ตอนที่ 89 เขาเองก็ไม่คิดว่าตนเองจะรักและตามใจเธอมากขนาดนี้

เดิมพันเสน่หา

ร่างของทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง ทว่าหนานกงเยี่ยกลับไม่ได้มีท่าทีรุนแรง สิ่งที่เขาทำในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอม เขาคิดวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาต้องการทะนุถนอมและรักเธอแบบนี้ เพื่อทำให้เธอยอมใจอ่อนให้เขา ต้องการให้หัวใจของเธออยู่กับเขา

 

 

คืนนี้ หนานกงเยี่ยอบอุ่นมาก ความรักที่เขามีให้เธอมันมากขึ้น เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกเหมือนตนเองได้ขึ้นสวรรค์ ร่างกายของเธอดื่มด่ำกับความสุขนี้ หัวใจของเธอเหมือนน้ำแข็งที่อยู่ในน้ำอุ่น มันกำลังค่อยๆ หลอมละลาย

 

 

อยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของเขา เธอนอนหลับฝัน เธอเห็นตนเองกำลังโบยบินในทุ่งดอกไม้ กลิ่นหอมของดอกไม้รายล้อมอยู่รอบตัวเธอ แสงแดดสีเหลืองทองสาดส่องลงมาบนพื้น ทุ่งดอกไม้ที่เธอเห็นกว้างสุดลูกหูลูกตา กลีบดอกไม้ทุกกลีบ ใบไม้ทุกใบส่องแสงสีทอง

 

 

เธอนอนหลับในอ้อมกอดที่อบอุ่น ตอนที่เธอตื่นขึ้นมายังอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา เขาไม่ได้จากเธอไปไหน ท้องฟ้าสว่างแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามาจากหน้าต่าง

 

 

เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกตกใจเล็กน้อย “คุณ…คุณไม่ไปทำงานหรอคะ”

 

 

“รอคุณตื่นก่อนค่อยไป คุณจะได้ไม่รู้สึกหนาว” หนานกงเยี่ยยิ้ม ริมฝีปากของเขาเม้มกัดหูของเธอเบาๆ “พอใจกับเรื่องเมื่อคืนไหม”

 

 

แก้มของเหลิ่งรั่วปิงแดงระเรื่อ เธอหยิกเอวของหนานกเงเยี่ยอย่างแรง เมื่อคืน เธอกับเขาเข้ากันด้วยดี เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เธอเพิ่งได้เรียนรู้

 

 

“โอ๊ย…” หานกงเยี่ยร้องเสียงหลง เขาหอมแก้มเธอเบาๆ “เป็นเด็กดีนะครับ คุณนอนต่ออีกสักหน่อย ผมไปทำงานก่อน” ตอนนี้เป็นช่วงสิ้นปีแล้ว แต่ละแผนกยุ่งมาก การที่เขานอนตื่นสายแบบนี้ทำให้เสียเวลาไปมากแล้ว

 

 

“งานออกแบบของฉันละคะ”

 

 

“ผมสั่งให้คนยกคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์มาให้คุณที่นี่ คุณทำงานในห้องทำงานไปก่อนนะ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงกระพริบตาปริบๆ ด้วยความพอใจ ก่อนที่หนานกงเยี่ยจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอถามขึ้น “เรื่องเมื่อวานรู้หรือยังคะว่าเป็นฝีมือใคร”

 

 

หนานกงเยี่ยตอบเสียงเรียบ “เรื่องนี้มู่เฉิงซีเป็นคนสืบเอง พวกเราไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้หรอก” ตระกูลหนานกงมีศัตรูมากมาย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นปกติ เขาเคยชินกับมันไปแล้ว รอให้มู่เฉิงซีสืบรู้ก่อนว่าเป็นฝีมือใคร ถ้าเป็นฝีมือศัตรูของเขา เขาจะให้พวกมันชดใช้อย่างสาสม

 

