมื่อได้เห็นภาพนั้น “เด็กๆ กับพ่อของพวกเขาจะต้องเข้ากันได้ดีแน่ๆ”

 

 

ถังหนิงมองท่าทีอันระมัดระวังของโม่ถิงแล้วลุกขึ้นมาจับแก้มของเด็กๆ ขณะที่รอยยิ้มอันพึงพอใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ…

 

 

 

 

คืนนั้น โรงพยาบาลเงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ถังหนิงตื่นจากการหลับใหล พบว่าโม่ถิงยังคงนั่งอยู่ข้างๆ เตียงของเธอ หัวใจหญิงสาวปวดร้าวเมื่อมองไปที่เขา “เด็กๆ เกิดมาแล้วและฉันก็สบายดีค่ะ คุณไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วนะคะ อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงสิ”

 

 

โม่ถิงเงยหน้าขึ้นมามองถังหนิง หลังจากเหลือบมองเธออย่างเร็วๆ ชายหนุ่มก็พยักหน้า “ครับ”

 

 

จากนั้นชายหนุ่มก็เดินอ้อมไปที่อีกด้านหนึ่งของเตียงและนอนลงข้างๆ เธอ

 

 

ถังหนิงหยุดเขาไว้อย่างรวดเร็ว “อย่ามานอนตรงนี้สิคะ ฉันเพิ่งจะคลอดลูกมา ตัวฉันไม่สะอาด”

 

 

โม่ถิงยืดแขนออกมากอดถังหนิงไว้แล้วเอาหัวเธอแนบกับอกของเขา “คุณมอบชีวิตให้กับลูกอันเป็นที่รักทั้งสองคนของผมนะครับ ผมไม่เคยรังเกียจคุณเลย ดังนั้นทำไมคุณถึงต้องรังเกียจตัวเองล่ะ”

 

 

“ฉันตัวเหม็นค่ะ…”

 

 

“ผมไม่รังเกียจ” โม่ถิงกล่าวอย่างอ่อนโยนพลางกอดเธออย่างแนบแน่นต่อไป “ขอบคุณนะครับคุณภรรยา”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาถังหนิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ตราบใดที่ชายคนนี้รับรู้ถึงความทุกข์และสามารถเข้าใจความเจ็บปวดของเธอได้ งั้นทุกอย่างที่เธอต้องผ่านมานั้นก็คุ้มค่าแล้ว

 

 

“คุณไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ”

 

 

ตอนนั้นเองที่โม่ถิงพลันเริ่มบทสนทนาใหม่ขึ้นมาขณะที่เกยคางบนศีรษะของหญิงสาว “โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน แต่พอมีคุณกับลูกๆ ผมก็ซาบซึ้งและพอใจมากแล้วครับ”

 

 

หยาดน้ำตาไหลซึมออกมาจากมุมตาของถังหนิง ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของโม่ถิง หญิงสาวก็พลันหัวเราะ “ด้วยความยินดีค่ะคุณชายโม่ นี่คือเครื่องพิสูจน์ความรักที่ฉันมีต่อคุณ”

 

 

ไม่ว่าจะเมื่อไหร่และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรักที่คู่รักคู่นี้มอบให้แก่กันและกันนั้นก็ยังคงรุ่มร้อนและลึกซึ้งดังเช่นเคย

 

 

โม่ถิงนึกสงสัยอยู่บ่อยๆ ว่าจะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ที่รู้สึกขอบคุณคนรักของตัวเอง

 

 

โดยเฉพาะในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบนโลกนี้ถึงมีผู้คนมากมายที่โกรธหรือทำร้ายคนรักของตัวเองได้อย่างแสนสาหัส เพราะสำหรับเขา แค่ความคิดที่ว่าถังหนิงไม่ได้อยู่เคียงข้างกันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดแล้ว ดังนั้นแม้ถังหนิงจะทำบางสิ่งที่เกินเลยไปเป็นอย่างยิ่งในอนาคต ตราบใดที่เธออยู่เคียงข้างเขา นั่นก็เพียงพอแล้ว

