บทที่ 54
คิงส์ตันสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด เขามีท่าทางเย้ะหยัน เขาหันไปรอบ ๆ แล้วกระซิบกับอีวอน “นี่คือนักประเมินกิตติมศักดิ์ที่ลูกจ้าง? ด้วยเงินเดือน 50,000 เหรียญ?”
‘แม้ว่าตระกูลเราจะมีเงิน แต่เราก็ไม่ควรจ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย’
อีวอนไม่ได้พูดอะไร เธอมีร่องรอยของความอับอายอยู่ในดวงตา
ชายหัวล้านหัวเราะราวกับเจอคนสนิท เขาจับไหล่ของแดร์ริลแล้วกล่าว “น้องชายช่างมีความรู้จริง ๆ!”
แดร์ริลเพียงแค่ยิ้ม
คิงส์ตันจ้องมองแดร์ริลแล้วกล่าวด้วยความเย็นชา “บอกฉันซิ ว่าทำไมเจ้าสิ่งนั้นถึงมีค่า 500,000 เหรียญ?”
‘ไม่ มันมีมูลค่ามากกว่านั้นด้วยซ้ำ! มันมีมูลค่ามากกว่าห้าล้านเหรียญ! คุณจะทำเงินได้มากมายถ้าซื้อมัน’ แดร์ริลคิดกับตัวเอง
จากนั้นเขาก็กระแอมเพื่อเคลียร์ช่องคอเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างเชื่องช้า “คุณลุงยัง อย่าได้กังวลเลยครับ ผมจะอธิบายให้ฟัง คุณลุงรู้เรื่องเกี่ยวกับเจ้าหญิงเหวินเฉิงใช่ไหม?”
คิงส์ตันใจร้อน เมื่อเขาได้ยินชื่อนั้น เขาก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ ตัวของเขาสั่นด้วยความตกใจ “นี่เธอหมายถึง…”
จากนั้น คิงส์ตันก็ส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้แน่!”
ประวัติศาสตร์ได้บันทึกเรื่องราวหลัก ๆ ไว้เพียงว่าเจ้าหญิงเหวินเฉิงนั้นแต่งงานกับเจ้าชายของทิเบต อย่างไรก็ตาม ในโลกของวงการวัตถุโบราณ ยังมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเจ้าหญิงเหวินเฉิงอีก
เจ้าหญิงเหวินเฉิงนั้นหลงไหลในเครื่องปั้นตั้งแต่เธอยังเด็ก ตอนที่จักรพรรดิถังไท่จงได้ประกาศราชโองการให้เธอแต่งงานเข้ากับอาณาจักรทิเบต พระองค์ก็มอบแจกันดินเผาให้เธอ แจกันดินเผานั้นมีข่าวลือว่าได้รับเป็นบรรณาการมาจากอาณาจักรทิเบต เพื่อมอบให้องค์จักรพรรดิเอง
ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของทิเบตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะทำให้พวกเขาได้รับอิทธิพลด้านวัฒนธรรมมาจากทั้งราชวงศ์ถังและดินแดนตะวันตก ดังนั้นเครื่องปั้นที่ทำจากเหล่าเชื้อพระวงศ์ของทิเบตจึงนับเป็นข้อยกเว้นและหายากมาก
นั่นเป็นเพราะทุกครั้งที่เจ้าหญิงคิดถึงเมืองเกิด อาณาจักรถัง เธอจะไปนั่งข้างธารน้ำพร้อมแจกันของเธอ เพื่อนึกถึงอดีต
มีข่าวลืออีกว่าแจกันอันเป็นที่รักของเจ้าหญิงนั้นมีอำนาจเหนือธรรมชาติ ก่อนที่เจ้าหญิงเหวินเฉิงจะแต่งงาน ชื่อจริงของเธอคือ หลี่ ซูหยาน ดังนั้น ชนรุ่นหลังจึงตั้งชื่อแจกันนั้นว่า แจกันของซูหยานผู้ขจร
มีน้อยคนมากนักที่จะเคยเห็นแจกันของซูหยานผู้ขจร มันหายไปหลังจากการเจ้าหญิงเหวินเฉิงสิ้นพระชนม์
จนหลังจากสิ้นยุคสมัยของราชวงศ์ฉิง แจกันของซูหยานผู้ขจรถึงจะปรากฏตัวอย่างน่าประหลาดที่บ้านของคนร่ำรวยในเจียงหนาน เมื่อข่าวกระจายออกไป สมาชิกในบ้านนั้นก็ถูกฆ่าตายในไม่กี่วันถัดมา
แจกันของซูหยานผู้ขจรจึงหายไปอีกครั้ง
สถานที่ที่อยู่ของแจกันจึงถูกทำลายเหลือไว้เพียงปริศนา
ดังนั้น เมื่อแดร์ริลกล่าวถึงเจ้าหญิงเหวินเฉิง คิงส์ตันจึงคิดไปถึงข่าวลือนั้น
‘นี่เขาหมายถึงแจกันของซูหยานผู้ขจรนั้นเหรอ! มันเป็นไปไม่ได้!’
