ตอนที่ 91 คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวของผมในตอนนี้

เดิมพันเสน่หา

เหลิ่งรั่วปิงเดินเท้าเปล่าบนพื้น เธอเดินไปนั่งยังที่โล่งและกว้าง เครื่องทำความร้อนใต้พื้นทำให้พื้นในห้องอบอุ่น เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกสบายตัวมาก

 

 

หนานกงเยี่ยเดินถือถุงเหรียญเข้ามา เห็นเหลิ่งรั่วปิงที่อาบน้ำใส่ชุดนอนเอาไว้แล้ว เธอกำลังนั่งอยู่บนพื้น จู่ๆ เขารู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ หนานกงเยี่ยคลายยิ้มบางๆ แล้วเดินไปนั่งกับเธอ

 

 

เหลิ่งรั่วปิงหยิบเหรียญในถุงออกมาทีละเหรียญ เธอเอามาเรียงต่อกันแล้วเริ่มสร้างเป็นอาคาร “ความเป็นจริงมันไม่ได้ยากเท่าไหร่หรอกค่ะ สิ่งที่สำคัญคือต้องควบคุมน้ำหนักให้ได้ ซึ่งมันก็เป็นความหมายของคำว่าทำผิดแค่เล็กน้อย สามารถกลายเป็นความผิดใหญ่หลวง ทว่าถ้าทำด้วยความแม่นยำสิ่งเล็กๆ ก็สามารถกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ความผิดเพียงเล็กน้อยทำให้ทุกอย่างล้มเหลว

 

 

เวลาเหลิ่งรั่วปิงทำงาน เธอตั้งใจทำมากและเพราะความตั้งใจของเธอ ทำให้เธอดูสวยไปอีกแบบ เหมือนดอกบ๊วยแดงที่ฟังเสียงธรรมชาติท่ามกลางหิมะที่เหน็บหนาว ยืนต้นโดดเดี่ยวลำพัง แต่กลับมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความหนาว

 

 

ความสนใจของหนานกงเยี่ยค่อยๆ เบี่ยงเบนจากเหรียญไปยังใบหน้าของเธอ เขามองหน้าเธอจนอดไม่ได้ที่จะจูบติ่งหูของเธอ ตอนแรกเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้สนใจ เธอก้มหน้าลงและตั้งใจเรียงเหรียญของตนเอง แต่เขายิ่งอยู่ก็ยิ่งทำเกินกว่าเหตุ จูบเธอจนจั๊กจี้ไปหมดทั้งตัว เธอไม่สามารถทำงานได้เลย การใช้เหรียญมาวางเหรียญเป็นอาคาร ถือเป็นสิ่งทีต้องอาศัยความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก พลาดแค่เล็กน้อยสิ่งที่ทำมาทั้งหมดอาจพังได้

 

 

ดังนั้น เหลิ่งรั่วปิงจึงโมโห “คุณอย่าทำแบบนี้สิคะ ถ้าคุณยังไม่หยุดก็ไสหัวออกไปเลย อยู่ห่างๆ จากฉันหน่อย”

 

 

เสียงของเธอทั้งดังทั้งจริงจัง หนานกงเยี่ยตกใจจนตัวสั่น มองดูดวงตากลมตาคู่นั้นของเธอ หนานกงเยี่ยคลายยิ้ม “ครับๆๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว คุณตั้งใจเรียงเหรียญต่อเลย ผมกำลังมองอยู่”

 

 

ผู้หญิงบนโลกใบนี้ต่างพากันเอาอกเอาใจเขา มีแค่เธอคนเดียวที่คอยโมโหใส่เขา เมื่อกี้เธอถึงขั้นไล่เขาและยังใช้คำว่าไสหัวออกไปอีก แต่เขากลับไม่รู้สึกโกรธ ในทางกลับกันเขากลับรู้สึกพอใจ

 

 