 

 

“ลูกๆ อยู่ที่ไหนคะ”

 

 

“หลับอยู่ครับ” โม่ถิงตอบ

 

 

“แล้ว…คุณได้ตั้งชื่อให้พวกเขาหรือยังคะ” ถังหนิงเอ่ยถาม

 

 

“คนโตให้ชื่อว่าโม่จื่อเฉิน ส่วนคนเล็กให้ชื่อว่าโม่จื่อซี คุณคิดชื่อเล่นให้พวกเขาได้เลยครับ”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังหนิงก็นิ่งเงียบไป โม่ถิงรออย่างอดทน ในตอนที่ชายหนุ่มคิดว่าหญิงสาวผล็อยหลับไปแล้ว เธอก็พลันพูดขึ้นมาว่า “เราเรียกพวกเขาว่าถังถังกับกั่วกั่วดีไหมคะ”

 

 

“พอลูกโตขึ้น พวกเขาได้เกลียดคุณแน่ครับ” โม่ถิงหัวเราะ

 

 

ถังหนิงเองก็หัวเราะเช่นกัน “คนเฒ่าคนแก่บอกเอาไว้ว่าควรตั้งชื่อเล่นให้เชยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยวิธีนี้ เด็กจะดูแลได้ง่าย พวกเขาควรจะดีใจที่ฉันไม่ได้ตั้งชื่อพวกเขาว่าหวังไฉ่หรืออาฟู่นะคะ”

 

 

เดิมที่คู่รักพูดว่าพวกเขาจะพักผ่อนกัน ทว่าทั้งคู่ก็ไขว้เขวไปเพราะบทสนทนาอันไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

เพราะถึงอย่างไร หญิงอันเป็นที่รักของโม่ถิงก็ได้ให้กำเนิดเด็กแฝดผู้น่ารักน่าชังทั้งสอง ชายหนุ่มจะไม่ลืมวันนี้ไปอีกตลอดชีวิต

 

 

งั้น…สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้ให้กำเนิดเด็กชายถึงสองคน

 

 

ยอดเยี่ยม! จากนี้ไป บ้านหลังนี้จะมีผู้ชายมาช่วยเขาปกป้องถังหนิงเพิ่มอีกสองคน!

 

 

 

 

วันถัดมา ต้วนจิ่งหงได้ข่าวว่าถังหนิงคลอดเด็กออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว อันที่จริง เธอให้กำเนิดเด็กแฝดเลยด้วย

 

 

หากไม่ใช่เพราะพวกเขาเพิ่งทำการแสดงไปเมื่อคืนที่ผ่านมา หญิงสาวก็คงจะเปิดแชมเปญดื่มฉลองกับสมาชิกในวงของเธอไปแล้ว

 

 

“ก่อนหน้านี้ฮว่าเหวินเฟิ่งเพิ่งจะปล่อยข่าวลือที่น่าขนลุกเกี่ยวกับหนิงของฉันออกมา ประมาณว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวที่มีความพิกลพิการ แต่ดูผลลัพธ์สิ หนิงของฉันคลอดเด็กที่สุขภาพแข็งแรงออกมาตั้งสองคน”

 

 

“โว้ว พอพวกเขาโตขึ้น สาวๆ ได้หลงกันตรึมแน่!”

