ตอนที่ 90 ความอบอุ่นที่เขามอบให้คุณ ผมจะทดแทนให้พันเท่า

เดิมพันเสน่หา

พ่อบ้านเดินมาช่วยหนานกงเยี่ยถอดเสื้อกันหนาว เขามองไปทางห้องเปียโน “วันนี้เธอทำอะไรบ้าง”

 

 

“วันนี้คุณเหลิ่งอยู่ในห้องทำงานทั้งวันครับ แต่เหมือนว่าช่วงเย็นมีคนโทรมาหาเธอ หลังจากนั้นคุณเหลิ่งดูเศร้ามาก เธอเหม่อลอยอยู่นานแล้วเดินไปเล่นเปียโนครับ”

 

 

มีคนโทรมา? ใครเป็นคนโทรมากันทำไมถึงทำให้เธออ่อนไหวได้ขนาดนี้”

 

 

หนานกงเยี่ยไม่ได้เดินตรงไปยังห้องเปียโน แต่เขาเดินไปยังห้องทำงานของเหลิ่งรั่วปิง ในห้องทำงานยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเธอ บนโต๊ะมีกระดาษและอุปกรณ์ที่ใช้ในการออกแบบวางเอาไว้ หน้าจอคอมพิวเตอร์ยังคงมีไฟกระพริบ

 

 

โทรศัพท์ของเธอวางอยู่มุมโต๊ะ

 

 

หนานกงเยี่ยหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอ จากนั้นกดไปยังประวัติการโทร

 

 

เบอร์โทรศัพท์เดียวที่เธอรับสายเมื่อตอนเย็น คือเบอร์ของไซ่ตี้จวิ้น

 

 

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปม ตอนเย็นที่ผ่านมาก่วนอวี้เพิ่งรายงานให้เขาฟังว่าไซ่ตี้จวิ้นออกไปจากเมืองหลงแล้ว เขาคงโทรศัพท์มาหาเธอเพื่อบอกลา สาเหตุที่เหลิ่งรั่วปิงเสียใจ เป็นเพราะไซ่ตี้จวิ้นจากไป

 

 

เธอกับไซ่ตี้จวิ้นอยู่ด้วยกันแค่สองสามวัน แต่เขาสามารถทำให้เธออาลัยอาวรณ์มากขนาดนี้ ในทางตรงกันข้ามตนและเธออยู่ด้วยกันเกือบสามเดือน เธอกลับสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นเขาเอาไว้ เป็นเพราะตนไม่ดี?

 

 

เป็นเพราะความอ่อนโยนและอบอุ่นของไซ่ตี้จวิ้น ทำให้เธอหวั่นไหว แต่เขากลับเริ่มต้นกับเธอไม่ดีเท่าไหร่ เธอก็เลยไม่ยอมเปิดใจ?

 

 

เขายอมรับ เขารู้สึกอิจฉามาก อิจฉาจนแทบบ้าแล้ว

 

 

เธอเป็นผู้หญิงของเขา เธอต้องรักแค่เขา ต่อให้ไม่รักเขา ในใจของเธอก็ไม่ควรมีผู้ชายคนอื่น!

 

 

เงียบอยู่นาน หนานกงเยี่ยวางโทรศัพท์ลง เขาหมุนตัวหันหลังเดินออกไปจากห้องทำงาน เดินไปหาเหลิ่งรั่วปิงที่ห้องเปียโน

 

 

เปิดประตูเข้าห้องเปียโนช้าๆ เขาเห็นใบหน้าด้านข้างของเธอ เหลิ่งรั่วปิงเล่นเปียโนด้วยความตั้งใจ แผ่นหลังของเธอมีแสงแดดสาดส่อง ทำให้เกิดเงากระทบของต้นไม้บนเสื้อไหมพรม ใบหน้าของเธอนิ่งเฉยและสงบ ผมยาวสลวยทัดหู เผยให้เห็นผิวขาวเหมือนหิมะ ผิวเนียนละเอียดเหมือนใยไหม