เหลิ่งรั่วปิงถลึงตามองดูเขา จากนั้นก้มหน้าก้มตาเรียงเหรียญ หนานกงเยี่ยกลัวเธอจะโมโหอีก เขาจึงนั่งมองดูอย่างสงบเสงี่ยม เขาเป็นคนที่ฉลาดอยู่แล้ว ใช้เวลาไม่นานก็เข้าใจทริคในการเรียงเหรีญทันที ด้วยเหตุนี้เขาจึงเริ่มเอาเหรียญขึ้นมาเรียง ยิ่งเรียงก็ยิ่งรู้สึกสนุก พวกเขาทั้้งสองคนเริ่มแข่งกัน ดูว่าใครจะทำได้เร็วและสวยกว่ากัน

 

 

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของหนานกงเยี่ย ที่มีความสุขเพราะเหรียญเล็กๆ เหล่านี้

 

 

ทั้งสองเรียงเหรียญด้วยกันจนถึงกลางดึก บนพื้นมีอาคารรูปทรงต่างๆ ประมาณสิบกว่าแบบ ฝีมือของหนานกงเยี่ยพัฒนาเร็วมาก หลังจากรู้ทริคในการเรียงแล้วนั้น เขาก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เหลิ่งรั่วปิงตบหัวไหล่เขาแล้วพูดชื่นชม “อื้ม เป็นคนฉลาดมากค่ะ”

 

 

หนานกงเยี่ยยิ้มแล้ววางเหรียญเหรียญสุดท้ายขึ้นไป พวกเขาพูดเหมือนเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ “ผมมีทักษะอื่นที่ดีกว่านี้ อยากให้ผมสอนไหม”

 

 

“คะ?” เหลิ่งรั่วปิงไม่เข้าใจ การเอาเหรียญมาเรียงเป็นรูปทรงอาคารต่างๆ แบบนี้ เธอเล่นจนเทพแล้ว เขายังจะสอนอะไรเธออีก

 

 

หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วก้มหน้าไปใกล้เธอ เขาพูดเสียงเบา “ผมหมายถึงทักษะบนเตียง”

 

 

“คุณหนานกงเยี่ย คุณมันโรคจิต”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเอียงตัวหลบ ทว่าหนานกงเยี่ยกลับคว้าตัวเธอไปกอด จากนั้นอุ้มเธอขึ้นไปบนเตียง พร้อมกับเลื่อนมือไปปิดไฟ ทำให้ภายในห้องมืดสนิท

 

 

ท่ามกลางความมืด ผ้าห่มขนาดใหญ่คลุมตัวทั้งสองคนเอาไว้ ชุดนอนทั้งสองชุดลอยอกมา พวกเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งใจตรงกัน

 

 

*****

 

 

เข้าสู่ช่วงปีใหม่ สังคมชั้นสูงได้มีการจัดงานเลี้ยงขึ้นวันที่ 23 เดือนธันวาคม พวกเขามาเจอกันเนื่องในโอกาสต้อนรับเทศกาลปีใหม่ หนานกงเยี่ยคิดจะพาเหลิ่งรั่วปิงไปร่วมงาน

 

 

“ฉันไม่ไปได้ไหมคะ” เหลิ่งรั่วปิงยืนอยู่ตรงประตูห้องเสื้อผ้า เธอมองหนานกงเยี่ยเปลี่ยนชุดและขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย เธอไม่อยากไปร่วมงานเลี้ยงพวกนี้ เธอกำลังเร่งออกแบบผลงานของตนเอง

 

 

“ผู้ชายที่เข้าร่วมงานเลี้ยง ต่างควงผู้หญิงเข้าไปด้วย ถ้าคุณไม่ไปแล้วผมจะทำยังไง” หนานกงเยี่ยผูกเนคไท พร้อมกับพูดปฏิเสธ

 

 

“คุณสามารถหาดาราดังๆ สักคนไปกับคุณได้หนิคะ คนอย่างคุณหนานกงเยี่ยอยากจะหาผู้หญิงควงเข้างานเลี้ยง ฉันว่าพวกผู้หญิงมีแต่จะแย่งกันมาเป็นคู่ควงของคุณ”

 

 

