“ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าก่อนหน้านี้ลูกชายของฉัน หลี่จิงเทียน ได้ขายบริษัทให้กับตระกูลอู๋ไป ซึ่งถ้าหากไม่ได้ฮ่าวหรานช่วยเอาไว้ล่ะก็ป่านนี้…”

ถึงแม้ว่าจะถูกทุกคนในตระกูลพูดทัดทาน หลี่ชงซานก็ยังคงตั้งใจแน่วแน่กับการตัดสินใจของเขาเองและพูดเหตุผลที่รองรับการตัดสินใจของเขาต่อไป

ทางด้านของหลี่จิงเทียน

เมื่อเขาได้ยินคำประกาศของพ่อเขาเช่นนี้ เขารู้สึกราวกับว่ามีฟ้าผ่าลงมาที่กลางศีรษะ!

นับจากนี้ อวี้ฮ่าวหรานจะได้รับตำแหน่งเป็นผู้ดูและบริษัทชงซานงั้นเหรอ?

ส่วนตัวเขาถูกปลดลงไปอยู่ตำแหน่งรองที่ปรึกษา?

ไอ้ตำแหน่งรองที่ปรึกษาอะไรนั่นมันคือตำแหน่งอะไรกัน? มันฟังดูเหมือนไม่มีอำนาจอะไรเลยไม่ใช่รึไง?

นี่…นี่มันไม่จริงใช่ไหม?

ต้องรู้เอาไว้ว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่ที่เขาโตขึ้นมาและได้รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ถึงแม้ว่าเขาจะเคยตัดสินใจผิดพลาดไปหลายครั้งแต่พ่อของเขาก็ยังไม่เคยดุด่าอะไรเขาเลย

แต่ตอนนี้ พ่อของเขากลับถอนเขาออกจากตำแหน่งให้ไปอยู่ในตำแหน่งบ้าบออะไรก็ไม่รู้เนี่ยนะ?

นี่มันเท่ากับยื่นบริษัทให้กับคนนอกเลยไม่ใช่เหรอไง?

“พ่อ! นี่…นี่มันไม่ถูกต้อง! พ่อจะทำแบบนี้ไม่ได้ ไอ้อวี้ฮ่าวหราน มันเป็นคนนอก ทำไมพ่อถึง…”

ก่อนที่หลี่จิงเทียนจะทันได้พูดจบประโยค หลี่ชงซานโบกมือ ขึ้นปรามและตวาดกลับ “แกหุบปากไปเลย! ในบรรดาทุกคนที่อยู่ที่นี่แกคือคนที่ไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นมากที่สุด!” แค่เขานึกถึงว่าก่อนหน้านี้ลูกชายของเขาขายบริษัทให้กับตระกูลอู๋ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขาไป เขาก็แทบอยากจะกระโดดข้ามโต๊ะไปฉีกอกลูกชายของเขาแล้ว!!

เมื่อหลี่จิงเทียนโดนพ่อของตัวเองตวาดใส่อย่างรุนแรง เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก เขานั่งลงก้มหน้ามองลงพื้นด้วยความขมขื่นและเดือดดาล

หลังจากประกาศการตัดสินใจไปแล้ว หลี่ชงซานจึงหันมามอง อวี้ฮ่าวหรานที่นั่งข้าง ๆ เขาอีกรอบและพูดว่า “ฮ่าวหราน หลังจากวันนี้ ไม่ว่าใครจะพูดอะไรว่ายังไง แต่จงจำไว้ว่าบริษัทชงซานถูกมอบให้ลูกแล้ว ลูกห้ามมอบมันต่อให้กับจิงเทียนเด็ดขาด”

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นสายตาอันแน่วแน่ของพ่อตาของเขาเอง

นี่คิดจะมอบบริษัทให้เขาจริง ๆ งั้นเหรอ?

ให้เขาดูแลบริษัทเนี่ยนะ?

นี่มันไม่ใช่หน้าที่ ๆ ง่ายเลย! และอีกอย่างเขาไม่อยากจะเอาของ ๆ คนอื่นมาแบบนี้!

