ตอนที่ 516 ของขวัญชิ้นใหญ่จากประธานเชี่ยน

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“เกิดอะไรขึ้นแม่ มีหนูเหรอ” เฉินจื่อหลงเดินถือรองเท้าเข้ามา เห็นแม่นั่งถือกล่องอยู่ 

 

 

“ใครเอามาวางนี่— เชี่ยนเอ๋อ” 

 

 

หลังจากหายตกใจแล้วเจี่ยซิ่วฟางก็เรียกลูกสาว เสี่ยวเชี่ยนเดินมายืนพิงประตู 

 

 

“ลองใส่ดูสิแม่ ดูว่าคออ้วนๆของแม่ใส่ได้หรือเปล่า” 

 

 

“เพ้อเจ้อ แม่แกเพิ่งจะเจ็ดสิบโล จะอ้วนได้ยังไง แล้วนี่เอามาจากไหน?” 

 

 

ในกล่องมีสร้อยทอง คาดว่าอย่างน้อยๆก็บาทกว่า 

 

 

“อันที่จริงหนูอยากซื้อเพชรให้มากกว่า แต่ก็นึกถึงรสนิยมเชยๆของแม่รวมถึงงานรับซื้อของเก่าที่เพิ่งทำให้รวยขึ้นมา ใส่แค่นี้ดีกว่าคนเขาจะได้ไม่หาว่าเว่อร์” 

 

 

“แกเอาเงินมาจากไหน? ของแพงแบบนี้ทำไมไม่มาปรึกษาฉันก่อน เด็กคนนี้นี่จริงๆเลย…” 

 

 

“หนูหาได้เองไง ได้เงินมาไม่ซื้อของให้คนในบ้านแล้วจะให้ใคร? มาเดี๋ยวหนูใส่ให้ ดูซิว่าแม่ตัวอ้วนแต่ยังสวยของหนูจะใส่ได้หรือเปล่า ดูแม่ซิช่วงนี้ออกจะมีเงินทำไมไม่หาเครื่องประดับมาใส่ให้ตัวเองบ้าง?” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนใส่สร้อยให้แม่ เจี่ยซิ่วฟางส่องกระจกพลางจับสร้อย ในใจก็ยังหวั่นๆ 

 

 

“แกเอาเงินมาจากไหน? คงไม่ใช่หมิงหลางให้มาหรอกนะ? แกอย่าเอาเงินคนอื่นมาซื้อของให้ฉัน เท่าไรว่ามาเดี๋ยวฉันจ่ายเอง” 

 

 

“อะไรกัน หนูจะหาเงินเองไม่ได้เลยหรือไง? ยังใส่ได้อยู่ แม่ยังไม่อ้วนจนเกินไป แต่แม่อ้วนขนาดนี้มันอันตรายนะ อันนี้ให้แม่ เวลาว่างๆก็ไปออกกำลังกายนะ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนล้วงบัตรฟิตเนสออกมา ซึ่งเธอไปทำมาตอนเช้า ที่ไม่พาแม่ไปด้วยเพราะกลัวโดนบ่น 

 

 

“แกเอาเงินไปทำไอ้นี่มาทำไม ฉันไม่มีเวลา…เอาไปคืนได้หรือเปล่า?” ตอนนี้เจี่ยซิ่วฟางได้พบเจอผู้คนมากขึ้น พอจะเข้าใจสถานที่ราคาแพงๆของในเมืองนี้ บัตรฟิตเนสที่เสี่ยวเชี่ยนทำให้ราคาไม่ใช่ถูกๆ ได้ยินว่าต้อนรับแต่พวกคุณหญิงคุณนาย 

 

 

“ทำแล้วคืนไม่ได้ หนูทำให้แม่ปีนึง ว่างๆแม่ก็ไปเต้นแอโรบิค เล่นโยคะ แบ่งเวลาจากละครน้ำเน่ามาหน่อย จะได้มีเพื่อนเยอะขึ้น อย่าเอาแต่อยู่บ้าน ครั้งหน้าเดี๋ยวหนูเลือกคลินิกเสริมความงามให้ ฐานะแม่ดีขึ้นขนาดนี้แต่ระดับการใช้ชีวิตไม่ขึ้นตามด้วยไม่ไหวนะ” 

 

 

