ตอนที่ 68 ผู้ปกปักวัด

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

จิ่งเหยียนจะตามไปหลังวัด แต่กลับมีเสียงขู่ดังแว่วมาจากในประตูลาน จากนั้นมีหัวหมาป่ายื่นออกมา! ดวงตาแคบยาวสีแดง ริมฝีปากอ้าออกเผยคมเคี้ยว ดูดุร้ายอย่างยิ่ง!

จิ่งเหยียนเคยเห็นหมาป่ามาแล้วจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่แค่ตัวเดียว แถมยังเคยล่าสิงโตกับหมี ทว่าตอนนั้นมีปืนและบอดี้การ์ด! ตอนนี้มีแค่มือถือเธอจะกล้าหาญสู้กับหมาป่าได้หรือ? แต่ว่าก็ยังพอมีสายตาแยกแยะ พอหัวหมาป่าโผล่มาก็กระโดดขึ้น “หมาป่า! ช่วยด้วย!”

ขณะร้องยังหมุนตัววิ่งหนีไป! รองเท้ากระเด็นไปข้างหนึ่ง

คนอื่นอึ้งไปก่อน จากนั้นเฉินจิ้งถึงพูดขึ้น “นี่ไม่ใช่หมาเหรอ?”

บรู้ว!

หมาป่าหอนเสียงแหลมก่อนเคลื่อนออกไปอย่างเชื่องช้า คว้ากรงเล็บตะปบเฉินจิ้ง!

เฉินจิ้งเห็นดังนั้นก็ตกใจจนขาอ่อน ล้มลงกับพื้น เจ้านี่ตัวใหญ่ขนาดนี้ ไม่ว่าหมาป่าหรือหมาเขาก็สู้ไม่ได้ทั้งนั้น! จึงหมุนตัวรีบคลานหนีไปด้วยความกลัว!

ไชฟางก็ถือว่ามีสายตาวิเคราะห์ได้เหมือนกัน หลังรู้ว่าเป็นหมาป่าเดียวดายก็รีบวิ่งตามทุกคนออกไป แต่คนจะเร็วกว่าหมาป่าหรือ?

หมาป่าเดียวดายตะปบเข้าที่ก้นเฉินจิ้ง เขารู้สึกว่ากล้ามเนื้อก้นพลันบีบรัดตัวก่อนเกิดเสียงดังแควก ไม่รู้ว่าเสียอะไรไปบ้าง เอาแต่วิ่งร้องไห้เสียงแหลมออกไปข้างนอก

จิ่งเหยียนที่วิ่งไปข้างนอกหันมามอง เห็นหมาป่าเดียวดายอ้าปากกว้างจะงับก้นเฉินจิ้ง ผู้หญิงที่เคยล่าสิงโตมาก่อนเลือดแห่งความกล้าหาญตีขึ้นมา ถอดรองเท้าอีกข้างฟาดเข้าที่หน้าหมาป่าเดียวดาย หมาป่าเดียวดายโกรธโดยพลัน แค่หาวก็โดนตี? ไม่ยุติธรรม? อย่างนั้นดูกรงเล็บนี่!

หมาป่าเดียวดายกระโจนเข้าไป จิ่งเหยียนจึงรีบวิ่งหนี แต่กรงเล็บตะปบเข้าที่กระโปรงเธอพอดี! กรงเล็บมันช่างคมเสียนี่กระไร

ได้ยินเพียงเสียงแควก จิ่งเหยียนพลันรู้สึกข้างล่างเบา รู้สึกเย็นวาบตรงก้นเล็กน้อย!

พอก้มหน้ามอง…

“กรี๊ด!” จิ่งเหยียนเห็นว่ากระโปรงสั้นของเธอถูกหมาป่าบ้าดึงจนขาด! ดีที่เธอสวมเลกกิ้งจึงไม่ได้เดินโป๊ ทว่าเลกกิ้งก็ยังถูกกรงเล็บหมาป่าข่วนเป็นเส้น ถ้าไม่ใช่เพราะเลกกิ้งหนาพอ ตอนนี้ก้นคงออกมารับลมหนาวข้างนอกแล้ว

จิ่งเหยียนตะลึงงัน หมาป่าเดียวดายไม่มีเวลาตะลึง แม้จะตะปบกระโปรงสั้น แต่ก็ไม่ดึงดูดมันแม้แต่นิด! มันกระโจนไปข้างหน้าอีกครั้ง เตรียมจะเห่าขู่เสียงดัง! เสียงดังขนาดนี้ไม่รู้ว่าพุทธศาสนาจะยังเป็นแดนอันเงียบสงบอยู่รึเปล่า?