“บริษัทชงซานเป็นของตระกูลหลี่มาโดยตลอด ผมคิดว่ามันคง ไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะยกให้ผมแบบนี้ และอีกอย่างผมไม่ถนัดเรื่องการดูแลบริษัทสักเท่าไหร่”

หลี่ชงซานส่ายหัวทันที “เรื่องนั้นลูกไม่ต้องกังวล ต่อให้ตอนนี้ลูกจะไม่ถนัดในการบริหารบริษัทแต่ทุกอย่างมันเรียนรู้กันได้พ่อเชื่อว่า ลูกทำได้ หรือถ้าลูกไม่เข้าใจอะไรตรงไหน ลูกสามารถมาปรึกษาพ่อได้ตลอดเวลาและไม่ต้องไปสนใจคำพูดของคนอื่นที่ต่อต้าน คนเหล่านั้นไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรในบริษัททั้งนั้นนับจากนี้ มีแต่ลูกคนเดียวที่มีสิทธิ์ตัดสินใจทั้งหมด!”

เมื่อพูดจบ หลี่ชงซานพยักหน้าให้กับอวี้ฮ่าวหรานด้วยแววตา แน่วแน่จากนั้นเขาถึงนั่งลง

ตอนนี้ในใจของเขายอมรับสายตาของลูกสาวของเขาทั้งสองคนจริง ๆ ที่มองเห็นความสามารถของอวี้ฮ่าวหรานในตอนที่เขามองไม่เห็นอะไรเลย

เขาไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าโชคชะตาจะนำพาลูกเขยที่แสนวิเศษมา ให้เขาแบบนี้

หลี่หรงซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ มองพ่อเธอด้วยอาการอ้าปากค้างเพราะความตกตะลึง ต้องรู้ว่าบริษัทชงซานนั่นใหญ่กว่าบริษัทของเธอหลายสิบเท่า แถมยังนับว่าเป็นบริษัทที่เป็นเสาหลักของตระกูลอีกต่างหาก

มันหลายปีมากแล้วที่บริษัทชงซานอยู่ภายใต้อำนาจของหลี่จิงเทียน ซึ่งแม้แต่ลูกสาวอย่างเธอยังไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปเป็นบอร์ดบริหารด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้จู่ ๆ พ่อของเธอกลับมอบให้อวี้ฮ่าวหรานดูแลทุกอย่างแบบง่าย ๆ ซะงั้น?

นี่มันแสดงให้เห็นว่าพ่อของเธอยกระดับอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้ สูงมาก ๆ เลยทีเดียว

หลี่หรงอดไม่ได้ที่จะแอบตื่นเต้นอยู่ในใจ

พี่สาว! ฉันอยากให้พี่ได้มาเห็นพี่เขยตอนนี้จริง ๆ ตอนนี้พี่เขยกับพ่อของเราเข้ากันได้ดีแล้ว แถมตระกูลอู๋ทำอะไรพวกเราไม่ได้แล้วอีกต่างหาก!

นอกเหนือจากที่หลี่หรงดีใจกับอวี้ฮ่าวหราน เธอยังดีใจกับตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะการที่พี่เขยของเธอเข้ากันได้ดีกับพ่อของเธอแบบนี้มันก็หมายความว่าต่อไปนี้เธอสามารถมาหาพ่อของเธอได้บ่อย ๆ ตามที่ใจเธอนึกได้แล้ว

ในระหว่างที่ใครหลายคนในห้องโถงกำลังตกตะลึงและไม่พอใจ จู่ ๆ เสียงเล็ก ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างเบิกบาน

“เย้! พ่อของหนูสุดยอดที่สุด! นับจากนี้พ่อหนูสามารถซื้อไอศกรีมให้หนูได้มากกว่าเดิมแล้ว!”