 

 

มันเป็นภาพที่สวยงามมาก เธอเหมือนนางฟ้าในภาพวาด สวยจนทำให้คนแทบหยุดหายใจ สวยจนไม่กล้าแตะต้อง

 

 

ในสายตาของหนานกงเยี่ย ความสวยของเธอเปลี่ยนเป็นเบาหวิว คล้ายว่าเธอสามารถโบยบินได้ เหมือนนางฟ้าในเทพนิยายที่บินผ่านเขาไป บินออกไปจากโลกของเขา

 

 

ในวินาทีนี้ หัวใจของเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา กลัวว่าเธอจะหายไป เขาอยากกอดเธอเอาไว้แน่นๆ ไม่ให้เธอหนีไปไหน

 

 

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสาวเท้ายาวๆ เดินไปหยุดตรงด้านหลังของเธอ เขาเอาผมยาวสลวยของเธอไปด้านหลัง จากนั้นโน้มตัวลงหอมแก้มเหลิ่งรั่วปิง มือทั้งสองข้างจับมือเธอเอาไว้ เพื่อให้เธอหยุดเล่น แล้วกอดเธอเอาไว้

 

 

 เขาเอาแก้มของตนเองถูกับหน้าของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ความอบอุ่นที่เขามอบให้คุณ ผมจะทดแทนให้พันเท่า”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงนั่งตัวแข็งทื่อ เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำแค่เพียงกอดตอบเขาเงียบๆ ไซ่ตี้จวิ้นอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเธอแล้ว สิ่งที่เขาทำไม่สามารถลบไซ่ตี้จวิ้นไปจากใจเธอได้ ถึงแม้ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาจะไม่ใช่ความรัก แต่มันมีค่ามากกว่าความรักเสียอีก ทุกช่วงเวลาที่เหลือของชีวิต เธอจะไม่มีวันลืมว่าเขาเคยปกป้องเธอด้วยชีวิต

 

 

“คุณหนานกงคะ ฉันอยากรู้ว่าคุณจะเริ่มการก่อสร้างแลนด์มาร์คเมืองหลงเมื่อไหร่” ผ่านไปนานครู่หนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงพูดขึ้น สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้ไม่ใช่มัวแต่นั่งเสียใจ แต่เป็นการแก้แค้น

 

 

หนานกงเยี่ยเข้าใจความใจร้อนของเธอ “หลังจากที่คุณออกแบบแลนด์มาร์คเมืองหลงเสร็จ ผมจะสั่งให้ลั่วเฮิ่งเริ่มก่อสร้างทันที”

 

 

“ตอนนี้ยืนยันแล้วหรอคะว่าจะให้ลั่วเฮิ่งเป็นผู้รับเหมา” ตอนแรกเหลิ่งรั่วปิงกำลังคิดจะพูดโน้มน้าวใจหนานกงเยี่ย ให้เขาตัดสินใจเลือกบริษัทของลั่วเฮิ่งเป็นผู้รับเหมา เธอคิดไม่ถึงว่าหนานกงเยี่ยจะตัดสินใจแล้ว

 

 

“อื้ม” หนานกงเยี่ยพยักหน้า

 

 

เหลิ่งรั่วปิงอารมณ์ดีขึ้นมาทันที “ฉันจะรีบออกแบบให้เสร็จค่ะ”

 

 

“ครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคุณห้ามหักโหม” มือหนาของหนานกงเยี่ยจับที่แก้มของเธอ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก

 

 

เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม เธอปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ช่วงนี้เขาอ่อนโยนและอบอุ่นมาก เป็นความอบอุ่นเหมือนที่พ่อมีให้กับเธอ เขาทั้งอาบน้ำ เป่าผม ยกอาหารและใส่เสื้อผ้าให้เธอ ทั้งหมดนี้ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น