 

เหลิ่งรั่วปิงมุดตัวลงในผ้าห่ม ในเมื่อหนานกงเยี่ยยังไม่เก็บมาใส่ใจ เธอก็ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้แล้ว

 

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงลุกขึ้น หยิบยาบางอย่างออกมาจากกระเป๋า จากนั้นรีบกลืนมันลงไป ถึงแม้เรื่องเมื่อคืนจะไปได้ด้วยดี แต่ความสัมพันธ์ของเขาและเธอยังไม่มั่นคง ตราบใดที่ทุกอย่างยังไม่มั่นคงเธอต้องป้องกันตนเองเอาไว้ก่อน

 

 

หนานกงเยี่ยเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา เขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมของตนเอง ประจวบเหมาะเวลานี้เหลิ่งรั่วปิงกำลังกลืนยาลงคอ เขานิ่งค้างไปครู่หนึ่ง แล้วเข้าใจทุกอย่างทันที ทว่าภายในใจของเขากลับรู้สึกเจ็บปวด นับตั้งแต่วันแรกที่รู้จักเธอ เขาบีบบังคับให้เธอยอมมาเป็นผู้หญิงของเขา แต่เขาไม่เคยเป็นห่วงเรื่องท้อง เพราะเขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงฉลาด เธอไม่มีวันยอมปล่อยให้ตนเองท้องกับเขาเด็ดขาด วันนี้พอเห็นเธอกินยาคุม เขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน เขารู้สึกผิดมากและโมโหตนเองมากเช่นกัน เพราะเขาทำให้เธอต้องกินยาพวกนี้ ยาพวกนี้มันไม่ดีต่อร่างกาย

 

 

“คราวหน้า…ไม่ต้องกินยาพวกนี้แล้ว” หนานกงเยี่ยพูดเสียงเรียบ

 

 

เหลิ่งรั่วปิงนิ่งค้างไป เธอคลายยิ้มบางๆ “ไม่กินได้ยังไงคะ คุณหนานกงอย่าพูดแบบนี้สิ อยากให้ฉันท้องกับคุณหรอคะ”

 

 

มีลูก หนานกงเยี่ยไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน และไม่กล้าจินตนาการถึงเด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเกินมาบนโลกใบนี้ เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่ากลัว เขาชอบชีวิตที่เป็นอิสระ สามารถทำตามความต้องการของตนเองได้ อยากทำอะไรก็ทำแบบนั้น ถ้าหากว่ามีเด็กคนหนึ่งกลายมาเป็นอุปสรรคในชีวิตเขา เขาคงรู้สึกว่าชีวิตถูกผูกหมัด

 

 

แต่ว่า ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเหลิ่งรั่วปิง และถ้าเด็กคนนั้นมีหน้าตาเหมือนเหลิ่งรั่วปิง เหมือนว่าเขา…ไม่ได้รู้สึกอยากปฏิเสธ

 

 

แต่เขารู้ดีว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่มีวันยอมมีลูกกับเขาเด็ดขาด เพราะหัวใจของเธอไม่ได้อยู่เขา เธอไม่มีวันมีลูกกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก

 

 

หนานกงเยี่ยเงียบอยู่หลายวินาที “คราวหน้า ผมจะใส่…ถุงยางอนามัย”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงหันหน้าไปมองเขาด้วยความตกใจ เธอคิดไม่ถึงว่าหนานกงเยี่ยจะยอมถึงขั้นนี้ ผู้ชายอย่างเขา ใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือระบายความใคร่เท่านั้น เขาไม่สนใจสุขภาพของผู้หญิงหรอก

 

 

ภายใต้ความตกใจของเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยสวมใส่เสื้อผ้าด้วยความประหม่า จากนั้นเดินออกไปจากห้อง นอกจากอวี้หลานซี เขาไม่เคยยอมผู้หญิงคนไหนถึงขั้นนี้มาก่อน เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงที่พิเศษมากๆ สำหรับเขา เขาเองก็ไม่คิดว่าตนเองจะรักและตามใจเธอมากขนาดนี้

