“เฉินจิ้ง ไม่อย่างนั้นให้เสี่ยวหลัวลองเถอะ?” ไชฟางตรงเข้ามาถามอีก

เฉินจิ้งลูบเอว มองกำแพงอีกครั้ง พอนึกถึงเรื่องเมื่อครู่นี้ก็ไม่ทำเป็นเก่งแล้ว พยักหน้าตอบกลับว่า “ได้ ให้เสี่ยวหลัวลองดู”

เสี่ยวหลัวได้ยินดังนั้นก็กระโดดขึ้นไป ปีนกำแพงอย่างคล่องแคล่ว ตอนนี้เอง…

“อาจารย์ไช พวกคุณทำอะไรกัน? รีบลงมา!” เสียงตะโกนดังมาข้างหลัง พวกไชฟางหันไปมอง เห็นอู๋ฉางสี่ก้าวเท้ายาววิ่งมาประหนึ่งดาวตก ข้างหลังยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก

“อู๋ฉางสี่ นายมาแล้วหรอ นี่ใช่ไต้ซือที่นายบอกไหม? ถุย! เขาไม่ยอมรับการประลอง แถมยังปิดประตูไม่ต้อนรับเราอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เฉินจิ้งบ่น

อู๋ฉางสี่มองประตูใหญ่ที่ปิดแน่นและยังเห็นเสี่ยวหลัวที่กำลังจะปีนกำแพง ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงหัวเราะแห้งๆ “เอ่อ…คงจะจัดการยากแล้วล่ะ”

ไชฟางมองปราดเดียวก็เห็นถึงปัญหา ถามขึ้นว่า “เสี่ยวอู๋ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

อู๋ฉางสี่ยิ้มเฝื่อน “ครั้งก่อนผมแอบถ่ายภาพมาน่ะ ส่วนเรื่องการประลองผมมาพูดกับไต้ซือไม่ทัน หลักๆ คือผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงจริงๆ…ตอนแรกที่คุยกันไว้คือแค่ยืนยันว่าไต้ซือเขียนอักษรนั้นจริง และยืนยันความบริสุทธิ์ของผมก็เท่านั้น แต่ดันกลายเป็นการประลอง ผมไม่รู้เลยว่าไต้ซือจะยอมรับการประลองหรือเปล่า…”

พูดจบไชฟาง เฉินจิ้ง จิ่งเหยียนต่างโมโห

จิ่งเหยียนพูดขึ้นด้วยความโมโห “อู๋ฉางสี่! นายไม่รู้เหรอว่าพูดจามั่วซั่วอะไรไว้บ้าง ครั้งนี้จบเห่แน่ นักข่าวหลายสำนักจะมากันแล้ว แถมยังมีเพื่อนจากสมาคมศิลปะพู่กันจีนอีก เดาว่าคนจากอำเภอเมืองซงอู่คงจะมาเยอะเลย ถึงตอนนั้นหลวงจีนนี่ไม่ประลองละก็…หึๆ…นายขายหน้าก็ช่าง แต่นายดึงสื่อทั้งหมดของพวกเราให้ขายหน้าไปด้วย! อู๋ฉางสี่ ถ้าเรื่องนี้จบไม่สวยละก็นายต้องรับผิดชอบทั้งหมด!”

เฉินจิ้งยิ้มเยาะ “กลัวว่าจะรับผิดชอบไม่ไหวน่ะสิ ก่อนหน้านี้สร้างข่าวฟ้าร้องดังเปรี้ยงปร้าง ตอนนี้คงไม่มีแม้แต่ฝนล่ะมั้ง” พูดจบเฉินจิ้งก็มองประตูเหล็กใหญ่ มองกำแพงอีกครั้งก่อนคลำก้น ตอนนี้เขาเริ่มหวังให้หลวงจีนนั่นไม่รับการประลองแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะสะบัดพู่กัน ใส่ร้ายวัดนี่ให้หนักๆ เลย! ให้มันเหม็นเน่าเป็นหมื่นปี! แถมยังมีหมาป่าตัวนั้นอีก เขาตัดสินใจแล้วว่ากลับไปจะเขียนข่าว หาเหตุผลให้คนมาฆ่ามัน ถือเป็นการแก้แค้นที่โดนกรงเล็บนั่น!