เงินที่ได้จากฆ่าแกะเสี่ยวเชี่ยนเตรียมแบ่งส่วนหนึ่งไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์ อีกส่วนนำไปใช้กับคนรอบตัว 

 

 

“ฉันก็ทำเพื่อแกกับน้องแกไง น้องแกยังไม่มีเมีย อีกหน่อย—” 

 

 

“อีกหน่อยก็ให้พึ่งตัวเอง เฉินจื่อหลงแกจำไว้นะ เงินที่แม่หามาคือเงินของแม่ ไม่เกี่ยวกับพวกเราสักแดงเดียว แกอย่าได้มีความคิดไม่ทำอะไรแล้วรอรับเงิน ไม่ตั้งใจเรียนก็ไร้อนาคต ถึงตอนนั้นแกมาขอเงินฉันก็จะไม่ให้แม่ให้สักบาทเดียว” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตัดบทเจี่ยซิ่วฟาง แล้วหันไปพูดอย่างจริงจังกับน้องชาย 

 

 

“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะพี่ พี่ซื้อสร้อยให้แม่แล้วซื้ออะไรให้ผมอะ?” ตอนนี้เฉินจื่อหลงยังเด็ก ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น เสี่ยวเชี่ยนก็แค่พูดดักไว้ก่อน กลัวน้องชายจะเป็นเหมือนชาติที่แล้วที่เอาแต่เกาะครอบครัวกิน 

 

 

“ฉันก็ซื้อของขวัญให้นายนะ อยู่ตรงหัวเตียงในห้องนอนนู่น ไปดูสิ” 

 

 

“ผมรักพี่ที่สุดเลย” เฉินจื่อหลงกระโดดโลดเต้นเข้าห้องตัวเอง 

 

 

เจี่ยซิ่วฟางลูบสร้อยที่ลูกสาวซื้อให้ เธอดีใจมากแต่ก็ยังแอบเสียดายเงินแทนลูกสาว ของแพงขนาดนี้ ลูกเธอเป็นแค่นักเรียนมีเงินซื้อได้ยังไง? 

 

 

“อย่าคิดมากเลยน่า แม่เหนื่อยมาครึ่งชีวิตแล้วถึงเวลาที่ต้องหาความสุขใส่ตัวแล้ว เงินน่ะหามาก็เพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น หนูกับต้าหลงมีชีวิตของตัวเอง แม่ไม่ต้องประหยัดเพื่อพวกเราหรอก แม่ของหนูไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด อะไรที่ควรจ่ายก็จ่ายไป” 

 

 

เจี่ยซิ่วฟางรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันที ลูกสาวเธอช่างเอาใจใส่จริงๆ เสี่ยวเชี่ยนเป็นเด็กดี 

 

 

“หา” เสียงร้องของเฉินจื่อหลงดังมาจากห้องเสี่ยวเชี่ยน 

 

 

พอได้ยินเสียงลูกชายร้อง เจี่ยซิ่วฟางก็ถามเสี่ยวเชี่ยนด้วยความสงสัย 

 

 

“เชี่ยนเอ๋อ แกคงไม่ได้ซื้อสร้อยให้น้องด้วยนะ? น้องแกจะรู้เรื่องอะไร” 

 

 

“ของที่หนูซื้อให้ดีกว่าสร้อยเยอะ” 

 

 

“อย่าใช้เงินส่งเดช แกหาเงินมาก็ไม่ใช่ง่ายๆ—เชี่ยนเอ๋อ ตกลงแกซื้ออะไรให้น้อง?” 

 

 

คำถามของเจี่ยซิ่วฟางได้คำตอบอย่างรวดเร็ว เฉินจื่อหลงหอบตำราเรียนหลายเล่มเข้ามาโยนบนพื้น แล้วทำหน้าร้องไห้แต่ไร้น้ำตา 

 

 

“พี่ ทำอะไรเนี่ย” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนล้วงกระดาษใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วกางต่อหน้าเฉินจื่อหลง 

 

 

“ฉันวางแผนการเรียนให้นาย ทุกวันให้นายทำแบบฝึกหัดตามตารางนี่อย่างเคร่งครัด แล้วฉันจะกลับมาตรวจ อย่าคิดจะหาคนมาทำแทนให้ ฉันจะนั่งตรวจลายมือทีละบรรทัด ถ้าพบว่ามีคนเขียนแทนล่ะก็—” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนดันแว่นตา เฉินจื่อหลงขนลุก 

