“พี่ ขอผมตายแบบเข้าใจอะไรหน่อยนะ ทำไมอยู่ๆพี่เป็นแบบนี้? วันที่พี่กลับมาพี่บอกว่านอนคืนเดียวก็จะกลับมหาลัย แต่นี่พี่ไม่กลับแล้ว ยังมาทรมานผมด้วย…”
นี่เขาไปทำอะไรให้
“เพราะว่าฉันเพิ่งรับคนไข้ที่พิเศษมา สร้อยที่ซื้อให้แม่ก็ใช้เงินที่รักษานั่นแหละซื้อ ฉันรู้สึกว่าแม่ที่ยิ่งใหญ่ทุกคนควรได้รับการตอบแทนบุญคุณจากลูก”
ถึงแม้อาหญิงจะเป็นคนที่นิสัยแย่ แต่ความรักที่มีให้หลี่เจิ้นนั้นเป็นเรื่องจริง ความรักของแม่ที่ใช้ผิดที่ผิดทางก็เป็นความรักเหมือนกัน
“ต่อไปไม่ต้องซื้อของแพงแบบนี้แล้ว จริงๆเลย” เจี่ยซิ่วฟางยังบ่นไม่เลิก แต่ยิ้มงี้หวานกว่าใคร
ลูกสาวเธอรู้จักซื้อของมาแสดงความกตัญญูให้แม่แล้ว เพียงพอที่จะเอาไปอวดพวกเพื่อนๆ
“แม่เป็นแม่แท้ๆของพวกเรา ผมก็เป็นน้องแท้ๆของพี่นะ ทำไมพี่ไม่ซื้อของดีๆให้ผมบ้างล่ะ?” เฉินจื่อหลงน้อยใจ
“เพราะแม่ของผู้ป่วยรายนี้เป็นคนที่มีจิตใจทารก หรือที่เรียกกันว่าคนไม่รู้จักโต ฉันไม่อยากให้แกโตไปเป็นแบบนั้น เฉินจื่อหลงตอนนี้แกมีฉันกับแม่คอยดูแล พอโตแล้วใครจะดูแลแก? ถ้าแกอยากให้คนทั้งโลกยอมให้แก แกก็ต้องมีความสามารถ เรียนหนังสือยังไม่ได้ดีแล้วจะทำอะไรได้?”
“ใช่ พี่แกพูดถูก”
“ฆ่าผมเถอะ อ๊าก~”
เฉินจื่อหลงอยากบ้า
“อืม ถ้าแกอยากตายก็ไม่ยาก เจ็ดวันทำการบ้านไม่เสร็จพี่หลางได้ส่งแกขึ้นรถเข็น สิบวันไม่เขียนการบ้านพี่หลางก็จะมอบตั๋วเครื่องบินขึ้นสวรรค์ไปแล้วไม่กลับ หนึ่งเดือนไม่เขียนการบ้าน พี่หลาง—”
พอแล้ว ผมทำ ผมทำพอใจยัง” เฉินจื่อหลงรีบเก็บของอย่างรวดเร็ว ปากก็ยังบ่นต่อ “พี่หลางถูกพี่รังแกจะตายอยู่แล้ว อย่างน้อยๆเขาก็เป็นถึงทหารหน่วยรบพิเศษนะ พี่เล่นเอาเขามาใช้งานแบบนี้พี่หลางน่าสงสารแย่”
“แกไม่ใช่ปลาจะรู้จักความสุขของปลาเหรอ? ไหนลองอธิบายความหมายกับที่มาของสำนวนนี้ซิ”
เด็กเนิร์ดปล่อยหมัดเด็ดอีกแล้ว เด็กหลังห้องอย่างเฉินจื่อหลงรีบหนีทันที แต่ก็ยังไม่วายบ่นพึมพำ
“ผมล่ะเกลียดญาติคนไข้ของพี่จริงๆ ทำให้พี่เกิดความคิดบ้าๆแบบนี้ พี่น่ะเกิดประกายความคิด แต่ผมเป็นผู้รับกรรม…”
“ทำแบบฝึกหัดหมดมีรางวัลให้ ปิดเทอมหน้าร้อนเดี๋ยวจะพาแกกับแม่ไปเที่ยว”
“จริงเหรอ?” เฉินจื่อหลงตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ฉันไม่เคยพูดจาโกหก ขยันๆเข้านะเด็กน้อย”
พอต้าหลงไปแล้วเจี่ยซิ่วฟางถึงได้ถาม “เชี่ยนเอ๋อ จะพาน้องไปจริงๆเหรอ?”