 

 

 

 

 

 *****

 

 

บนเตียงขนาดใหญ่สีชมพูกลีบดอกบัว พวกเขาทั้งสองเพิ่งออกกำลังกายบนเตียงเสร็จ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรัก

 

 

ชายหญิงที่อยู่บนเตียง มองดูแล้วอายุต่างกันมาก หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบต้นๆ เธอกำลังสาวกำลังสวย ทว่าผู้ชายคนนั้นมองดูแล้วอายุประมาณห้าสิบปี ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยว่น

 

 

ลู่หวาหนงทำตาพริ้ม ออดอ้อนผู้ชายที่ตนกำลังซบ “เสี่ยคะ เรื่องที่หนูขอให้เสี่ยช่วยจัดการ ไปถึงไหนแล้วคะ”

 

 

พูดถึงเรื่องนี้ ชายวัยห้าสิบขมวดคิ้วทันที “หนูมีความแค้นอะไรกับเหลิ่งรั่วปิงนักหนา ถึงต้องเอาเธอถึงตาย คราวที่แล้วก็สั่งให้รถพุ่งเข้าชน แต่เธอก็ยังรอดมาได้ หนูถึงกับกล้าเอาชื่อของฉันไปจ้างวานฆ่าคน หนูอยากให้เสี่ยตายหรือไง”

 

 

เขาคือเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางค์ขนาดใหญ่ของเมืองหลง จั่วเยี่ยนเหา เหตุที่เขาพาตัวเองมายุ่งกับเรื่องนี้ เป็นเพราะเขาหลงเสน่ห์ของลู่หวาหนง เขาจึงสั่งให้คนจัดการจัดฉากอุบัติเหตุในวันนั้น ถึงแม้ไซ่ตี้จวิ้นจะยังสืบไม่พบว่าเป็นฝีมือใคร แต่เขายังคงรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลา ไซ่ตี้จวิ้นไม่ใช่คนที่เขาสามารถมีเรื่องด้วยได้ ตอนหลังพอได้ยินว่าเหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ย เขายิ่งไม่กล้ายุ่งกับเธอ

 

 

ทว่า ลู่หวาหนงไม่พอใจ จั่วเยี่ยนเหาไม่ยอมลงมือทำอะไรสักอย่าง เธอจึงเอาชื่อของเขามาอ้างจากนั้นแอบติดต่อกับศัตรูของหนานกงเยี่ย ซึ่งตอนนี้ชีวิตของเขากำลังตกต่ำ เขาอยากจะเอาชีวิตของหนานกงเยี่ยมาก อาศัยโอกาสนี้ได้เงินมาก้อนใหญ่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงจ้างนักฆ่าไปฆ่าหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิง แต่ใครจะไปคิดว่าไม่เพียงแต่ภารกิจล้มเหลว พวกมันยังตายกันหมด

 

 

ลู่หวาหนงเบะปาก พูดออดอ้อน “หึ เสี่ยบอกว่ารักหนูมากไม่ใช่หรอคะ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่ยอมช่วยหนู”

 

 

จั่วเยี่ยนเหาทำสีหน้าเคร่งขรึมทันที เขาผลักลู่หวาหลงออก จากนั้นใส่เสื้อผ้า “เสี่ยบอกหนูแล้ว ช่วงนี้ให้ทำตัวดีๆ หน่อยอย่าสร้างปัญหาอีก ครั้งนี้หนูถึงขั้นไปยุ่งกับคนในตลาดมืด โชคดีที่พวกมันบอกว่าต้องการแก้แค้นมู่เฉิงซี ไม่อย่างนั้นทั้งเสี่ยและหนูได้ซวยกันหมดแน่น หนานกงเยี่ยและมู่เฉิงซีเป็นเหมือนยมราชที่มีชีวิต ถ้าพวกเขารู้ว่าพวกเราอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ คงถลกหนังพวกเราแน่ๆ”