 

 

“พี่ เยอะขนาดนี้ผมจะทำได้ได้ไง อีกอย่างผมก็ทำไม่เป็น…” 

 

 

“ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ฉันมีเงิน ฉันจะหาครูมาสอนให้วันละสองชั่วโมง ฉันเห็นว่าชีวิตนายว่างเหลือเกิน เห็นมีเวลาไปเล่นตู้เกมตั้งหลายชั่วโมง หึหึ” 

 

 

“พี่ไม่ใช่พี่ผม” 

 

 

เฉินจื่อหลงเซ็งสุดขีด 

 

 

ครั้งนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่ต้องลงมือเอง เจี่ยซิ่วฟางตบกบาลลูกชายไปหนึ่งที 

 

 

“ถ้าไม่ใช่พี่แกแล้วเขาจะใส่ใจแกแบบนี้เหรอ? เขาทำเพื่อใครล่ะ แกคิดว่าตำราแต่ละเล่มนี่มันเลือกง่ายงั้นเหรอ? อีกทั้งยังทำแผนการเรียนให้แกด้วย แกนี่มันไม่รู้จักคิด ยังไม่ขอบคุณพี่สาวแกอีก” 

 

 

“ขอบคุณนะพี่ แต่พี่ช่วยเอาตำราพวกนี้คืนไปได้ไหม แล้วเอาช่วงวัยเด็กอันสดใสคืนผมมา?” 

 

 

“วัยเด็กของแกยาวนานเกินไป ฉันเพิ่งเจอคนที่มีจิตใจทารกมาถึงได้คิดได้ การรับมือกับคนที่มีปัญหาแบบนี้ควรจะแก้จากพฤติกรรมตั้งแต่อายุน้อยๆ ตอนนี้ถ้าฉันใจอ่อนก็เท่ากับไม่รับผิดชอบอนาคตของแก” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนยิ้มอย่างนุ่มนวล “ทำไม่หมดก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ตีแกหรอก” 

 

 

“อ่อ งั้นผมก็สบายใจ” 

 

 

“ฉันจะโทรสั่งพี่หลางของแก เขาอยู่เมืองนี้ ถึงงานเขาจะยุ่ง แต่ถ้าเจียดเวลาก็พอมีอยู่ ได้ยินว่าเขาใช้มือเปล่าฟันอิฐได้ตั้งหลายก้อน ไม่รู้ว่าหมัดเขานี่จะพลังรุนแรงแค่ไหนกันนะ? แม่ ถ้าหมิงหลางลงมือกับต้าหลงเกินไปแม่จะโกรธไหม?” 

 

 

“โกรธอะไรกันเล่า เด็กเกเรแบบนี้ควรจะเอาจริงตั้งนานแล้ว เลิกเรียนไม่กลับบ้านเที่ยวเตร่ไปทั่ว ต้าหลงถ้าแกยังไม่เชื่อฟังอีกก็ให้พี่หลางจัดการ” 

 

 

เจี่ยซิ่วฟางสนับสนุนเสี่ยวเชี่ยน 

 

 

เฉินจื่อหลงอยากจะร้องไห้ 

 

 

รู้สึกว่าชีวิตของเขานั้นช่างมืดมน 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนชี้ไปที่กองตำรา “แผนการเรียนฉันวางไว้ที่แม่ ถึงแม่จะไม่เข้าใจวิชาวัฒนธรรม แต่ฉันก็จะให้แม่ตรวจดูทุกวันว่าแกทำเสร็จหรือเปล่า ฉันจะโทรมาเช็ควันละครั้ง หายไปหนึ่งวันฉันก็จะให้พี่หลางชกแกหนึ่งที ร่างเล็กๆบอบบางอย่างแก—” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนมองน้องชายตั้งแต่บนลงล่างแล้วส่ายหน้า “ถ้าแกแอบอู้สักอาทิตย์แม่ก็คงเตรียมรถเข็นคนพิการกับผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้ได้เลย ชีวิตที่เหลือของแกคงได้เป็นอัมพาตแน่ๆ” 

 

 

ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เฉินจื่อหลงรู้สึกว่าชีวิตช่างน่าหดหู่เสียจริง ตอนที่พี่เพิ่งกลับมายังไม่เห็นเป็นแบบนี้ ทำไมออกไปข้างนอกแค่วันเดียวถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?