ตอนที่ 719 ต้วนจิ่งหงปะทะซ่งซิน

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ต้วนจิ่งหงคิดไว้แล้วว่าซ่งซินจะเข้ามาที่ด้านหลังเวที ดังนั้นสมาชิกวงคนอื่นๆ จึงยังไม่ไปเช็ดเครื่องสำอางเพื่อแสดงสปิริตของทีม พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ต้วนจิ่งหงต้องเผชิญหน้ากับซ่งซินเพียงลำพัง

 

 

ไม่…

 

 

…หากว่ากันตามตรง พวกเขารอโอกาสที่จะฉีกซ่งซินเป็นชิ้นๆ มานานแล้ว

 

 

ไม่นานนักก็เกิดความโกลาหลที่ด้านนอกประตูห้องพักศิลปิน เห็นได้ชัดว่าสตาฟประจำคอนเสิร์ตกำลังขวางไม่ให้ซ่งซินเข้ามา

 

 

หญิงสาวทุกคนมองหน้ากัน กัปตันวงคือคนที่กล้าหาญที่สุด เธอจึงลุกจากโต๊ะเครื่องแป้งของตัวเองแล้วเดินตรงไปที่ประตูทันทีก่อนจะพูดกับสาวๆ ที่เหลือว่า “ฉันเปิดประตูให้เอง”

 

 

ต้วนจิ่งหงยังคงนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งของเธอ ทว่าทันทีที่ประตูเปิดออก ซ่งซินก็เงื้อมือจะตบเข้าที่หน้าของกัปตันวงทันทีโดยไม่ดูก่อนว่าเธอกำลังตบใคร

 

 

ดูเหมือนหญิงสาวจะคิดว่าคนที่มาเปิดประตูคือต้วนจิ่งหง!

 

 

กัปตันวงเดาะลิ้นอย่างเวทนาแล้วจับข้อมือของซ่งซินเอาไว้ “คุณซ่งเจ้าแม่เซเลบนี่แตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ด้วย ดูเหมือนจะดังเรื่องอารมณ์ร้ายนะคะเนี่ย”

 

 

“พวกแกทุกคนออกไปให้หมด! ฉันมีเรื่องจะพูดกับต้วนจิ่งหง”

 

 

เมื่อได้ยินน้ำเสียงของซ่งซิน สาวๆ ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ออกคำสั่งใส่ใครเหรอคะคุณซ่ง พวกเรารู้ว่าปู่ของคุณเป็นข้าราชการอาวุโสนะคะ แต่ต้องขออภัยด้วยค่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลัวคุณ!”

 

 

“แก…”

 

 

“กัปตันคะ คุณกับสาวๆ ไปรอข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ” ต้วนจิ่งหงรู้ดีว่าหากสาวๆ ยังอยู่ต่อ ซ่งซินก็จะก่อความวุ่นวายต่อไป ต้วนจิงหงรังเกียจมัน ดังนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจว่าจะเป็นการดีที่สุดหากเธอทำให้เรื่องนี้จบๆ ไปเสีย เช่นนั้นแล้ว หญิงสาวก็ไม่จำเป็นต้องมาเห็นใบหน้าอันป่วนจิตนี้อีก

 

 

กัปตันวงและสาวๆ มองหน้ากัน หลังจากเงียบไปชั่วขณะ พวกเขาก็พยักหน้า “พวกเราจะรออยู่ข้างนอกนะ ถ้าหล่อนทำอะไรรุนแรงอีก เรียกพวกเราได้เลย”

 

 

“โอเคค่ะ” ต้วนจิ่งหงมองหน้ากัปตันวงอย่างขอบคุณและทำท่าบอกให้เธอไม่ต้องกังวล

 

 

ไม่นานห้องนั้นก็เหลือเพียงแค่หญิงสาวสองคนเท่านั้น ต้วนจิ่งหงนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งขณะที่ซ่งซินก้าวเข้าไปหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าการไปเกาหลีแค่ครั้งเดียวจะทำให้ฉันดีไม่พอสำหรับเธอขึ้นมา!”