ไชฟางพยายามระงับความโกรธไว้ เอ่ยขึ้น “เสี่ยวอู๋ เรื่องนี้ฉันหวังว่านายจะจัดการได้นะ ไม่อย่างนั้นถ้าทุกคนโกรธจะคุมไม่อยู่เอา”

อู๋ฉางสี่พยักหน้ารัวๆ “ผมรู้ ผมจะคิดวิธีเอง”

“คิดวิธีอะไร? ประตูปิดไปแล้ว หรือว่านายจะปีนกำแพงข้ามไป?” เฉินจิ้งหัวเราะเยาะ

โหวจื่อไม่ชอบหน้าเฉินจิ้งจึงพูดเยาะเย้ย “ปีนกำแพง? ปีนกำแพงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเรารึไง? ไม่เหมือนขยะบางพวกปีนกำแพงไม่ได้”

“แก!” เฉินจิ้งฉุนเฉียว ทว่าพั่งจื่อรูดแขนเสื้อขึ้น เผยเนื้ออ้วนอัน ‘แข็งแกร่ง’ ลูกตาถลึงโต ทำเอาเฉินจิ้งตกใจจนหยุดพูด ทว่าเฉินจิ้งก็ไม่อยากขายหน้าต่อหน้าจิ่งเหยียนจึงกัดฟันด้วยความโกรธ มีท่าทีว่าตนนั้นโหดมาก “พวกแกรอฉันก่อนเถอะ!”

พั่งจื่อตอบกลับอย่างไม่แยแส “รอเตี่ยแกสิ เชื่อไหมว่าตอนนี้คุณพั่งจะช่วยแกดัดกระดูกให้ตรง?”

“แกกล้าเหรอ?!” เฉินจิ้งโต้ตอบ

เพียะ!

ฝ่ามือใหญ่ตบเข้าที่หน้าเฉินจิ้ง เฉินจิ้งตัวหมุนอยู่กับที่ก่อนอึ้งไปทันที! เจ้านี่กล้าลงมือจริงๆ ด้วย!

“แก…แกกล้าตบฉันเหรอ? ฉันจะฟ้องแก ฟ้องให้ครอบครัวแกล้มละลาย!” เฉินจิ้งถูกตบต่อหน้าหญิงงามแบบนี้จึงร้องโวยวาย

เพียะ!

พั่งจื่อพลิกมือตบเข้าไปอีกที เฉินจิ้งก็ให้ความร่วมมืออย่างดีหมุนกายไปอีกรอบ สองมือกุมใบหน้า เหมือนกับคนใช้ถูกรังแก เขามองพั่งจื่อพลางร้องว่า “แก…ถือว่ามีความสามารถ วิญญูชนใช้เหตุผลไม่ใช่กำลัง!”

ถุย!

พั่งจื่อถ่มน้ำลายใส่หน้าเฉินจิ้ง ทำเอาเฉินจิ้งขยะแขยง รีบวิ่งไปหยิบทิชชูมาเช็ด

“พั่งจื่อ นายทำอะไรน่ะ?” อู๋ฉางสี่เห็นดังนั้นก็รีบร้องเรียก

พวกไชฟางเพิ่งได้สติกลับมา ใครก็คาดไม่ถึงว่าพั่งจื่อบอกว่าจะลงมือก็ลงมือจริงๆ เร็วจนคนตั้งตัวไม่ทัน ตอนนี้จึงวิ่งเข้ามาห้าม…

เฉินจิ้งเห็นโหวจื่อกับอู๋ฉางสี่ดึงพั่งจื่อไม่ให้เข้ามาอีก ตนก็ถูกช่างกล้องของตัวเองกับเสี่ยวหลัวดึงไว้จึงขึงขังขึ้นมาโดยพลัน ซ้ำยังร้องโวยวาย “ปล่อยฉัน! ฉันฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ วันนี้จะสู้กับมันให้ตายกันไปข้าง!”

พั่งจื่อได้ยินดังนั้นก็โกรธ เขาที่มีเรื่องมาตั้งแต่เด็กจะไม่เข้าใจเฉินจิ้งที่ทำเป็นแข็งภายนอกแต่ปวกเปียกภายภายในเหรอ? เลยจะเข้าไปสั่งสอนอีกรอบ ทว่าโหวจื่อกับอู๋ฉางสี่รั้งไว้จึงดิ้นไม่หลุด

เฉินจิ้งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งเอาใหญ่ ตะโกนเสียงดังราวกับคลุ้มคลั่ง “ปล่อยฉัน ไอ้อ้วนบ้า กล้าตบฉันเหรอ? ฉันจะให้แกรู้ว่าอะไรเรียกว่าผู้ชายตัวจริง!”