หมาป่าเดียวดายกระโจนเข้ามาทำเอาจิ่งเหยียนตกใจจนหน้างามถอดสี เปล่งเสียงกรีดร้องอีกครั้ง…เบิกตาโตจ้องไปข้างหน้า นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวสุดซึ้ง! เธอเหมือนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมรณะกำลังคืบคลานเข้ามา!

ทว่าตอนนี้เอง…

“อมิตาภพุทธ” เสียงสวดคุ้นเคย อบอุ่นและราบเรียบดังขึ้น หมาป่าตัวใหญ่ที่กระโจนเข้ามาพลันหยุดค้างกลางอากาศ อ้าปากกว้างแทบจะจับคอหอยเธอ! กระทั่งจิ่งเหยียนยังได้กลิ่นปากหมาป่ากับลมหายใจร้อนๆ…

ต่อมาหมาป่าเดียวดายตกลงบนพื้นจากกลางอากาศ ในที่สุดจิ่งเหยียนถึงเห็นภาพข้างหลังหมาป่าเดียวดาย นักบวชชุดคลุมขาวประนมมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างคว้าหางหมาป่าเดียวดาย จากนั้นไม่มองจิ่งเหยียนแม้แต่หางตา ลากหางหมาป่าเดียวดายผู้ชั่วร้ายไป!

“สัตว์ป่ามาขโมยอาหารอีกแล้ว แถมยังคิดจะทำร้ายคน คิดว่าอาตมาไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจริงๆ รึ? วันนี้เห็นแก่ว่ามีบุญกุศลเหลือล้นบนสวรรค์ จะไว้ชีวิตนายหนึ่งครั้ง รีบไปซะ!” ฟางเจิ้งลากหมาป่าเดียวดายไปนอกประตูแล้วสะบัดมือ มันถูกโยนออกไป! หมาป่าตัวเท่าลูกวัวอยู่ในมือฟางเจิ้งกลับเหมือนไร้สิ่งของ ถูกโยนออกไปไกลสิบกว่าเมตร!

จิ่งเหยียน ไชฟาง เฉินจิ้งรวมถึงช่างกล้องสามคนที่มองอยู่ตาค้างอ้าปากกว้าง!

หมาป่าหมุนติ้วกลางอากาศ ลอยไปตกลงบนพื้น ซ้ำยังเห่าใส่ฟางเจิ้งหลายที ทุกคนฟังไม่ออก คิดว่ามันน่าจะร้องโวยวายหรือไม่ก็กำลังพูดทำนองว่า พวกเราต้องได้เจอกันอีกแน่

มีเพียงฟางเจิ้งที่รู้ว่าหมาบ้ากำลังตะโกนว่า ‘นายให้ฉันปกป้อง แต่เดี๋ยวเดียวก็ขายฉันทิ้งแล้วเนี่ยนะ ฮือๆๆ ต้องเพิ่มข้าวเย็น!’

ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นคิ้วถึงกับกระตุก ด่าทอไปว่า “ยังไม่ไปอีก?!”

หมาป่าเดียวดายรีบเก็บหางวิ่งไป

เห็นดังนั้น พวกจิ่งเหยียน ไชฟาง และเฉินจิ้งยิ่งตะลึงกว่าเดิม! เณรตัวบอบบางแข็งแรงขนาดนี้เชียว?

คนพวกนี้ไม่ใช่คนโง่ ฟางเจิ้งโยนด้วยมือเดียวแบบนี้ ต่อให้เป็นคนร่างกำยำก็ทำไม่ได้! ใช้มือเดียวคว้าหมาป่าหิวโซที่กระโจนเข้ามาก็ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะทำได้! เณรรูปนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!