 

 

“และต่อจากนี้เธอก็จะมีค่าน้อยลงไปอีก!” ต้วนจิ่งหงหัวเราะ

 

 

“ทำไมกัน”

 

 

ต้วนจิ่งหงเข้าใจว่าซ่งซินกำลังพยายามจะถามอะไร หญิงสาวหยิบสำลีขึ้นมาแล้วหนึ่งแผ่นเทน้ำยาลบเครื่องสำอางลงไปพลางตอบว่า “เธอจะถามฉันจริงๆ เหรอว่าทำไม น่าขำสิ้นดี! ซ่งซิน เธอคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงที่โลกหมุนอยู่รอบตัวเหรอ คิดว่าเพียงเพราะพื้นหลังครอบครัวฉันไม่ได้ดีอย่างเธอแล้วฉันจะถูกลิขิตให้เป็นผู้ติดตามของเธออย่างนั้นเหรอ ถามฉันใช่ไหมว่าทำไม ทำไมเธอไม่ถามตัวเองล่ะว่าเธอทำอะไรกับฉันเอาไว้บ้าง

 

 

“ฉันเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อทำร้ายฮั่วจิงจิงให้เธอ ฉันเสี่ยงชีวิตตัวเองยุยงฮว่าเหวินเฟิ่งให้เธอ ฉันถึงกับแอบเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธานโม่เพื่อขโมยรายงานประเมินของถังหนิงกับเธอ แต่ปฏิกิริยาแรกของเธอเป็นยังไงเหรอตอนที่ฉันถูกป้ายสีว่าเป็นขโมย เธอจำได้ไหมว่าตัวเองดูเป็นยังไงตอนที่โยนบัตรธนาคารใบนั้นใส่ฉัน

 

 

“แต่เธอก็ยังมีความกล้าที่จะมาถามฉันว่าทำไม”

 

 

หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ซ่งซินก็อยากเถียงกลับและแก้เผ็ดต้วนจิ่งหง ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่เธอทำ “ฉันดีกับเธอมาโดยตลอดนะ ฉันดูแลเธอระหว่างที่พวกเราเรียนมหาลัยด้วยกัน!”

 

 

“ใครต้องการการดูแลจากเธอ ใครจะไปอยากได้การดูแลจากเธอ” ต้วนจิ่งหงหัวเราะดังเสียยิ่งกว่าเดิม “ถึงพื้นหลังครอบครัวของฉันจะไม่ดีเท่าเธอ แต่ก็ยังดีกว่าคนทั่วๆ ไป ฉันเพียงแค่ต้องการพิสูจน์ว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ ดังนั้นฉันจึงทุ่มเทหัวใจและจิตวิญญาณไปกับการช่วยเหลือเธอยังไงล่ะ มันไม่เกี่ยวกับของแพงๆ ที่เธอให้ฉันเลย!

 

 

“อย่าทำให้การกุศลอันไม่บริสุทธิ์ใจของเธอมันฟังดูดีหน่อยเลย…

 

 

“ต่อหน้าฉันเธอยังทำให้ตัวเองรู้สึกเหนือกว่าไม่พออีกงั้นเหรอ”

 

 

“ในเมื่อเธอรู้ว่าพื้นหลังครอบครัวของฉันดีกว่า กล้าดียังไงถึงมาเป็นศิลปินล่ะ เธอมีสิทธิ์อะไรกัน” ซ่งซินเยาะเย้ยอย่างไม่อดทน “เธอคิดจริงๆ เหรอว่าเธอมีความสามารถที่จะมีชื่อเสียงมากกว่าฉันและได้อะไรๆ จากวงการนี้มากกว่าที่ฉันได้”

 

 

“แน่นอนว่าฉันทำได้ดีกว่าเธอและจะได้อะไรมากกว่าเธอ เพราะถังหนิงยินดีที่จะสนับสนุนฉัน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของฉัน ถังหนิงคือคนที่มอบความหวังให้ ในช่วงที่ฉันอ่อนแอมากที่สุด ศัตรูของฉันให้โอกาสฉันได้เริ่มต้นใหม่อย่างสวยงาม

 

 

“แต่ในฐานะเพื่อนน่ะ เธอมันน่ารังเกียจยิ่งกว่าของเน่าเสียอีก!”

 

 

“ถังหนิงสนับสนุนเธอ? หยุดเพ้อฝันได้แล้ว…หล่อนก็แค่ใช้เธอเป็นเครื่องมือในการรักษาตำแหน่งของตัวเองเท่านั้น”

 

 

“ไม่สำคัญหรอก อย่างน้อยที่สุดฉันก็ได้เดบิวต์” ต้วนจิ่งหงอ้าแขนออกเพื่อให้ซ่งซินได้มองเห็นเธอชัดๆ “ตอนนี้ฉันมีงานที่ประเมินค่าไม่ได้อยู่ในมือมากมาย ไห่รุ่ยจะไม่มองข้ามฉันโดยไม่มีเหตุผลแน่ พวกเขาจะไม่ระวังฉันเหมือนที่พวกเขาระวังเธอ ซ่งซิน ฉันรู้ว่าเธอโหดเ**้ยมแค่ไหน ฉันมีความลับของเธออยู่ในมือมากมาย ฉันอาจไม่มีโอกาสมากนักหากสู้กับเธอเพียงลำพัง แต่อย่าลืมซะล่ะว่าตอนนี้ฉันมีถังหนิงคอยหนุนหลังอยู่!

