ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้ว
“โกงหรือ เจ้าหมายความว่าข้าแอบดูวิธีของซือถิงเพื่อแก้ค่ายกลนี้หรือ กู้หมิงจู ข้าและซือถิงต่างอยู่ในสายตาของอาจารย์ตงฟัง หากตุกติกจริงก็ต้องถูกจับได้น่ะสิ เจ้าพูดแบบนี้เจ้าสงสัยว่าอาจารย์ตงฟังจงใจแอบช่วยข้าปกปิดอย่างนั้นหรือ”
ตงฟังชิงชมวดคิ้วมองกู้หมิงจู
“กู้หมิงจู ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาก่อความวุ่นวาย!”
“ข้าไม่ได้ก่อความวุ่นวายนะเจ้าคะ!”
เมื่อกู้หมิงจุพูดคำนั้นออกไปแล้วก็นึกเสียใจทีหลัง การที่พูดออกไปต่อหน้าอาจารย์ตงฟังเช่นนั้น มันจะไม่เป็นลำบากตัวเองหรอกหรือ
แต่ในเมื่อพูดไปแล้วจะทำอย่างไรได้
นางกัดฟันแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความคับแค้นใจ
“อาจารย์ตงฟัง ท่านไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ ทำไมพอซือถิงแก้ได้ฉู่หลิวเยว่ก็ทำตามได้ทันที มันไม่แปลกเกินไปหรือเจ้าคะ”
ทุกคนต่างหันมามองหน้ากัน และมีหลายคนที่สงสัยคล้อยตามกู้หมิงจู
ตงฟังชิงโกรธจนหัวเราะประชด
“กู้หมิงจู เจ้าไม่ได้มาเรียนที่นี่แค่ครั้งสองครั้ง ตกลงว่าสามารถโกงได้หรือไม่ เมื่อเห็นคนข้างๆ ว่าแก้ค่ายกลอย่างไร พวกเจ้าเองก็รู้ดีแก่ใจไม่ใช่หรือ”
บรรยากาศภายในห้องเงียบไปชั่วขณะ
จริงอยู่ที่แม้ว่าทุกคนจะนั่งติดกัน แต่อันที่จริงตำแหน่งที่นั่งแยกจากกันด้วยระยะห่างที่ชัดเจน และไม่ง่ายเลยที่จะเห็นกระดานของเพื่อนข้างๆ
ที่สำคัญกว่านั้น กระดานหมากรุกนี้มีไว้เพื่อฝึกความสามารถในการแก้ค่ายกลให้กับพวกเขา โดยปกติแล้วมีเพียงเฉพาะคนที่อยู่ข้างหน้ากระดานเท่านั้นที่มองเห็นได้ชัดเจน ถ้ามองจากทิศทางอื่นก็เห็นได้เพียงแสงและเงาที่พร่ามัว
แม้ว่าฉู่หลิวเยว่และซือถิงจะอยู่ข้างกัน ทว่าจากมุมมองตำแหน่งของฉู่หลิวเยว่ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้จริงๆ
ซือหยางยิ้มกว้างและกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“กู้หมิงจู เจ้าเองก็อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งของพี่ชายข้ามากนัก และเจ้าก็เห็นว่าเขาเดินหมากอย่างไรเมื่อเจ้าเงยหน้าขึ้นมอง ทำไมเจ้าถึงแก้ค่ายกลนี้ไม่ได้สักทีล่ะ หืม”
กู้หมิงจูหน้าแดงและพูดอะไรไม่ออก
“ถึงแม้ว่าข้าไม่อยากยอมรับ แต่นางมีพรสวรรค์จริงๆ! เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสซุนและคนอื่นๆ จะถูกหลอกง่ายๆ อย่างนั้นรึ ฮึ่ย!”