แต่รอจนพวกเขาได้สติกลับมา…

ปัง!

เสียงปิดประตูดังขึ้น พวกเขาหันไปมองหลวงจีนหายไปแล้ว ประตูวัดปิดไปแล้ว!

“เฮ้ๆๆ เณรเปิดประตู อย่าปิดประตูสิ!” พวกช่างกล้องได้สติก่อนก็ไปเคาะประตูเหล็กพลางตะโกน

จิ่งเหยียน ไชฟาง เฉินจิ้งสามก็ได้สติเช่นกัน น่าตลก พวกเขามาทำข่าวการประลองครั้งใหญ่ของนักเขียนพู่กันจีนสองฝ่าย แต่เข้าประตูไม่ได้แล้วจะทำข่าวยังไง!

ไชฟางวิ่งเข้ามาพูดจาดีๆ “เณร เปิดประตูเถอะ ทำแบบนี้พวกเราลำบากนะ พวกเรามาทำข่าววัดของท่านก็มีประโยชน์กับท่านด้วย วัดจะต้องมีชื่อเสียงเพราะการประลองศิลปะพู่กันจีนครั้งนี้แน่ ถึงตอนนั้นแสงธูปจะสว่างไสว พระโพธิสัตว์จะต้องดีใจถูกไหม?”

จิ่งเหยียนไม่สบายใจอยู่เงียบๆ เห็นความแกร่งของฟางเจิ้งแล้วเธอก็รู้ว่าหลวงจีนรูปนี้ไม่ธรรมดา จึงไม่กล้าดูถูกฟางเจิ้งอีก แน่นอนว่าไม่พูดยั่วยุด้วย

จิ่งเหยียนเงียบ เฉินจิ้งคิดว่าจิ่งเหยียนโกรธและตกใจอยู่ เขาคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีมากจึงเขยิบเข้าไปใกล้ “จิ่งเหยียน อย่ากลัวเลย ฉันจัดการทุกอย่างเอง”

ทว่าจิ่งเหยียนมองค้อนเฉินจิ้ง นายจัดการเหรอ? เมื่อกี้ถ้าฉันไม่ได้ขว้างรองเท้าไปช่วย ตอนนี้นายกลายเป็นมูลหมาป่าไปแล้ว! ไม่รู้ว่าใครกันนะที่ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตาย…

จิ่งเหยียนไม่ตอบ แต่แสดงออกมาทางแววตา เฉินจิ้งหน้าแดงพร้อมกับตรึกตรองอย่างรวดเร็ว จะต้องเปลี่ยนภาพจำในใจจิ่งเหยียนให้เร็วที่สุด! และวิธีเดียวตอนนี้คือเข้าวัด!

ตอนนี้เองเสียงฟางเจิ้งดังแว่วมาจากหลังประตู “อมิตาภพุทธ พวกโยม พุทธศาสนาเป็นแดนอันเงียบสงบ ไม่เหมาะจะจัดการประลอง ส่วนจะโฆษณาอะไรให้วัด ถ้าพวกโยมยินยอมก็เอาเถอะ ถ้าไม่ก็ช่าง”

พูดจบหัวใจฟางเจิ้งกำลังหลั่งเลือด พูดในใจว่า “ระบบ โอกาสดีแบบนี้นายไม่เอาเหรอ?”

“พุทธศาสนาเป็นแดนอันเงียบสงบ จะใช้เป็นลานประลองได้ยังไง?” ระบบตอบ

ฟางเจิ้งถอนหายใจ พูดจริงๆ คือเขาสนใจคำพูดไชฟาง เพราะเขายังมีภารกิจธูปร้อยดอกที่ยังไม่สำเร็จ ถ้ามีนักข่าวเขียนข่าวให้จะต้องมีญาติโยมมากันกลุ่มใหญ่แน่ ภารกิจไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนรึไง? แต่…ระบบไม่ยอม! ฟางเจิ้งจึงได้แต่ปฏิเสธไป

ไชฟางได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแห้ง “เณร เอ่อ…”

………………………………