 

 

“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้มองฉันสูงส่งนัก แต่ฉันจะพัฒนาต่อไปอีก ในขณะที่เธอย่ำอยู่ที่เดิมพร้อมกับความหยิ่งยโสของเธอยังไงล่ะ

 

 

“อีกอย่าง อย่าหาว่าฉันไม่ได้เตือนนะ เมื่อไม่นานมานี้คุณปู่ของเธอเพิ่งจะทำร้ายถังหนิงไป แต่ท่านประธานโม่ไม่ตอบโต้เพราะเขามัวแต่คิดเรื่องการตั้งท้องของถังหนิง ถ้าเขากลับมามีสติเมื่อไหร่ เธอกับคุณปู่ของเธอได้ตายอย่างเจ็บปวดแน่นอน”

 

 

ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ร่างซ่งซินก็เริ่มสั่นเทาไปด้วยความโกรธ เธออยากกระโจนใส่ต้วนจิ่งหงแล้วฉีกอดีตเพื่อนรักคนนี้ออกเป็นชิ้นๆ จนแทบขาดใจ

 

 

ต้วนจิ่งหงมองหน้าซ่งซินผ่านกระจกแล้วหัวเราะออกมา “อย่าแม้แต่จะคิดแตะต้องตัวฉันเลยนะ เธอคิดว่าเธอมีโอกาสที่จะชนะฉันมากแค่ไหนกัน”

 

 

“ฉันไม่ปล่อยให้แกหนีไปจากเรื่องนี้แน่”

 

 

“ไม่ปล่อยแล้วจะยังไงล่ะ อนาคตของเธอก็ยังไม่ได้สดใสเหมือนอนาคตของฉันนี่” ต้วนจิ่งหงไม่สะทกสะท้าน

 

 

“จะดีที่สุดถ้าเธอระวังคำพูดและการกระทำของตัวเองนะ ไม่อย่างนั้นแล้ว ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะใช้วิธีการที่โหดเ**้ยมที่สุดกับเธอ”

 

 

เมื่อได้ยินคำเตือนของซ่งซิน ต้วนจิ่งหงก็มองเข้าไปในกระจก ความเกลียดชังในดวงตาของหญิงสาวลุกโชน เธอตอกกลับซ่งซินไปว่า “ถังหนิงฝากฉันมาบอกเธอว่า ผู้ที่ฝักใฝ่ความชั่วร้ายนั้นจะนำความหายนะมาสู่ตนเอง”

 

 

ซ่งซินยิ้มเยาะพลางผลักประตูให้เปิดออกแล้วเดินปึงปังจากไป

 

 

หลังจากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น สมาชิกคนอื่นๆ ของวงเอโอบีก็ผิวปากแล้วกู่ร้อง เห็นได้ชัดว่าต้วนจิ่งหงมีชัยในศึกครั้งนี้

 

 

เมื่อเห็นเช่นนั้น เซียวอวี่เหอก็เดินปรี่เข้ามาในห้องแล้วเอ่ยว่า “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม้แต่คุณก็หักหลังเธอ”

 

 

“ก็เขาหักหลังฉันก่อนนี่คะ” ต้วนจิ่งหงตอบ

 

 

“พา ‘เทพธิดาซ่ง’ ของคุณกลับไปซะเถอะค่ะ!” สมาชิกคนอื่นๆ ของวงผลักชายหนุ่มออกไปจากห้อง พวกเขาไม่สนใจว่าชายคนนี้คือทายาทของเครือโรงภาพยนตร์ไคหวง พวกเขาไม่ได้เป็นนักแสดง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีอะไรต้องกลัว

 

 

หลังจากนั้น ต้วนจิ่งหงก็ผ่อนคลายลงแล้วมองหน้ากัปตันวงของเธอ “ตอนนี้ฉันตระหนักแล้วว่าฉันเกลียดผู้หญิงคนนั้นแค่ไหน แต่ฉันก็ยังไม่ใช่คนที่เกลียดเธอที่สุดหรอก”

 

 

กลุ่มสาวๆ ตบบ่าต้วนจิ้งด้วยความเข้าอกเข้าใจ “พอแล้วล่ะ เธอทำได้สุดยอดมากแล้ว…เธอไม่ได้ทำให้หนิงของเราผิดหวังหรอก”