มือของหนานกงเยี่ยที่กำลังผูกเนคไทหยุดนิ่ง สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เขาหันไปมองเหลิ่งรั่วปิงอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณอยากผลักไสไล่ส่งผมไปหาผู้หญิงคนอื่นมากขนาดนี้เลยหรอ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงไม่สนใจท่าทีโมโหของเขา เธอยืนพิงประตูแล้วพูดด้วยความขี้เกียจ “ไม่ว่าฉันจะผลักไสไล่ส่งหรือไม่ได้ผลักไสไล่ส่งคุณ ถึงเวลาที่ควรหาคู่ควงก็ต้องหาสิคะ ฉันห้ามไม่ได้สักหน่อย”

 

 

หนานกงเยี่ยหงุดหงิด เธอไม่เคยห้ามเรื่องนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังผลักเขาออกไปจากชีวิต!

 

 

หนานกงเยี่ยลดมือลง เดินไปหาเหลิ่งรั่วปิง “แล้วคุณจะห้ามหรือไม่ห้ามผมล้ะ” หลังจากได้เจอกับเธอ เขาไม่เคยคิดจะมีผู้หญิงคนอื่นอีกเลย ต่อให้เขามีความคิดที่อยากจะไปหาผู้หญิงคนอื่น ขอแค่เธอห้ามเขาก็พร้อมจะกลับมาหาเธอ แต่ว่า…

 

 

“ฉันไม่ห้ามคุณหรอกค่ะ”

 

 

“เหลิ่งรั่วปิง!”หนานกงเยี่ยจับหัวไหล่ของเหลิ่งรั่วปิงอย่างแรง “คุณคิดว่าผมไม่กล้าทำอะไรคุณใช่ไหม”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก “ไปร่วมงานเลี้ยงสังคมชั้นสูงกับคุณ คนอื่นมีแต่มองมาที่ฉันด้วยสายตาดูถูก อีกทั้งยังมีผู้หญิงมากมายต้องการเข้าหาคุณ ถึงเวลาฉันคงถูกผู้หญิงพวกนั้นเหยียบตายแล้ว” เงียบไปพักหนึ่ง “ฉันยังไม่ลืมนะคะว่าเมื่อคราวที่แล้วลู่หวาหนงทำอะไรกับฉันไว้บ้าง”

 

 

“หึๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ “คุณเก่งขนาดนี้ แต่กลับกลัวผู้หญิงพวกนั้นเนี่ยนะ สิ่งที่คุณทำกับลู่หวาหนงเมื่อคราวที่แล้วยังไม่อนาถมากพออีก?” เขายังไม่ลืมว่าเธอจัดการกับผู้ช่วยทั้งสองคนยังไงในวันแรกที่มาทำงาน คนที่โหดเหี้ยมแบบเธอยังจะถูกคนอื่นเหยียบตาย?

 

 

เหลิ่งรั่วปิงมองบน เธอนึกถึงลู่หวาหนง ยัยนั่นต้องการทำให้เธออับอายแต่สุดท้ายกลับทำให้หนานกงเยี่ยโมโห เส้นทางชีวิตของเธอในวงการบันเทิงจึงจบลง น่าอนาถจริงๆ เมื่อคราวที่แล้วเจอลู่หวาหนงที่เมืองเฟิ่ง เหลิ่งรั่วปิงเพิ่งรู้ว่าลู่หวาหนงกลายเป็นผู้หญิงของจั่วเยี่ยนเหา หลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวคราวของเธออีก ไม่รู้ว่างานเลี้ยงในคืนนี้จั่วเยี่ยนเหาจะพาเธอมาด้วยไหม

 

 

เหลิ่งรั่วปิงถอนหายใจ “ฉันไม่ได้ติดค้างอะไรผู้หญิงพวกนั้นสักหน่อย ทำไมฉันต้องมาทนกับผู้หญิงพวกนั้น ทว่าถ้าคุณหนานกงเล็งผู้หญิงคนไหนเอาไว้ ช่วยบอกฉันก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันที่เพิ่งได้รับความรักจากคุณ อาจทำให้คุณโมโหก็ได้”