“อืม เที่ยวภูเขาในเมืองนี้สักสองวัน ถึงตอนนั้นถ้าหมิงหลางว่างก็ไปด้วยกัน เขาจะได้สอนต้าหลงด้วย”
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มเจ้าเล่ห์
อยู่ๆเจี่ยซิ่วฟางก็รู้สึกสงสารลูกชายขึ้นมา
ถูกพี่สาวจัดหนักอีกแล้ว…
“เชี่ยนเอ๋อ แกรักษาให้ใครรักษาโรคอะไร ทำไมค่ารักษาแพงขนาดนี้ จะมีปัญหาตามมาหรือเปล่า?”
“ข้อมูลของคนไข้เป็นความลับ แต่หนูบอกได้ว่าไม่มีปัญหาแน่นอน ถ้ามีปัญหานั่นมันก็เรื่องของคนอื่น”
“เด็กคนนี้นี่ทำไมพูดจาครึ่งๆกลางๆ ฉันก็ยังไม่วางใจ ไม่งั้นแกเอาสร้อยไปคืนเถอะ?” ลูกมีใจที่คิดทำแบบนี้เธอก็พอใจแล้ว กลัวลูกจะไม่ปลอดภัย
“ทองคำของมีค่าไม่มีการรับคืน อีกอย่างเรื่องนี้พ่อแม่ของอวี๋หมิงหลางก็ยอมรับแล้วด้วย”
“อ่อ งั้นก็โอเค —จริงสิเชี่ยนเอ๋อ แกซื้ออะไรให้พ่อแม่อวี๋หมิงหลางหรือเปล่า?”
“อืม ซื้อเสื้อสองตัวราคาไม่แพง แค่แสดงน้ำใจ”
เสี่ยวเชี่ยนทำอะไรไม่มีขาดตกบกพร่อง เพียงแต่แอบกังวลเรื่องเสี่ยวเฉียงเล็กน้อย
เธอดูแลคนรอบตัวหมดแล้ว แต่ไม่รู้จะให้อะไรเสี่ยวเฉียงดี
สายตาอาลัยอาวรณ์ตอนที่แยกกับเขายังติดตาเธออยู่ ไม่รู้ว่ากลับไปเขาจะเลือดกำเดาไหลหรือเปล่า
จริงๆแล้วสิ่งที่เขาอยากได้ที่สุดก็คือเธอ แต่ตอนนี้สิ่งที่ทั้งสองคนขาดก็คือเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน
ตอนบ่ายเสี่ยวเชี่ยนไปโรงพยาบาลที่หลี่เจิ้นพักรักษาตัว ก่อนจะเริ่มรักษาอย่างเป็นทางการ เธอได้เจอกับพ่อแม่หลี่เจิ้นรวมถึงแม่อวี๋เพื่อสรุปผลการรักษาให้ฟัง
“วันนี้ตอนเช้าเขาบอกว่าปวดเอว แต่สักพักก็หาย มันเรื่องอะไรกันเหรอ?”
ตอนนี้เวลาอาหญิงพูดกับเสี่ยวเชี่ยนออกจะดูหวั่นเกรงๆนิดหน่อย
ก็คล้ายกับอารมณ์เวลาที่คนไข้ทั่วไปเจอกับหมอเก่งๆ
“จากผลการรักษาเมื่อวาน ฉันกลับไปสรุปผลมา ขาของหลี่เจิ้นจัดอยู่ในประเภทโรคจิตเวชด้านกายและใจจริงๆ การที่เขามีปฏิกิริยาหลังการรักษาเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดี แบบนั้นแล้วการรักษาในขั้นต่อไปฉันคิดว่า—อาหญิงขับรถเป็นหรือเปล่าคะ?”