 

 

ทว่า ความอบอุ่นแบบนี้เธอไม่กล้ารับมันไว้มากจนเกินไป เพราะเธอกลัวว่าวันหนึ่ง ถ้าสูญเสียมันไปแล้ว เธอจะปวดใจ คุณหนานกง คุณช่วยเย็นชากับฉันหน่อยเถอะค่ะ

 

 

รอยยิ้มของเธองดงามมาก ทำให้ดวงตาของหนานกงเยี่ยเป็นประกาย เขาโน้มหน้าลงจูบเธอโดยไม่รู้ตัว

 

 

พ่อบ้านเดินเข้ามาเพื่อถามว่าจะให้ตั้งโต๊ะอาหารเลยไหม แต่กลับได้เห็นภาพที่งดงาม พระอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาในห้องผ่านกระจกใส ทำให้บรรยากาศในห้องอบอุ่นขึ้นมา ชายหนุ่มและหญิงสาวที่เหมาะสมกันอย่างกิ่งทองใบหยกกำลังจูบกัน เขียนเป็นทำนองเพลงที่ไพเราะที่สุด

 

 

แน่นอนว่าพ่อบ้านไม่คิดจะทำลายบรรยากาศนี้ เขาจึงเดินย่องออกไปเงียบๆ

 

 

ตอนที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน หนานกงคลายจูบเหลิ่งรั่วปิง เขาสูดลมหายใจเข้า คลายยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไปกินข้าวกันครับ?”

 

 

“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงกำลังจะลุกขึ้น ทว่าหนานกงเยี่ยกลับช้อนตัวเธอขึ้นมา แล้วเดินไปที่ห้องอาหาร

 

 

หนานกงเยี่ยวางเธอลงบนเก้าอี้อย่างทะนุถนอม จากนั้นลากเก้าอี้ออกมานั่งลงข้างๆเธอ เขาจัดวางผ้าเช็ดปาก แก้วน้ำ จานและส้อมให้กับเธอ แล้วตักอาหารทุกอย่างวางลงบนจานของเธอด้วยตนเอง

 

 

ครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เหลิ่งรั่วปิงชินกับการดูแลของหนานกงเยี่ยแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกแปลกแต่อย่างใด ทว่าพวกสาวใช้ต่างพากันตกใจ ครั้งแรกที่หนานกงเยี่ยทำแบบนี้ พวกเขาตกใจจนลูกตาเกือบถลนออกมา ผู้ชายที่สูงศักดิ์อย่างคุณชายหนานกงเคยดูแลผู้หญิงเสียที่ไหน? ตอนแรกที่เห็นเขาดีกับเธอ พวกเธอคิดว่าเป็นเพราะกำลังเข้าใหม่ปลามัน ทว่าคิดไม่ถึงเขาจะทำจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งนับวันคุณชายหนานกงของพวกเขาก็ยิ่งทำได้ชำนาญ ยิ่งทำยิ่งหวานจนมดขึ้น

 

 

หนานกงเยี่ยรู้ดีว่าสิ่งที่ตนทำ พวกสาวใช้ต้องพากันตกใจ แต่เขาไม่แคร์หรอก เขามีความสุขกับสิ่งที่ทำในตอนนี้ เขาไม่เคยรู้มาก่อน การดูแลผู้หญิงมันจะมีความสุขมากขนาดนี้ เขาตักอาหารให้เธอด้วยตนเอง มองดูเธอกินอาหารที่เขาตักให้จนหมด มันเป็นความสุขที่เกิดขึ้นในใจ

 

 

เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้สนใจคนอื่น เธอก้มหน้าก้มตากินอาหารของตนเอง แต่หนานกงเยี่ยไม่ค่อยกินเท่าไหร่ เขาเอาแต่ตักอาหารให้เธอ พอเธอกินอันนี้หมดเขาก็ตักมาให้อีก ด้วยเหตุนี้จานของเธอจึงเต็มไปด้วยอาหาร ตอนแรกเธอคิดว่ากินหมดจานก็อิ่มแล้ว แต่เขาทำแบบนี้เธอกินยังไงก็ไม่มีวันหมด

