ตอนที่ 718 กล้าดียังไงถึงทรยศฉันแบบนี้!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“อย่าพูดจารุนแรงนักสิครับ” เซียวอวี่เหอเตือนหญิงสาวอย่างเสียมิได้

 

 

“นี่คุณเพิ่งเจอฉันวันแรกงั้นเหรอ ใช่ว่าคุณเคยไม่รู้มาก่อนว่าฉันเป็นแบบนี้นี่” ซ่งซินตอบอย่างไม่สนใจ

 

 

เธอพูดถูก เซียวอวี่เหอนั้นรู้อยู่แก่ใจ เขารู้ว่าเธอเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะทุ่มเทให้เธอโดยไม่เสียใจ

 

 

 

 

อันที่จริง เหตุผลหนึ่งที่ซ่งซินไม่ได้ยืนกรานให้ต้วนจิ่งหงไปกับเธอนั้นเป็นเพราะต้วนจิ่งหงไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวของเธอมานานแล้ว ทว่าอีกเหตุผลหนึ่งก็คือหญิงสาวรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่คิดถึงภาพลักษณ์ใหม่อันน่าประทับใจของต้วนจิ่งหงหลังจากกลับมาที่บ้าน

 

 

เธอทนไม่ได้กับความจริงที่ว่าจู่ๆ ‘ผู้ติดตาม’ ของเธอก็น่าดึงดูดและตราตรึงใจมากกว่าตัวเอง

 

 

ดังนั้นถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดูปกติจากภายนอก หญิงสาวทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าหลายๆ สิ่งได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

 

 

เวลาหกโมงเย็น เซียวอวี่เหอมารับซ่งซินไปที่อีเวนต์นั้น อย่างไรก็ตาม ซ่งซินก็อดถามขึ้นมาระหว่างทางไม่ได้ว่า “คุณได้สังเกตไหมคะว่าพักหลังมานี้ต้วนจิ่งหงสวยขึ้น”

 

 

“นิดหน่อยครับ” เซียวอวี่เหอตอบ “เธอมีสไตล์ขึ้นมากกว่าแต่ก่อน”

 

 

“ฉันไม่ชอบเลยค่ะ ฉันไม่ชอบที่ผู้จัดการของฉันแต่งหน้าหนาๆ ลุกสะอาดๆ ดูดีกว่า” ซ่งซินแสดงความไม่พอใจ ความหยิ่งยโสกำลังเข้าครอบงำเธอ

 

 

“เป็นเพื่อนคุณนี่เหนื่อยแย่เลยนะครับ ห้ามแม้แต่จะโดดเด่นกว่าคุณเนี่ย” เซียวอวี่เหอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

 

 

“อะไรกัน ฉันมีสิทธิ์เลือกคบเพื่อนนะคะ!”

 

 

เซียวอวี่เหอไม่ตอบพลางจดจ่ออยู่กับการขับรถ

 

 

วงเกิร์ลกรุปของต้วนจิ่งหงมีชื่อว่าเอโอบี (AOB) ทั้งวงมีสมาชิกจำนวนสี่คนและแต่ละคนก็มีจุดแข็งเป็นของตัวเอง หญิงสาวทั้งสี่คนนี้มีความสามารถมาก

 

 

ด้วยความที่เพิ่งจะเดบิวต์เสร็จมาหมาดๆ พวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์จัดคอนเสิร์ตของตัวเอง ดังนั้นอีเวนต์ในค่ำคืนนี้จึงถูกจัดขึ้นโดยบรรดารุ่นพี่ในไห่รุ่ยเพื่อแสดงการสนับสนุนเด็กหน้าใหม่ที่มีอนาคตไกลทั้งหลายและเอโอบีก็ได้รับเชิญให้มาทำการแสดงด้วย

 

 

ที่ด้านหลังของเวทีคอนเสิร์ต ต้วนจิ่งหงและสมาชิกวงของเธอกำลังแต่งหน้ากันอยู่ ตอนนั้นเองที่กัปตันวงเอ่ยถามต้วนจิ่งหงว่า “นังชั่วนั่นมาถึงหรือยัง”

 

 

ต้วนจิ่งหงหันกลับไปหากัปตันวงแล้วพยักหน้า “อื้ม มาถึงแล้วล่ะ”

 

 

“ดี มาแสดงให้หล่อนเห็นกันเถอะว่าพวกเราเจ๋งแค่ไหน…”

 

 

 

 