ทุกคนต่างรอฟังสรุป แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับถามกลับ
“เป็นสิ เธอยังไม่บอกเลยนะว่าจะทำไงต่อ?” อาหญิงกำลังรอฟังคำพูดสำคัญ แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับหยุดพูด
“รู้สึกคอไม่ค่อยโอเคเลยค่ะ อยากดื่มCon Panna ของร้านกาแฟในตัวเมืองจังเลยค่ะ ไม่มีกาแฟช่วยกระตุ้น บ่ายๆฉันจะทำงานได้ไม่ค่อยดี ยังไงซะคนไม่มีใบอนุญาตอย่างฉัน แรงก็มีบ้างไม่มีบ้าง…”
“เดี๋ยวฉันให้คนขับรถไปซื้อ”
เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า “ฉันคิดว่าถ้าหลี่เจิ้นรู้ว่าแม่เขาถึงกับลงทุนไปซื้อเครื่องดื่มด้วยตัวเองเพื่อให้เขาหายไวๆ เขาจะต้องประทับใจแน่นอนค่ะ อาการก็จะดีขึ้นเร็ว คุณน้าดื่มอะไรดีคะ?”
เสี่ยวเชี่ยนถามแม่อวี๋ ถ้าเป็นปกติแม่อวี๋คงทำตัวเกรงใจ แต่ครั้งนี้ไม่ เห็นอาหญิงไม่กล้าหือกับคำพูดเสี่ยวเชี่ยน แม่อวี๋ก็รู้สึกสะใจสุดๆ
“งั้นฉันเอาด้วยหนึ่งแก้ว”
“ผมไม่ถนัดดื่มกาแฟ ขอน้ำผลไม้แก้วนึงแล้วกัน”
แม้แต่อาเขยก็ร่วมแทงอาหญิงด้วยหนึ่งที
เห็นได้ชัดว่าปกติอาหญิงได้ล่วงเกินคนรอบตัวไปมากแค่ไหนโดยที่ไม่รู้ตัว
“เหลาหลี่ ทำไมคุณก็เอากับเขาด้วย?” สองวันมานี้อาหญิงถูกเอาคืนเป็นอย่างมาก
“ถ้าหลี่เจิ้นรู้ว่าคุณทำเพื่อเขา—” ลูกไม้ของเสี่ยวเชี่ยนมีไม่เยอะ แต่ได้ผลหมด
อาหญิงรีบเดินออกไปด้วยสีหน้าอดทนเต็มที่
แม่อวี๋รู้สึกสนุก ลูกสะใภ้คนเล็กของเธอนี่สุดยอดจริงๆ ตอนนี้เวลามาโรงพยาบาลมีแต่เรื่องดีๆ ทั้งเรื่องอาการหลี่เจิ้นที่ดีขึ้น ทั้งเรื่องที่เสี่ยวเชี่ยนเล่นงานอาหญิงสารพัด เห็นแล้วก็มีความสุขเหมือนกัน
“เสี่ยวเชี่ยนเธอนี่เก่งจริงๆ ฉันไม่เคยใช้เมียฉันเลย แต่เขาเชื่อฟังเธอ” อาเขยรู้สึกนับถือเสี่ยวเชี่ยน
“อาเขยคะ หนูจะขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะคะ หนูเป็นจิตแพทย์ชื่อเฉินเสี่ยวเชี่ยน หนูถนัดในการรักษาโรคจิตเวชที่มีความซับซ้อน ไม่ใช่แค่รักษาโรคจิตเวชเท่านั้นนะคะ หนูยังถนัดให้คำปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของสามีภรรยาด้วยค่ะ แบบที่ว่าต่อให้ไม่เป็นอะไรก็มาปรึกษาหนูได้ ป่วยก็รักษา ไม่ป่วยก็จะยิ่งทำให้มีความสุข”
อาเขยงง นี่หมายความว่าอะไร?
แม่อวี๋พอจะเข้าใจเสี่ยวเชี่ยนบ้างแล้ว ถ้าเสี่ยวเชี่ยนแนะนำตัวอย่างเป็นทางการว่าตัวเองเป็นจิตแพทย์ ความหมายที่แฝงอยู่ก็คือ—
“เขาหมายความว่า เขาช่วยอาเขยแก้ปัญหาเรื่องชีวิตคู่ได้ เพียงแต่เรื่องราคา…ทำธุรกิจอย่างอิสระ กำหนดราคาตามใจ” แม่อวี๋นึกคำพูดของเสี่ยวเชี่ยนเมื่อวาน ดูเหมือนเสี่ยวเชี่ยนจะพูดไว้แบบนั้น