ซือหยางจำได้แม่นว่าผู้อาวุโสซุนชื่นชมฉู่หลิวเยว่นนั้นมากแค่ไหน
เขาไม่เชื่อในตอนแรก ภายหลังได้ตระหนักว่าคนธรรมดาไม่สามารถฉู่หลิวเยว่ได้จริงๆ
เขาเทียบไม่ได้ กระนั้นเขายินดีที่จะยอมรับว่านางเป็นผู้ที่เก่งกาจมีความสามารถ แล้วเขาเหมือนกู้หมิงจูตรงไหน
“กู้หมิงจู เจ้าคงแพ้ไม่เป็นหรอกกระมัง”
กู้หมิงจูถลึงตาใส่ซือหยาง
“เจ้าหุบปากไปซะ!”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะจนหายใจไม่ทัน
“คุณหนูรองตระกูลกู้มีฐานะสูงส่ง ต้องไม่ใช่คนผิดคำพูดแน่นอน เมื่อครู่นี้ทุกคนในที่นี้ต่างได้ยินชัดเจนว่าเจ้าเอ่ยถึงแผนที่ค่ายกลสองอันนั้น หากคุณหนูรองกู้ผิดสัญญา เช่นนั้นก็คงไร้ยางอาย…”
“เจ้าหาว่าใครไร้ยางอายฮะ!” ทำไมกู้หมิงจูจะไม่รู้ว่าฉู่หลิวเยว่กำลังหลอกด่านางอยู่ นางจึงรีบสวนกลับทันที
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาด้วยความตกใจ
“คุณหนูรองกู้พูดแบบนี้หมายความว่าไง จะไม่ให้ของเดิมพันข้าจริงๆ หรือ”
กู้หมิงจูโมโหเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่หลิวเยว่พูดมาขนาดนี้แล้ว นางจะค้านอะไรได้อีก
นางหันไปมองตงฟังชิงอย่างอดไม่ได้ แล้วก็เห็นว่าเขามีสีหน้าเหลืออดเหลือทนเต็มที นางรู้ดีหากยังดันทุรังวุ่นวายต่อไป จะไม่เป็นผลดีกับตัวเองแน่
“ก็แค่แผนที่ค่ายกลสองอันเอง เจ้าเอาไปซะ!”
นางกำมือแน่นบนกระดานหมากรุก แทบจะกลั้นความโกรธในใจไว้ไม่อยู่ และในขณะเดียวกันนางก็กำลังคิดว่าจะกลับบ้านไปสารภาพกับคนในตระกูลอย่างไรดี
พูดได้เลยว่าถ้าประมุขตระกูลรู้ว่านางแพ้พนันแล้วเอาของพวกนี้ให้ใครก็คง…
“คุณหนูรองกู้ช่างใจกว้างจริงๆ เช่นนั้นหลิวเยว่ก็ต้องขอขอบใจมากๆ”
ถึงแม้ฉู่หลิวเยว่จะไม่สนใจอยากได้แผนที่ค่ายกลสองอันนั้น แต่ในเมื่ออีกฝ่ายรนหาที่เอง ทำไมนางจะไม่รับเอาไว้ล่ะ
เมื่อพูดจบฉู่หลิวเยว่ก็หันไปมองทางตงฟังชิง
“อาจารย์ตงฟัง ข้าสามารถเลิกเรียนได้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
เดิมทีตงฟังชิงต้องการคุยกับนางสักหน่อย แต่ดูเหมือนว่านางต้องการจะไปตั้งนานแล้ว เขาจึงไม่ได้บังคับให้นางอยู่ต่อและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ได้สิ”
“ขอบคุณอาจารย์ตงฟังมากเจ้าค่ะ”
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่พูดจบ นางก็เก็บข้าวของลวกๆ แล้วเดินออกไป
ซือถิงก็แทบจะกล่าวลาอาจารย์ตงฟังพร้อมๆ กัน แล้วเดินตามฉู่หลิวเยว่ออกมาทันที
กู้หมิงจูมองหลังของทั้งคู่ที่หายลับไป ทำได้เพียงกัดฟันกรอดๆ แล้วทุบกระดานหมากรุกด้วยความโกรธเกรี้ยว
นังแพศยา!