 

 

จนสุดท้าย เธอหันหน้าไปหาเขาด้วยความโมโห ขณะที่เธอกำลังต่อว่า กลับกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอเพราะแววตาของเขา แววตาของเขาเหมือนของพ่อมาก เป็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ความเอ็นดู มองดูเธอเหมือนเป็นของล้ำค่า หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงเต้นแรง ความอบอุ่นจากหัวใจค่อยๆ ไหลพล่านไปทั้งตัว

 

 

“ฉันกินอิ่มแล้วค่ะ ไม่ต้องตักให้ฉันแล้ว” สุดท้ายเหลิ่งรั่วปิงพูดเสียงหวาน “คุณอยากขุนให้ฉันเป็นหมูหรอคะ”

 

 

หนานกงเยี่ยหัวเราะ เขาเลื่อนจานของเธอไปใกล้ตนเอง แล้วกินอาหารที่เธอกินเหลือ ทั้งยังกินอย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วย คล้ายกับว่าติดใจ

 

 

เหลิ่งรั่วปิงมองไปที่สาวใช้ด้วยความประหม่า เธอเขินจนหน้าแดงระเรื่อ บางครั้งผู้ชายคนนี้ก็ทำให้คนใจเต้นแรงได้!

 

 

สาวใช้ก้มหน้าอมยิ้ม

 

 

อาหารมื้อนี้อบอวลด้วยความรัก

 

 

หลังจากกินข้าวเสร็จ เหลิ่งรั่วปิงยังไม่ทันลุกขึ้น หนานกงเยี่ยก็ช้อนตัวเธอขึ้นมาแล้ว จากนั้นพาเธอขึ้นไปชั้นสอง

 

 

เหลิ่งรั่วปิงหมดคำจะพูด ตนเองก็มีขานะ!

 

 

“ตอนนี้เพิ่งหัวค่ำ คุณอยากทำอะไรครับ” หนานกงเยี่ยวางเหลิ่งรั่วปิงลงบนเตียง เขาสวมกอดเธอจากด้านหลัง เอาแก้มของเขาถูกับแก้มของเธอ

 

 

เหลิ่งรั่วปิงครุ่นคิด งานอดิเรกของเธอกับเขาไม่มีอะไรเหมือนกัน เขาเอาแต่ยุ่งกับธุรกิจของตนเอง ส่วนเธอยุ่งอยู่กับงานออกแบบ พวกเขาใช้เวลาทำอะไรสนุกๆ ด้วยกันน้อยมาก นอกจากเล่นหิมะก่อนเลิกกันแล้ว พวกเขาไม่ได้ทำอะไรโรแมนติกอีกเลย

 

 

“คุณอยากทำอะไรคะ?” เหลิ่งรั่วปิงคิดไม่ออกว่าเขาชอบทำอะไร นอกจากเห็นเขาอ่านเอกสารกองโต เธอก็แทบไม่เห็นเขาทำอะไรแล้ว

 

 

เธอนึกถึงไซ่ตี้จวิ้น ไซ่ตี้จวิ้นมีงานอดิเรกมากมาย นอกจากเล่นนกพิราบส่งสารแล้ว เขายังชอบกระโดดร่ม เล่นสกี ไดร์ฟกอล์ฟหรือแม้แต่หมากรุกเขาก็ชอบทั้งนั้น ไซ่ตี้จวิ้นเป็นผู้ชายอบอุ่นที่มีความชอบมากมาย ถึงแม้ธุรกิจของเขาจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าหนานกงเยี่ย แต่ชีวิตของเขามีความสุขมากกว่าชีวิตของหนานกงเยี่ย ในอีกด้านหนึ่ง หนานกงเยี่ยเป็นผู้ชายเย็นชา ถึงแม้เขาจะอยู่เหนือคนมากมายแต่กลับโดดเดี่ยว ในที่สุดเธอก็เข้าใจคำพูดของอวี้หลานซี เขาโดดเดี่ยวและเดียวดายมาก ต้องการใครสักคนมาคอยดูแล