 

 

นานกงเยี่ยกอดเอวเหลิ่งรั่วปิง “ขอแค่มีคุณผมก็ไม่มองผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม แกล้งทำเหมือนไม่ใส่ใจ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณเคยเตือนฉัน อวี้หลานซีกับฉันไม่เหมือนกัน เวลาที่ฉันพูดกับเธอต้องระวังคำพูด ดังนั้นเพื่อระวังไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ทางที่ดีที่สุดคุณอย่าให้ฉันกับเธอเจอกัน เพราะถ้าฉันเกิดพูดอะไรผิดไป อาจทำร้ายจิตใจเธอได้”

 

 

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่าเหลิ่วรั่วปิงจะเป็นผู้หญิงเจ้าคิดเจ้าแค้น เรื่องนี้เขาพูดไปนานมากแล้ว แต่เธอยังเก็บใส่ใจ ความเป็นจริงสิ่งที่เขาพูดในตอนนั้นพูดเพราะความโมโห ตั้งแต่คืนแรกที่นอนกับเธอ เขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์ เธอไม่ได้แตกต่างจากอวี้หลานซี ตอนนี้เมื่อหวนคิดกลับไป เขารู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตนพูด บางที เขาเป็นคนทำให้เธอมีแต่ความทรงจำแย่ๆ ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมเปิดใจให้เขา ทในทางกลับกัรความอ่อนโยนและอบอุ่นที่ไซ่ตี้จวิ้นมีให้เธอในเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วัน จึงทำให้เธอคิดถึง

 

 

 “เรื่องนี้ผ่านไปนานมากแล้ว ลืมมันไปเถอะนะ?” เขารับปากว่าจะไม่พูดจาทำร้ายจิตใจเธออีก

 

 

จู่ๆ หนานกงเยี่ยก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกดีขึ้นมา เธอเพิ่งสังเกตว่าตนเองกลายเป็นคนใจแคบ ความใจกว้างและสง่างามของตนหายไปไหน ตั้งแต่คบกับหนานกงเยี่ย เธอรู้สึกว่าตนเองยิ่งอยู่ยิ่งไม่เหมือนเดิม

 

 

“คราวหน้าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก” มือทั้งสองข้างของเขาดันประตูเอาไว้ จากนั้นโอบกอดเธอ “ตอนนี้คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวของผม ถ้าคุณไม่ไปกับผมแล้วใครจะไปครับ” เงียบไปสองวินาที “เด็กดี คุณอย่าดื้อเลยนะ เดี๋ยวผมให้ช่างมาแต่งหน้าให้”

 

 

พูดจบ หนานกงเยี่ยต่อสายภายในของวิลล่า บอกให้ช่างแต่งหน้าที่รออยู่ด้านล่างขึ้นมา

 

 

หนึ่งนาทีหลังจากนั้น ช่างแต่งหน้าผู้หญิงหน้าตาดีเดินเข้ามา ในมือของเธอมีกล่องเครื่องสำอางค์ ด้านหลังมีผู้ช่วยสองคน พวกเธอเดินเข็นราวที่มีชุดเดรสแขวนเอาไว้เข้ามา บนราวมีเดรสกว่า10ตัว

 

 

“คุณชายเยี่ย คุณเหลิ่ง” ช่างแต่งหน้าคลายยิ้ม โค้งตัวลง

 

 

“อื้ม เริ่มกันเถอะ” หนานกงเยี่ยพยักหน้า แล้วหันไปพูดกับเหลิ่งรั่วปิง “ผมรอคุณที่ชั้นล่างนะ”

 

 

พูดจบ หนานกงเยี่ยเดินไปชั้นล่าง นั่งอ่านเอกสารที่ห้องรับแขกเพื่อรอเธอด้วยความใจเย็น

 

 

เหลิ่งรั่วปิงจนปัญญา ทำได้แค่ปล่อยให้ช่างแต่งหน้าประโคมเครื่องสำอางค์

 