‘ประดิษฐกรรมระดับสูงขนาดนี้จะมาปรากฏตัวในตำหนักไข่มุกงั้นเหรอ?’
‘ไม่มีทาง!’
คิงส์ตันใช้ความคิดอย่างหนัก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ซึ่งนั่นทำให้กลุ่มคนแปลกใจ
แดร์ริลชี้ไปที่แจกันด้านหน้าเขา เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณลุงยัง แม้ว่ารูปทรงของแจกันดินเผานี้จะแปลกประหลาด แต่มันมีความคล้ายคลึงกับรูปแบบของราชวงศ์ถัง ในเวลาเดียวกัน มันก็มีกลิ่นอายของงานตะวันตกด้วย มันเป็นเพราะพื้นที่อันเป็นเอกลักษณ์ของทิเบต จึงได้สร้างงานศิลป์ที่แปลกประหลาดนี้ออกมา”
“สีเคลือบอันฉูดฉาดนั้นได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตก มันขาดเสน่ห์ของราชวงศ์ถังโบราณ แต่มีความสุนทรีย์ทางด้านสีสันที่มีชีวิตชีวา”
“ดีที่สีเคลือบอีกครั้งสิครับ มันทั้งสวยงามและเปล่งประกาย มันดูเหมือนเป็นงานสมัยใหม่ และพวกทิเบตใส่องค์ประกอบเครื่องเคลือบเพิ่มเติมเข้าไปตอนที่ทาสี”
เสียงเขาไม่ได้ดัง แต่สิ่งที่เขากล่าวนั้นมีเหตุผล!
ขณะนั้นเองเกิดความเงียบขึ้น!
ทุกคนงุนงง นอกจากคิงส์ตันแล้ว ไม่มีใครเลยที่เข้าใจที่แคร์ริลพูด! “อาณาจักรทิเบตเกียวอะไร? แล้วเขาพูดถึงสีเคลือบทําไม? แดร์ริลนั้นเห็นว่าคิงส์ตันยังคงสงสัยอยู่ ดังนั้นเขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สีเคลือบด้านนอกนั้นเสริมความแข็งแรงให้แจกันนี้ และเป็นเหตุผลที่ว่าทําไมผ่านไปนับพันปี มันจึงไม่มีรอยร้าวและรอยแตกเลยนั้นเอง” เอ็อก! เกือบทุกคนได้ยินเสียงกลืนน้ําลายของคิงส์ตัน จากนั้นเขาก็เอียงหูเข้าไปใกล้ปากแจกันแล้วฟังอย่างตั้งใจ “นี… นี่มันคือแจกันของซูหยานผู้ขจรจริงหรือนี่?” หลังจากผ่านไปสิบวินาที ความสงสัยของเขาก็เปลี่ยนเป็นตกใจ และในที่สุด เขาก็มองแคร์ริลด้วยความประหลาดใจ เสียงของเขาแหบลงด้วยความตื่นเต้น “อะไรนะ? | “แจกันของซูหยานผู้ขจร?” ท่าทางของเหล่าเจ้าของร้านวัตถุโบราณเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อแดร์ริลอธิบายรายละเอียดของแจกันดินเผา พวกเขายังไม่เชื่อนัก แต่หลังจากที่พวกเขาเห็นคิงส์ตันกล่าวชื่อของแจกันซ้ําอีก พวกเขาจึงต้องตกใจ แน่นอน พวกเขาต้องเคยได้ยินเรื่องแจกันของซูหยานผู้ขจร ใครบางในวงการวัตถุโบราณบ้างที่ไม่เคยได้ยินมัน?