เฉินจิ้งเปล่งเสียงตะโกน ออกแรงสุดขีด เสี่ยวหลัวกับเหล่าเหมียวรั้งไว้ไม่อยู่ เขาจึงพุ่งออกไป ทว่าทันใดนั้นเองเสื้อผ้าสองคนนี้ถูกดึงต่ำลง เฉินจิ้งหยุดอีกครั้ง สองคนก้มหน้าลงมอง เยี่ยม เฉินจิ้งดึงเสื้อผ้าพวกเขาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ…

ทั้งสองคนพูดไม่ออก เจ้านี่หน้าด้านเกินไปแล้ว!

แต่สองคนนี้ก็ยังร่วมมือแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รีบคว้าเฉินจิ้งไว้ไม่ให้เข้าไป

เฉินจิ้งเห็นสองคนร่วมมือแบบนี้ก็ยิ่งตะโกนบ้าคลั่งกว่าเดิม

แต่จิ่งเหยียนข้างๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย มองเฉินจิ้งเหมือนมองคนโง่ แต่เธอรู้ว่าคนแบบนี้มีประโยชน์ อย่างน้อยก็ช่วยจัดการอู๋ฉางสี่ได้ มาปั่นหัวกันแบบนี้ ถ้าไม่แก้แค้นเธอก็คงไม่ใช่จิ่งเหยียน

“ไอ้อ้วน ไม่มีแม่สั่งสอนรึไงถึงกล้าตบหน้าฉัน? วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!” เฉินจิ้งตะโกนอยู่นานก็ไม่หายโกรธ จึงเริ่มด่าทอ

ทว่า…

พูดจบดวงตาพั่งจื่อแดงก่ำ ทำท่าจะสะบัดคนที่จับเขาไว้ ทว่าโหวจื่อกับอู๋ฉางสี่กลับอาศัยจังหวะนี้ปล่อยมือ!

พั่งจื่อพูดในใจ ‘ทำดีน้อง!’

จากนั้นพุ่งเข้าไปหาเฉินจิ้งราวกับดาวตก เฉินจิ้งเห็นอย่างนั้นก็ตะลึงค้าง หมุนตัวจะหนีพลางคิดในใจ ‘มันอ้วนแบบนี้ต้องวิ่งไม่เร็วแน่ เราวิ่งไปไกลหน่อยมันจะทำอะไรเราได้?’

แต่เสี่ยวหลัวกับเหล่าเหมียวไม่ทันตั้งตัว ยังคงดึงเขาเอาไว้! จากนั้นเฉินจิ้งก็เกิดโศกนาฏกรรม ลูกดอกวิ่งไม่ออก ถูกจับหลังเสื้อเอาไว้แน่น กลิ่นอายดุร้ายแผ่เข้ามา ทำเอาขนลุกไปทั้งตัว

พั่งจื่อง้างหมัดจะชก

ผัวะ!

หนึ่งหมัดซัดเข้าไป จมูกเฉินจิ้งแหงนขึ้นฟ้า เลือดแตกกระจาย!

พั่งจื่อพูดขึ้นด้วยความโกรธ “แกด่าคุณพั่ง คุณพั่งทนได้ และจะต่อยแกแค่สองที แต่มาด่าแม่ฉันเหรอ? ฉันเป็นผู้ชายโว้ย วันนี้จะหักขาแกสักท่อน!”

พูดจบพั่งจื่อก็ง้างฝ่ามือตบเข้าไป ทั้งยังถีบเข้าที่ท้องเฉินจิ้งไปทีหนึ่ง

ถึงพั่งจื่อจะอ้วน แต่เรื่องการชกต่อยก็ไม่ได้งุ่มง่าม เขาเคลื่อนไหวเร็วมากราวกับวัวบ้า

เหล่าเหมียวกับเสี่ยวหลัวรั้งไว้ไม่อยู่แล้ว

ไชฟางเห็นดังนั้นก็ร้อนรน เขาอายุมากแล้วยิ่งรั้งไว้ไม่ไหว เลยรีบวิ่งเข้าไปให้อู๋ฉางสี่กับโหวจื่อช่วยห้ามปราม

……………………………………