ตอนที่ 90 : สุสานใต้ดิน

ยังไงซะสกังค์พวกนี้ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เพราะพวกเขาอยู่ห่างจากมันมาก หวังเย่าระดมยิงแบบไม่ยั้ง เมื่อความลนลานคืบคลานเข้ามาก็ทำให้พวกสกังค์พากันตดออกมา มันปล่อยควันสีเหลืองออกมาจากก้นก่อนที่พวกมันจะพากันแยกตัวกันหนี  จากนั้นหวังเย่าก็เห็นว่ามีสัตว์อสูรที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินทนไม่ไหว รีบพุ่งออกมาจากรัง ก่อนที่จะหนีหายไป

หวังเย่าขมวดคิ้ว เขาไม่อยากจะสูดควันพวกนี้ เขาจึงรีบดึงหน้ากากออกมาก่อนจะเปิดการทำงานอากาศของหมวกทันที

ยังไงซะชุดระดับ B ก็มีอากาศสำรองให้ พวกทหารรับจ้างได้เจอกับสถานการณ์พิเศษที่ทำให้ขาดอากาศหายใจ ดังนั้นมนุษย์จึงได้สร้างชุดที่มีอากาศสำรองที่สามารถหายใจได้ 1 ชั่วโมง

หวังเย่าและการ์ฟิลด์ยังคงโจมตีต่อ ยังไงซะเขาก็ไม่ได้ใช้พลังหรือกระสุนไปมากนัก

ไม่นานพวกสกังค์ก็พากันแยกย้ายกันหนี บางตัวได้กินลูกปืนไปพร้อมกับแผลติดตัวไปตลอดชีวิต

ตอนนั้นการ์ฟิลด์ก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา มันไม่อาจจะยืนอยู่ที่นั่นต่อได้เพราะตดของสกังค์นั้นเหม็นเกินไป จนมันไม่อาจจะหายใจได้

หวังเย่าได้เก็บการ์ฟิลด์เข้าไปในกำไลอสูร แม้ว่าจะไม่มีใบมีดลมของการ์ฟิลด์คอยช่วย แต่หวังเย่าก็ไม่ได้หยุดสู้ เขายังคงยิงต่อไปเรื่อย ๆ พร้อมกับวิ่งหนีออกมา  เขาปิดการทำงานของหน้ากากก่อนจะไปซ่อนตัวแล้วเล็งไปที่เป้าหมาย

หลังจากที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อที่จะจัดการกับสัตว์อสูร พลังของกระสุน, ขนาดและวัสดุของมันก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก

ปืนไรเฟิลที่เขาใช้นั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก แต่กระสุนของมันใหญ่กว่ากระสุนทั่วไป  หัวกระสุนนั้นสามารถระเบิดออกและสร้างความเสียหายได้

หวังเย่าเล็งอย่างดีก่อนจะลั่นไกออกไป  กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกปืนด้วยเสียงที่ดัง มันพุ่งตัดผ่านระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร และยิงเข้าใส่สกังค์ที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ มันกรีดร้องออกมาทันที

การยิงนี้ทำให้ป่าได้กลับมาเงียบอีกครั้ง

จากนั้นสกังค์ตัวอื่น ๆ ก็เริ่มที่จะหนีไปต่อ หวังเย่ารู้ว่าสกังค์ที่เขายิงนั้นเลเวลแค่ 30 และมีกะโหลกบาง จึงทำให้การยิงนี้ดูทรงพลัง และทำให้สกังค์ตัวอื่น ๆ หวาดกลัวจนไม่กล้าจะอยู่ต่อ

แม้ว่าจะขับไล่พวกน่ารำคาญนี่ได้แล้ว แต่หวังเย่าก็ไม่ใช่คนใจกว้าง เขาอยากตามไปฆ่าพวกมันเพื่อสั่งสอนบทเรียนที่พวกมันไม่อาจจะลืมเลือน

โชคดีที่สกังค์พวกนั้นเหมือนจะมีรัง ตอนที่พวกมันหนี พวกมันก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน

หวังเย่าตามไปติด ๆ แม้ว่าจะคลาดสายตากับมัน แต่ด้วยสกิลเนตรอัคคีก็ทำให้เขาไม่ต้องกลัวว่าจะตามพวกมันไม่ได้

หลังจากที่ไล่ตามมากว่า 30 นาที ตอนนั้นเองเขาก็ไม่เห็นร่องรอยของพวกสกังค์

“ต้องเป็นที่นี่แน่ ๆ ”  หวังเย่ามองไปรอบตัวเพื่อหาร่องรอยในอดีต สกิลนี้สามารถทำให้มองเห็นร่องรอยใน 10 นาทีที่ผ่านมาได้

“นั่นไง”  หวังเย่าเดินไปที่หินก้อนใหญ่ก่อนจะมองลงไปแล้วพบกับรู รูหนึ่ง

“นี่ต้องเป็นรังของมันแน่ ๆ ”  หวังเย่าตื่นเต้นขึ้นมา แม้ไม่รู้ว่าพวกนี้จะเจ้าเล่ห์ขุดหลุมไว้หลอกรึเปล่า แต่มันก็คุ้มที่จะลอง