 

 

“แต่ก่อนอื่นเลย ฉันสงสัยจริงๆ ว่าขาของพวกเขาจะยาวแค่ไหน…”

 

 

ต้วนจิ่งหงมองดูสมาชิกวงของเธอพูดคุยกันเรื่องข่าวนี้อย่างตื่นเต้น พวกเขาดูมีวามสุขยิ่งกว่าได้คลอดลูกเองเสียอีก ทว่ามุมปากของหญิงสาวเองก็โค้งขึ้นเช่นกัน นอกเหนือจากเรื่องอื่นๆ แล้ว การได้ทราบข่าวนี้ก็ทำให้เธอมีความสุขด้วยเช่นกัน

 

 

ปัญหาเดียวก็คือซ่งซินผู้ยังอยากรู้อยากเห็นเรื่องถังหนิงและยังมีเจตนาที่จะทำร้ายเธอ

 

 

ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นยังไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนของเธอ…

 

 

…คืนนี้พวกเขาก็จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้

 

 

กัปตันวงดูเหมือนจะเข้าใจความกังวลของต้วนจิ่งหง ดังนั้นเธอจึงตบบ่าของหญิงสาว “คืนนี้ทำให้เต็มที่นะ เธอคืออาวุธลับของพวกเรา”

 

 

ต้วนจิ่งหงพยักหน้า “อย่าห่วงเลย ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร”

 

 

“เร็วเข้า มาส่งตั๋วเข้าชมการแสดงสดไปให้เธอสักสองใบกันเถอะ แบบนั้นจะได้ยิ่งน่าตื่นเต้นไง…”

 

 

ต้วนจิ่งหงรู้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ เธอเชื่อมั่นว่าไห่รุ่ยได้เตรียมการทุกอย่างที่จำเป็นเอาไว้แล้ว แต่ว่ากันจริงๆ คือด้วยนิสัยของซ่งซินนั้น แม้จะไม่มีใครขุดหลุมให้เธอตกลงไป หญิงสาวก็จะกระโจนเข้าไปในหลุมสักแห่งด้วยตนเอง

 

 

ดังนั้นจึงเป็นไปตามคาด ไม่ช้าต้วนจิ่งหงก็ได้รับสายจากซ่งซิน “จิ่งหง คืนนี้เธอยุ่งอะไรไหม”

 

 

“มีอะไรเหรอ”

 

 

“ฉันอยากไปดูการแสดงของวงเกิร์ลกรุปวงใหม่ของไห่รุ่ยน่ะ ฉันอยากเห็นว่าพวกมันมีดีแค่ไหนและทำไมไห่รุ่ยถึงได้พยายามปั้นพวกมันนัก”

 

 

“คืนนี้ฉันต้องไปทานข้าวกับพ่อแม่น่ะ ชวนท่านประธานเซียวให้ไปเป็นเพื่อนแทนสิ” ต้วนจิ่งหงตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่ความจริงแล้วหัวใจของเธอเต้นตุบตับด้วยความประหม่า

 

 

“ก็ได้ ฉันจะโทรหาเซียวอวี่เหอละกัน” ซ่งวินกล่าวก่อนจะวางสายไป

 

 

ต้วนจิ่งหงวางโทรศัพท์ลงแล้วหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น ถึงเวลาแล้วที่ซ่งซินจะได้รับของขวัญจากเธอ

 

 

ซ่งซินไม่ได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆ ตัวเธอเลย ใจของหญิงสาวนึกถึงแต่ความเกลียดชังตอนที่เธอโทรหาเซียวอวี่เหอ เซียวอวี่เหอเข้าใจความหยิ่งผยองของเธอดี ดังนั้นเขาจึงตอบว่า “แล้วต้วนจิ่งหงล่ะ ทำไมเธอไม่ไปกับคุณ”

 

 

“เธอต้องอยู่กับพ่อแม่น่ะ” ซ่งซินตอบ

 

 

“ได้ครับ งันคืนนี้ผมจะไปกับคุณเอง”

 

 

“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณได้ข่าวเรื่องถังหนิงมาบ้างหรือยังคะ”

 

 

“ไม่เลยครับ”

 

 

“นังนั่นออกลูกเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง เพราะงั้นหล่อนถึงไม่เอาออกมาโชว์ใครสักทีสินะ” ซ่งซินเยาะเย้ย