 

 

เธอนึกถึงซือคงอวี้ เขาเองก็ไม่มีงานอดิเรกอะไร ในทุกวันเขาต้องนั่งอยู่ในวิหารขนาดใหญ่ เพื่อทำงานต่างๆ หน้าตาของเขาสมบูรณ์แบบมาก เขาสวยกว่าผู้หญิงหลายเท่าตัว แต่เขากลับไม่ค่อยยิ้ม ดวงตาคู่สวยของเขามักจะฉายรังสีอำมหิตออกมาตลอดเวลา หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาสั่งให้เธอฝึกฝนด้านต่างๆ สอนทริคในการฆ่าคนให้กับเธอ เขาไม่เคยทำเรื่องโรแมนติกมาก่อน เป็นคนเปลี่ยนเธอจากผู้หญิงบอบบางให้กลายเป็นผู้หญิงเก่ง สายตาที่เขามองมาที่เธอมันเร่าร้อน แต่เขาไม่เคยพูดคำว่ารัก จนกระทั่งวิดีโอคอลครั้งที่ผ่านมา

 

 

ถ้าอย่างนั้น ซือคงอวี้เองก็เป็นคนโดดเดี่ยวที่ต้องการคนดูแล

 

 

คนอย่างเขา ถ้ารักใครแล้วก็รักหมดใจ ไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอื่น

 

 

สำหรับซือคงอวี้ นอกจากความรู้สึกกลัวแล้ว อันที่จริงเธออยากขอบคุณเขา เขาทำให้เธอมีเส้นทางชีวิตใหม่ ถึงแม้เส้นทางหนีจะเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่หลังจากผ่านความลำบากเหล่านั้นมาแล้ว เธอกลายเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ถูกรังเกอีก

 

 

เวลานี้พอนึกถึงซือคงอวี้ เธอรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจ

 

 

เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงเหม่อลอย หนานกงเยี่ยจึงตีหน้าผากเธอเบาๆ “คุณกำลังคิดอะไร ถึงได้ใจลอยตอนที่อยู่กับผม!

 

 

เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม “ฉันกำลังคิดว่าเวลาว่างๆ คุณชอบอะไร”

 

 

หนานกงเยี่ยคิดอยู่พักหนึ่ง “ผมไม่มีงานอดิเรกที่ชอบหรอก” นอกจากเล่นหิมะกับเธอในตอนนั้นแล้ว เขาไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ

 

 

“ตอนนี้ด้านนอกหนาวมาก ท้องฟ้าก็มืดแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันสอนคุณเรียงเหรียญในห้องดีไหมคะ

 

 

หนานกงเยี่ยครุ่นคิด เขารู้สึกสนใจ “ครับ แต่มันดูยากมากเลยนะ” เขารู้สึกว่ามันยากจริงๆ ถึงแม้ไอคิวของเขาจะสูงกว่าคนทั่วไป สามารถทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ แต่การใช้เหรียญเรียงเป็นอาคารบ้านเรือนต่างๆ แบบนี้ เหมือนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

 

 

“ดังนั้น ฉันก็เลยจะสอนคุณไงคะ ถ้าคุณเข้าใจมันแล้ว คุณจะไม่รู้สึกยากเลยสักนิด”

 

 

“อื้ม เดี๋ยวผมไปเอาเหรียญก่อน” หนานกงเยี่ยหอมแก้มเธอเบาๆ แล้วลุกขึ้นไปเอาเหรียญ