…
“เจ้าออกมาพร้อมกับข้า เดี๋ยวก็หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ข้าอีก”
คิ้วคมเข้มของซือถิงขมวดเล็กน้อย
“ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน แต่ข้ากับกู้หมิงจูไม่มีอะไรกันจริงๆ นะ”
เขารู้ว่ากู้หมิงจูมีใจให้กับเขา กระนั้นทั้งสองคนไม่เคยพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว และเขาไม่รู้ว่ากู้หมิงจูจะจงใจหาเรื่องฉู่หลิวเยว่ในวันนี้
เห็นชัดว่าฉู่หลิวเยว่ฉลาดเป็นกรด มองสกานการณ์ได้ทะลุปรุโปร่ง
แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกประหม่ากลัวว่าฉู่หลิวเยว่จะเข้าใจผิด แล้วก็แอบมีความหวังอยู่ลึกๆ อย่างอธิบายไม่ได้
“นี่มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับข้าตรงไหน”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้ามองชายหนุ่มรูปงาม ด้วยรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ทำให้มีสาวๆ มาพัวพันได้อย่างง่ายดาย
นางไม่สนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ถ้าหากกระทบมาถึงนาง เช่นนั้นก็คงไม่ดีแน่ๆ
“แต่ถึงกระนั้นข้าก็หวังว่าต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ดังนั้นหากไม่มีธุระด่วนอะไร พวกเราไม่ต้องไปมาหาสู่กันจะดีกว่า”
น้ำเสียงของหญิงสาวตรงหน้าที่ฟังดูสุภาพและห่างเหินนั้นกลับทำให้ซือถิงรู้สึกราวกับโดนน้ำเย็นหนึ่งกะละมังใหญ่สาดใส่หน้า
ริมฝีปากของเขาขยับราวกับว่าเขาต้องการจะอธิบาย แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาจะอธิบายด้วยสถานะอะไร
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่พูดจบ นางก็ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าแล้วพูดลอยๆ ว่า
“แต่ถึงยังไง วันนี้ข้าก็ต้องขอบใจเจ้ามาก”
ซือถิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางทางนาง
“ข้าสัญญาว่าต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่ข้ามีคำถามด้วย หวังว่าเจ้าจะสามารถตอบได้”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเพื่อเปิดทางให้เขาถาม
ซือถิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจ้องไปที่นัยน์ตาดำขลับของฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เจ้าสามารถแก้โจทย์ค่ายกลด่านที่สองได้ตั้งแต่แรกแล้ว ใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่มองเขาด้วยความสนใจ แล้วย้อนถามกลับไปว่า
“เจ้าก็เหมือนกันมิใช่หรือ”
ซือถิงถึงกับพูดไม่ออก
เขาอุตส่าห์ปกปิดอย่างมิดชิด แม้แต่ตงฟังชิงก็ยังไม่สังเกตเห็น ทว่า…ฉู่หลิวเยว่สังเกตเห็นมันทั้งหมดได้ในทันที!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกมานานแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติกับซือถิงและในที่สุดนางก็สังเกตเห็นเมื่อพวกเขาได้เข้าเรียนด้วยกันในวันนี้
…เขาก็ซ่อนความสามารถและความแข็งแกร่งของตนเอาไว้จริงๆ ด้วย!
แม้ว่านางจะไม่ทราบเหตุผล ทว่าฉู่หลิวเยว่ก็ไม่สนใจที่จะเซ้าซี้ถามต่อไป
“แล้วเจ้าล่ะ…ใช้เวลานานเท่าไหร่” ซือถิงไม่ปฏิเสธ เขาจ้องตาฉู่หลิวเยว่กลับแล้วถามด้วยความสงสัย
ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มมุมปากแล้วเดินผ่านเขาไป
“ข้าตอบคำถามเดียวที่ว่าของเจ้าไปแล้ว ที่เหลือ ข้าคงบอกไม่ได้”
เมื่อซือถิงหันหลังไปมองก็เห็นว่าหญิงสาวร่างเพรียวระหงได้เดินจากไปแล้ว
…
กว่านางจะกลับมาถึงบ้านฟ้าก็มืดสนิทเสียแล้ว
ทันทีที่นางเข้าประตูมา นางหยุดฝีเท้าทันทีเพราะสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง จากนั้นนางก็ชักมีดบินออกมาแล้วหันตัวขว้างมีดด้วยความรวดเร็ว
“ใคร!”
ข้อมือของนางถูกมือใหญ่ที่ทั้งอบอุ่นและแข็งแรงจับเอาไว้ จากนั้นนางก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของเขาด้วยพลังมหาศาล
ฉู่หลิวเยว่สะดุ้งเฮือก เมื่อนางพลิกข้อมือก็เห็นว่ามีแสงสีเงินวูบไหวผ่านเข้ามา!
ขณะนั้นเอง กลิ่นหอมเย็นอันคุ้นเคยก็ทำให้นางหยุดชะงักการเคลื่อนไหว
“เยว่เอ๋อร์ นี่เจ้าจะฆาตกรรมสามีของเจ้าหรือไง”
น้ำเสียงที่ฟังดูอ้อยอิ่งดังขึ้นที่ข้างหูนาง
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามที่ไม่ว่าผู้ใดต่างนึกอิจฉา
“หรงซิว!”