คอนเสิร์ตนั้นอัดแน่นไปด้วยคนนับหมื่นและแฟนคลับจำนวนมากปะปนอยู่ในหมู่ผู้ชม ดังนั้นวิสัยทัศน์ของเวทีจึงมีจำกัดและบรรยากาศในงานจึงค่อนข้างเสียงดังโหวกเหวก ทว่าซ่งซินมีตั๋ววีไอพี ดังนั้นหญิงสาวจึงได้นั่งด้านหน้าสุดซึ่งอยู่ห่างกับผู้ทำการแสดงเพียงนิดเดียวโดยมีทางเดินเล็กๆ กั้นอยู่ระหว่างเธอกับเวที

 

 

ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว…

 

 

เวลาหนึ่งทุ่ม คอนเสิร์ตได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ซ่งซินอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ศิลปินบนเวทีนั้นได้รับการฝึกฝนมาจากไห่รุ่ยจริงๆ การขับร้อง การเต้นและตำแหน่งบนเวทีของพวกเขานั้นเกือบจะสมบูรณ์แบบ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักร้องของไห่รุ่ยถึงได้เป็นที่นิยมนัก

 

 

เสียงร้องเชียร์ดึงขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่าจนซ่งซินเริ่มรู้สึกหูชา ทว่าการแสดงที่เธอกำลังรออยู่นั้นยังมาไม่ถึง

 

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนจิ่งหงกลับได้เฝ้าดูซ่งซินจากด้านหลังเวทีอย่างชัดเจนเสียแล้ว

 

 

เธอรอเห็นปฏิกิริยาของซ่งซินแทบไม่ไหว

 

 

ด้านบนเวที ในที่สุดพิธีกรก็เตรียมให้ผู้ชมได้พบกับการแสดงของวงเอโอบีแม้เหล่าแฟนคลับจะไม่เคยได้ยินชื่อวงนี้มาก่อน แต่การที่ได้รู้ว่าไอดอลของพวกเขาเชิญคนกลุ่มนี้มาเป็นแขกรับเชิญนั้นก็ทำให้พวกเขารู้สึกเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ดังนั้นพวกเขาจึงปรบมือเสียงดังสนั่น

 

 

“เตรียมพร้อมนะ ถึงเวลาขึ้นเวทีแล้ว” กัปตันวงเตือนต้วนจิ่งหง “อย่ากลัวล่ะ ตอนนั้นเธอก็แค่ต้องแสดงเสน่ห์ที่เธอมีมาโดยตลอด เธอไม่เคยด้อยกว่าใครเลยนะ”

 

 

หลังจากที่ได้รับคำให้กำลังใจ ต้วนจิ่งหงก็พยักหน้าแล้วยิ้มอย่างสงบนิ่งให้กับกัปตันวง

 

 

ไม่นานนักแสงไฟบนเวทีก็เริ่มเปลี่ยนไป ทำให้ทั้งสถานที่จัดงานมืดสนิท ถึงเวลาที่ต้วนจิ่งหงและสมาชิกวงของเธอต้องขึ้นไปปรากฏตัวบนเวทีแล้ว ไม่กี่วินาทีต่อมา แสงไปบนเวทีก็เริ่มสว่างขึ้นและเผยให้เห็นหญิงสาวทั้งสี่ที่พร้อมอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง เมื่อเพลงขึ้น พวกเขาก็เริ่มขยับร่างอันบอบบางไปตามจังหวะของมันและเหล่าผู้ชมก็ปรบมือเสียงดังอีกครั้ง

 

 

หญิงสาวทั้งสี่ดูเท่และเป็นธรรมชาติในขณะที่พวกเขาร้องและเต้น ความยากของท่าเต้นของพวกเขานั้นน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ทีแรกซ่งซินไม่ได้สังเกตเห็นว่าต้วนจิ่งหงอยู่ท่ามกลางหญิงสาวกลุ่มนั้นเพราะเสื้อผ้าและการแต่งหน้าของเธอ แต่เมื่อกล้องหลายๆ ตัวจับภาพไปที่ต้วนจิ่งหงและใบหน้าของหญิงสาวขึ้นไปปรากฏบนจอภาพขนาดยักษ์ ท่าทีของซ่งซินก็เปลี่ยนไป เธอหันไปถามเซียวอวี่เหอทันทีว่า “นั่นจิ่งหงเหรอ ฉันเห็นภาพหลอนอยู่หรือเปล่าคะ”

 

 

ขณะที่สาวๆ เปลี่ยนตำแหน่งกันไปมา เซียวอวี่เหอเองก็มองเห็นไม่ชัดเช่นกัน “แค่คล้ายๆ น่ะครับ จิ่งหงจะมาที่นี่ทำไมกันล่ะ”

 

 

สัญชาตญาณของซ่งซินบอกเธอว่าเธอไม่ได้พลาด ดังนั้นหญิงสาวจึงจ้องไปที่หญิงสาวคนนั้นต่อ ยิ่งซ่งซินมองผู้หญิงคนนี้เท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งดูคุ้นหน้าและดูเหมือนต้วนจิ่งหงมากขึ้นเท่านั้น