 

 

ลู่หวาหนงโมโห “หึ พวกโง่ เอาคนไปตั้งเยอะแต่กลับไม่สามารถฆ่าเหลิ่งรั่วปิงได้ ไร้ประโยชน์จริงๆ”

 

 

“พอได้แล้ว!” จั่วเยี่ยนเหามองไปทางลู่หวาหนงด้วยสายตาไม่พอใจ “อย่าคิดว่าเสี่ยไม่รู้ เรื่องในอดีตที่เคยเกิดขึ้นระหว่างหนูกับเหลิ่งรั่วปิง เป็นเพราะหนูต้องการไปยั่วหนานกงเยี่ย แต่เธอเอาชนะหนูได้เข้าใจไหม เสี่ยจะบอกอะไรให้หนูฟังนะ ตอนนี้หนูเป็นคนของเสี่ยแล้ว ดังนั้นช่วยทำตัวดีๆ หน่อย อย่าสร้างเรื่องให้เสี่ยอีก ถ้ายังกล้าใช้ชื่อเสี่ยทำอะไรโดยพลการอีก เสี่ยไม่ปล่อยหนูไว้แน่!”

 

 

“ค่ะ เสี่ยเหา” ลู่หวาหนงมองดูจั่วเยี่ยนเหาด้วยความหวาดกลัว เธอรีบลงมาจากเตียงแล้วคุกเข่าขอร้องเขา ถึงแม้จั่วเยี่ยนเหาจะพูดจาดีๆ กับเธอมาโดยตลอด แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาต้องการตัวเธอ ถ้าเธอทำให้เขาโมโหขึ้นมาจริงๆ เขาต้องน่ากลัวมากกว่าผีแน่ๆ เรื่องที่บอกว่าจะไม่ปล่อยเธอเอาไว้เขาไม่ได้พูดเล่นๆ

 

 

“หึ!” จั่วเยี่ยนเหาหัวเราะในลำคอ หมุนตัวเดินออกไป

 

 

พอจั่วเหยี่ยนเหาเดินออกไป สีหน้าของลู่หวาหนงเปลี่ยนไปทันที นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เธอเคยเป็นดาราอันดับต้นๆ ของประเทศมาก่อน มีคนนับไม่ถ้วนคอยขายขนมจีบให้เธอ เธอเป็นเหมือนดวงดาวที่ส่องสว่างอยู่บนฟ้า แต่เพราะเหลิ่งรั่วปิง ทำให้ชีวิตของเธอต้องมาถึงจุดนี้ ไม่เพียงแต่จบชีวิตในวงการบันเทิง แต่เธอยังต้องมาเป็นเครื่องระบายอารมณ์ทางเพศให้พวกคนแก่หัวงูอีก ทว่าเวลานี้เหลิ่งรั่วปิงกลับได้รับความรักจากหนานกงเยี่ย ทั้งๆ ที่เธอแอบไปคบผู้ชายคนอื่น แต่เขากลับไม่ลงโทษเธอ ในทางกลับกันเขากลับรักเธอมากกว่าเดิม

 

 

เธอจะต้องทำลายชีวิตของเหลิ่งรั่วปิงให้ได้!

 

 

 *****

 

 

หลังจากเหลิ่งรั่วปิงตื่นนอน เธอกินอาหารเช้าแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน เพื่อออกแบบแลนด์มาร์คเมืองหลง เธอยากจะออกแบบให้เสร็จภายในช่วงปีใหม่ เพราะหลังจากผ่านเทศกาลปีใหม่ไป เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่น แต่ละโปรเจคจะเริ่มงานทันที เธออยากให้แลนด์มาร์คเหมืองหลงรีบเข้าสู่กระบวนการก่อสร้าง

 

 