ดังนั้นหวังเย่าจึงได้เผากิ่งไม้โยนลงไปแล้วปิดปากหลุมเอาไว้

ควันนั้นจะทำให้พวกสัตว์อสูรสลบได้เร็วขึ้น

หลังผ่านไป 1 นาที หวังเย่าก็ได้ยินเสียงร้องดังออกมาจากหลุม สกังค์ตัวหนึ่งวิ่งออกมาที่ปากรูและพยายามผลักหินที่ปิดปากรูออก

หินขยับเล็กน้อย แต่หวังเย่ายังกดเอาไว้แน่น สุดท้ายแรงผลักก็อ่อนแอลง หวังเย่าเข้าใจว่ามันอาจจะหนีไปทางอื่นหรือไม่ก็สลบไปแล้ว

เขารออยู่นานกว่า 3 นาทีก่อนที่จะเอาหินออกแล้วเปิดการทำงานของหน้ากากพร้อมกับใช้สกิลเนตรอัคคีแล้วเข้าไปในรูนั้น

สกังค์พวกนี้ไม่ได้มีขนาดเล็ก รูที่พวกมันขุดไว้ก็ใหญ่พอตัว ตราบใดที่หวังเย่าก้มหัวลงก็พอเดินอยู่ด้านในได้

“มันอ่อนแอจริง ๆ ”  หวังเย่าเดินมาไม่กี่ก้าวก็พบกับพวกสกังค์ที่นอนสลบอยู่ที่พื้น

หวังเย่าเอาปืนสั้นออกมาก่อนจะยิงไปที่หัวของสกังค์แต่ละตัว หัวของมันระเบิดออก เพราะตดที่เหม็นของพวกมัน หวังเย่าจึงไม่คิดจะแตะต้องพวกมัน ดังนั้นวัตถุดิบและชิ้นส่วนต่าง ๆ ของพวกมันรวมถึงลูกปัดพลังเขาก็ไม่คิดจะเก็บมา

หลังจากที่จัดการพวกสกังค์แล้ว หวังเย่าก็เดินหน้าต่อ หลังจากที่เลี้ยวอยู่หลายครั้ง สุดท้ายเขาก็เห็นพวกสกังค์ที่บาดเจ็บ ตอนนี้พวกมันนอนสลบกันอยู่ที่พื้น

หวังเย่าไม่คิดจะปล่อยพวกมันไปและทำการฆ่าพวกมันทีละตัว ๆ

“มันยังเหลืออีก”  หวังเย่ามีตัวเลขในใจอยู่แล้ว เขาแค้นพวกนี้มากและคิดจะจัดการกับพวกนี้ให้หมดซาก

เขาเดินหน้าต่อไป

ไม่นานเขาก็ต้องทึ่ง  “ถ้ำนี้ลึกจริง ๆ ที่ฉันเดินมาเมื่อสักครู่เป็นแค่ทางเดินเท่านั้น”

หวังเย่าเริ่มสงสัยและเดินหน้าไปต่อ

5 นาทีต่อมาเขาก็ต้องคิ้วขมวดเมื่อพบทางลาดลงไป

ผลของควันคงไม่ส่งผลถึงที่นี่ ดังนั้นสกังค์ที่เหลือคงปลอดภัยอยู่แน่

หวังเย่ากัดฟันแน่นและตัดสินใจเดินหน้าต่อ หลังจากที่เดินลงทางชันนั้นมา เส้นทางข้างหน้าก็กว้างขึ้น เขาเห็นร่องรอยของมนุษย์ ที่สำคัญที่สุดคือร่องรอยเหล่านั้นเก่าแก่อย่างมาก

“ทางเดิน, ซากหินและร่องรอยพวกนี้…รวมถึงกลิ่นคนตาย”  หวังเย่าใจสั่นขึ้นมา  “ รึว่าฉันเข้ามาในสุสานแล้ว ? ”

เขาไม่กล้ามองข้ามเรื่องผี ถึงเขาจะกล้าหาญแต่เขาก็กลัวผี และไม่อยากจะเดินหน้าสำรวจต่อเพราะเรื่องนี้

“ไม่เอาน่า จะกลัวทำไม มันไม่มีผีในโลกนี้สักหน่อย”

เขาไม่อยากกลับไป ดังนั้นเขาจึงเรียกการ์ฟิลด์ออกมา ถ้ามีเพื่อนอยู่ด้วยก็พอใจชื้นได้บ้าง

เมื่อเดินผ่านทางเดินนั้นมาในที่สุดก็มาถึงด้านหน้าของสุสาน มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างคล้ายลาน นอกจากนี้ ประตูสุสานก็โดนทำลายไปแล้ว เมื่อดูจากร่องรอยที่เหลือก็น่าจะเป็นฝีมือของพวกสกังค์

หวังเย่ากลั้นหายใจและเดินหน้าต่ออย่างระมัดระวัง

หลังจากที่เข้ามาในสุสาน ก็มีรูปปั้นสิงโตหินและโครงกระดูกมนุษย์กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกที่ รวมไปถึงกระดูกและขนของสัตว์อสูรที่กองกันเป็นเนิน

หวังเย่ารู้ว่าพวกนี้คือเหยื่อของสกังค์ นี่คือซากที่พวกมันเหลือเอาไว้

ยิ่งกว่านั้นก็ยังมีกะโหลกมนุษย์อยู่ด้วย มันทำให้หวังเย่าโกรธยิ่งกว่าเก่า ความโกรธที่มีเอาชนะความกลัวในใจได้ เขาสาบานว่าจะต้องฆ่าสกังค์พวกนี้ให้หมด