 

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เหลิ่งรั่วปิงที่แต่งหน้าเสร็จเดินลงจากชั้นบน หนานกงเยี่ยวางเอกสารในมือลงแล้วเงยหน้าขึ้น วินาทีนั้น เขารู้สึกหายใจลำบาก

 

 

วันนี้เหลิ่งรั่วปิงสวยเหมือนนางฟ้า เธอสวมชุดเดรสสีดำยาวลากพื้น ทำให้เผยความสง่าเหมือนหงส์ดำ ผิวของเธอขาวละเดียด ออร่าเปล่งประกาย คอระหงเข้ากับสร้อยขอมุกราคาแพง ภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่าง ทำให้เธอดูสวยมาก ผมยาวสลวยของเธอรวบขึ้นสูง เผยให้เห็นคอระหงและใบหูที่งดงามเหมือนปฎิมากรรมชิ้นเอก สวยจนเกินบรรยาย

 

 

หนานกงเยี่ยเดินไปจับมือเธอด้วยความพอใจ เขาพูดเสียงเบา “คืนนี้คุณสวยมาก” จากนั้นหยิบผ้าคลุมขนสัตว์สีขาวในตู้เสื้อผ้าให้เธอด้วยตนเอง “ไปกันเถอะ”

 

 

ก่วนอวี้รออยู่ที่รถมานานแล้ว เมื่อเห็นหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงเดินออกมา เขาเดินขึ้นหน้าแล้วทำความเคารพ “คุณเหลิ่ง วันนี้สวยมากเลยครับ”

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเคยชินกับคำชมแล้ว ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วขึ้นรถ หนานกงเยี่ยจับมือของเธอเอาไว้ตลอดเวลา มือของเขาอุ่นมาก ทำให้เธอโหยหา

 

 

งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในวิลล่าหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าภาพในวันนี้คือจั่วเยี่ยนเหา

 

 

หนานกงเยี่ยพาเหลิ่งรั่วปิงเดินเข้าไปในงาน เขาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี จั่วเยี่ยนเหาที่เป็นเจ้าภาพในงานมาต้อนรับเขาเป็นคนแรก “ว้าว คุณชายเยี่ย เป็นเกียรติของผมที่คุณมาร่วมงาน”

 

 

ลู่หวาหนงยืนอยู่ข้างๆ จั่วเยี่ยนเหา ถึงแม้ออร่าดาราจะไม่จับแล้ว แต่เธอยังคงสวยมาก

 

 

หนานกงเยี่ยปรายตามอง “คุณจั่วอย่าเกรงใจเลยครับ เชิญตามสบาย”

 

 

“ครับๆๆ คุณเยี่ยต้องการอะไรบอกผมได้ตลอดนะครับ” นับตั้งแต่จั่วเยี่ยนเหาเจอกับหนานกงเยี่ย ลำตัวของเขาไม่เคยยืนตรงมาก่อน เขาอ่อนน้อมและถ่อมตนเหมือนแมว

 

 

ลู่หวาหนงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น เล็บยาวจิกเข้าไปที่เนื้อ ผู้ชายที่เธอต้องการคือผู้ชายอย่างหนานกงเยี่ย ไม่ใช่ไอ้แก่ตัณหาอย่างจั่วเยี่ยนเหา เวลานี้ เธอเห็นเหลิ่งรั่วปิงยืนอยู่ข้างๆ หนานกงเยี่ย ไฟริษยาในตัวของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เธอยังไม่ลืมความอับอายของตนเองที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ

 

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่เหลิ่งรั่วปิงจะสังเกตเห็นความเกลียดแค้นในแววตาของลู่หวาหนง แต่เธอไม่ได้สนใจ เธอไม่เคยเห็นลู่หวาหนงอยู่ในสายตาอยู่แล้ว อยากจะเป็นศัตรูของเธอ ลู่หวาหนงยังไม่มีสิทธิ์นั้น ขอแค่เธอต้องการ ก็สามาถหักคอยั่ยนี่ได้ตลอดเวลา