ตอนเย็น เธอได้รับสายจากไซ่ตี้จวิ้น

 

 

เหลิ่งรั่วปิงมองดูชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ เธอดีใจมาก รับสายด้วยความรวดเร็ว “สวัสดีค่ะ คุณไซ่ตี้หวิ้น แผลของคุณเป็นยังไงบ้างคะ”

 

 

มีเสียงเครื่องบินดังขึ้นจากปลายสาย ไซ่ตี้จวิ้นพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ ผมได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ คุณเป็นอะไรไหม”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกอยากจะร้องไห้ “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”

 

 

“ดีแล้วครับ ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ไซ่ตี้จวิ้นยิ้ม “ผมจะกลับประเทศเอ้าตูแล้ว ตอนนี้กำลังจะขึ้นเครื่องบินส่วนตัวกลับ”

 

 

“ฉันไปส่งคุณค่ะ”

 

 

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยว…คุณหนานกงเยี่ยจะโมโหคุณเอาได้” เสียงของไซ่ตี้จวิ้นเคล้าด้วยความเจ็บปวด “ลั่วเฮิ่งเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี” เขาเงียบอยู่สองวิ “ผมใช้เบอร์นี้ตลอดนะครับ ถ้าวันไหนคุณอยากจะไปเอ้าตู ติดต่อผมได้ตลอด สัญญาที่ผมมีให้คุณจะไม่มีวันเปลี่ยน”

 

 

น้ำตาของเหลิ่งรั่วปิงไหลลงมา “คุณไซ่ตี้จวิ้น ฉันต้องคิดถึงคุณแน่ๆ คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”

 

 

“ครับ ดูแลตัวเองให้ดี” ในตอนหลัง เสียงของไซ่ตี้จวิ้นเองก็สั่นเทา ทว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่เห็น น้ำตากำลังคลอเบ้าของเขา

 

 

หลังจากวางสายไซ่ตี้จวิ้น เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกหนักอึ้งในใจ เธอยืนขึ้นแล้วเดินไปตรงหน้าต่าง มองดูท้องฟ้าสีครามด้านนอก หวังว่าจะสามารถเห็นเครื่องบินของเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

 

 

ถึงแม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่ไซ่ตี้จวิ้นเป็นผู้ชายที่ยอมตายเพื่อช่วยเธอ เธอซึ้งใจมาก หวนคิดถึงผ้าพันแผลบนหน้าผากของเขา เฝือกที่ขาของเขา น้ำตาของเหลิ่งรั่วปิงไหลลงมาอีกครั้ง

 

 

เธอเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบวิ่งไปที่ห้องเปียโน เปิดฝาเปียโน

 

 

ไซ่ตี้จวิ้น ถึงแม้เราจะไม่ได้เจอกัน แต่ฉันจะคิดถึงคุณ ฉันขอเล่นเพลง ‘อำลา’ เพื่อเป็นการส่งคุณนะคะ

 

 

เสียงดนตรีบรรเลงขึ้นด้วยความเศร้า เสียงนี้ดังก้องไปทั่วทั้งวิลล่า เสียงที่บรรเลงนี้เคล้าไปด้วยความคิดถึง แม่บ้านและคนรับใช้พอได้ยินเสียงเปียโนถึงกับหยุดทำงาน พวกเธอเงี่ยหูฟัง เพลงนี้ซึ้งมากและเศร้ามากเช่นเดียวกัน

 

 

วันนี้หนานกงเยี่ยเลิกงานเช้า เขาจึงกลับมาที่วิลล่าหย่าเก๋อก่อนเวลา เมื่อเดินเข้ามาถึงห้องรับแขกเขาก็ได้ยินเสียงเปียโน เขารับรู้ได้ถึงความเศร้าที่บรรเลงออกมาจากเสียงเปียนโน คิ้วเข้มขมวดขึ้นเป็นปม

 

 

ทำไมเธอต้องเสียใจมากขนาดนี้