ถึงแม้ว่าถวนถวนจะไม่เข้าใจว่าบริษัทชงซานใหญ่แค่ไหนหรือ มันวิเศษยังไง แต่เด็กน้อยก็พอจะเดาได้ว่านับจากนี้พ่อของเธอจะรวยกว่าเดิมแน่นอน

เมื่อเห็นลูกสาวของตัวเองแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม อวี้ฮ่าวหราน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะตาม

ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะรับบริษัทชงซานมาดูแล

มันก็ถูกอย่างที่หลี่ชงซานบอก ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่รู้เรื่องการบริหารบริษัท แต่ของแบบนี้มันเรียนรู้กันได้!

เขาเคยเป็นถึงจักรพรรดิเทพของสวรรค์ชั้น 33 มาแล้ว กับอีแค่บริหารบริษัทธรรมดา ๆ เขาจะดูแลมันไม่ได้ ได้ยังไง?

และยิ่งไปกว่านั้น เขายังต้องการช่องทางหาเงินเพื่อมาซื้อทรัพยากรที่ใช้ในการบ่มเพาะ ซึ่งในโลกนี้มันมีแค่พวกของเก่าเท่านั้น

ต้องรู้ว่าพวกของเก่าทั้งหลายนั้นมีราคาสูง ต่อให้ตอนนี้เขาจะมีเงินอยู่สิบกว่าล้านในบัญชีมันก็ไม่ได้นับว่ามากอะไรเลย

มันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องขยายช่องทางหาเงินนอกเหนือจากหวังพึ่งแต่เฉิงกัวอัน!

ทางด้านของบรรดาสมาชิกตระกูลหลี่ ถึงแม้ว่ามีหลายคน ที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ของหลี่ชงซาน แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าผู้นำตระกูลของพวกเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แถมเมื่อคิดถึงการให้หลี่จิงเทียนมีอำนาจในบริษัทต่อเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แต่นั่งลงไปอย่างเงียบ ๆ

ส่วนบรรดาบางคนที่มีสัมพันธ์ที่ดีกับหลี่ชงซาน พวกเขาต่าง เดินเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหรานและหลี่ชงซานพร้อมกับพูดจาอวยพร

“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้จักฮ่าวหรานสักเท่าไหร่นัก แต่ฉันมั่นใจในการตัดสินใจของพี่ชงซาน อย่างน้อย ๆ ฉันเห็นด้วยว่าฮ่าวหรานดีกว่าจิงเทียนหลายเท่า!”

“ฮ่าฮ่า ถูกต้อง! ยินดีด้วยนะฮ่าวหราน นับจากนี้ไปหากอยากได้คำปรึกษาอะไรก็แวะมาปรึกษาลุงได้ที่บริษัทอวี้หรานของลุงได้ทุกเมื่อ”

“ยินดีด้วย ๆ ฮ่าวหราน ป้าแน่ใจว่านับจากนี้เมื่อบริษัทชงซาน อยู่ในความดูแลของหลาน ตระกูลหลี่ของเราจะต้องรุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิมแน่นอน!”

“…”

ในตอนนี้บรรดาคนของตระกูลหลี่ไม่มีคำพูดจาถากถางดูถูก อวี้ฮ่าวหรานอีกแล้ว พวกเขามีแต่แสดงท่าทางเคารพและประจบประแจง

เนื่องจากตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานได้กลายมาเป็นผู้คุมบังเหียนบริษัท ที่ใหญ่ที่สุดในตระกูลแล้ว ซึ่งมันหมายถึงว่าเขามีอำนาจในตระกูลมากที่สุดรองจากผู้นำตระกูลแค่นั้น

มันพูดได้อีกอย่างว่านับจากนี้ไปทุกคนในที่นี่จะต้องพึ่งพาอวี้ฮ่าวหรานไม่มากก็น้อย

หลังจากสนุกกับงานเลี้ยงไปได้อีกพักใหญ่ อวี้ฮ่าวหรานก็ขอตัวกลับก่อนพร้อมกับพาหลี่หรงและถวนถวนกลับด้วย

สำหรับเขา ห้องคอนโดที่เขาเคยอาศัยอยู่กับหลี่เม่ยคือที่ ที่เขาชอบใช้เวลาอยู่มากที่สุด ไม่ใช่งานเลี้ยงที่เอะอะวุ่นวาย