 

 

สุดท้ายเพลงก็จบลงและสาวๆ กลุ่มนี้ก็จบท่าเต้นของพวกเธอได้อย่างน่าประทับใจ ตอนนั้นเองที่ไฟทุกดวงสว่างขึ้นและพิธีกรเดินเข้าไปหาพวกเขา ชายหนุ่มพูดพร้อมด้วยรอยยิ้ม “มาครับ แนะนำตัวเองและทักทายเหล่าแฟนคลับกันสักหน่อย”

 

 

ซ่งซินมองหญิงสาวที่ดูคล้ายคลึงกับต้วนจิ่งหงด้วยความหวาดระแวงขณะที่เธอรับไมโครโฟนมาจากพิธีกรหนุ่ม

 

 

“สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อจิ่งหงค่ะ”

 

 

จิ่งหง!

 

 

เป็นต้วนจิ่งหงจริงๆ!

 

 

ซ่งซินลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นก็หวังเหลือเกินว่าตัวเองแค่หูแว่วไปเอง

 

 

เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปได้ยังไง

 

 

จิ่งหงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ยังไง เธอกลายมาเป็นสมาชิกวงเอโอบีได้ยังไง

 

 

หลังจากตระหนักแล้วว่าตัวเองถูกหลอก ใจของซ่งซินก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต้วนจิ่งหงโกหกเธอจริงๆ กล้าดีอย่างไรถึงมาโกหกเธอ

 

 

เซียวอวี่เหอหันไปมองซ่งซินอย่างไม่รู้ตัวและสังเกตเห็นสีหน้าอันสับสนบนใบหน้าของเธอ…

 

 

ในที่สุดซ่งซินก็ได้ลิ้มรสว่าความรู้สึกของการโดนเพื่อนสนิททรยศนั้นเป็นอย่างไร

 

 

“สมาชิกทั้งสี่คนอายุยังน้อยกันอยู่เลยนะครับ ลือกันว่าเอโอบีเป็นวงเกิร์ลกรุปที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้ พอได้เห็นการแสดงของพวกคุณแล้ว ผมต้องขอพูดเลยล่ะครับว่าพวกคุณทุกคนทั้งสาว ทั้งสวยและเปี่ยมไปด้วยพลัง ท่านประธานโม่มีสายตาเฉียบแหลมในการมองคนจริงๆ ครับ” พิธีกรหนุ่มเอ่ยชม “อีกอย่าง ผมได้ยินมาว่าคุณจิ่งหงเพิ่งได้รับบาดเจ็บและเข้าร่วมวงมาได้ไม่นาน แต่ดูจากการแสดงของคุณแล้ว มันช่างสมบูรณ์แบบและคุณก็มีความสามารถจริงๆ ครับ”

 

 

“ขอบคุณค่ะ” ต้วนจิ่งหงโค้งให้พิธีกรด้วยความขอบคุณ หลังจากนั้นหญิงสาวก็ยืนตัวตรงและมองไปยังซ่งซินที่อยู่ด้านล่างเวที

 

 

มันคือสายตาอันยั่วยุ อันที่จริง มีความเยาะเย้ยเจืออยู่อีกด้วย ดูเหมือนว่าเธอกำลังเยาะเย้ยให้กับความโง่เง่าและมั่นใจในตัวเองมากเกินไปของซ่งซิน

 

 

แน่นอนว่าถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ในอีเวนต์ที่มีคนจำนวนมากถึงหนึ่งหมื่นคน ซ่งซินคงได้วิ่งขึ้นไปบนเวทีและฉีกต้วนจิ่งหงของเป็นสองซีกแล้ว เธอทำเช่นนี้ได้ยังไง

 

 

เธอเป็นแค่ผู้จัดการคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรไปเป็นศิลปิน

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ต้องการมีชื่อเสียงมากกว่าเธอเสียอีก

 

 

ตอนนั้นเองที่ใจซ่งซินปะทุไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

 

 

เซียวอวี่เหอเหมือนจะสังเกตเห็น ดังนั้นเขาจึงเสนอแนะว่า “ทำไมไม่ไปถามเธอที่ด้านหลังเวทีล่ะครับ”

 

 

“ถึงคุณไม่บอก ฉันก็จะไปอยู่แล้วค่ะ” ซ่งซินกล่าวพลางกัดฟันกรอด “ฉันอยากถามหล่อนว่าหล่อนมีความมั่นใจมาทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ได้ยังไง ฉันดีกับหล่อนมาโดยตลอด กล้าดียังไงถึงทรยศฉันแบบนี้! หล่อนประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยแล้ว!”