ตอนที่ 92 : อสูรกลืนแสง
“โลงศพนี้มีขนาดใหญ่แต่ก็ยังเล็กเมื่อเทียบกับขนาดของสัตว์อสูรตัวใหญ่ ๆ ” หวังเย่าคิดและวิเคราะห์
ตามหลักการแล้วขนาดของมิติต่าง ๆ และขนาดทางเข้านั้นจะสอดคล้องกัน หากทางเข้าใหญ่ นั่นก็หมายถึงมิติขนาดใหญ่ หากทางเข้าเล็ก นั่นก็หมายถึงขนาดมิติที่เล็ก
ดังนั้นดูจากทางเข้าของโลงศพนี้แล้ว มิติที่นั่นก็คงไม่ใหญ่มากนัก มันน่าจะเล็กกว่าเขตลับของภูเขานี้
ไม่ได้มีร่องรอยของคนมาที่นี่ ดังนั้นน่าจะมีสัตว์อสูรอยู่ในมิติแห่งนั้น
“มิติเล็กแบบนี้จะมีสัตว์อสูรมากเท่าไหร่กัน ? ” หวังเย่าไม่ได้คิดอะไรมาก
“ฉันต้องเข้าไปดู” หลังจากที่คิดอยู่สักพัก หวังเย่าก็ตัดสินใจในที่สุด
เขาได้เก็บการ์ฟิลด์และหงอคงเข้าไปในกำไล ก่อนจะกระโดดเข้าไปในโลงศพผ่านหลุมดำเล็ก ๆ
ตอนนั้นเองตัวเขาก็ถูกสูบเข้าไปในความมืดมิดราวกับตกลงไปในหลุมที่ไร้ก้น
ประมาณ 10 นาทีต่อมา หวังเย่าก็เห็นแสงสว่าง
“ฉันจำได้ว่าตอนที่เข้าเขตลับครั้งที่แล้วกินเวลาแค่ครึ่งนาทีเอง” หวังเย่าคิด
เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าที่นี่เป็นถ้ำ มันยังมีเมฆหลากสีอยู่ที่นั่นด้วย
ถ้ำนี้เก่าแก่อย่างมาก แถมมันยังเล็กอีกด้วย มันมีแสงส่องเข้ามาจากด้านนอก หวังเย่าได้ก้าวออกไปจากถ้ำและไม่รู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่ามิตินี้เล็กจริง ๆ
ทั้งมิติมีขนาดแค่สนามฟุตบอล นอกจากเศษเครื่องปั้นดินเผาแล้วก็ไม่มีของอย่างอื่นเลย มันไม่มีภูเขา และท้องฟ้าของที่นี่ก็อยู่สูงไป 100 เมตร จากนั้นก็เป็นชั้นบรรยากาศที่ส่องแสงสีขาวออกมา
หวังเย่านิ่งอยู่สักพัก “ไม่ถูกต้องสิ มันต้องมีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นี่”
แม้ว่าจะพยายามเพ่งมอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย หนอนสักตัวก็ไม่มี กระทั่งหวังเย่าก็ยังสงสัยว่าแม้แต่แบคทีเรียก็อาจจะไม่มีชีวิตอยู่
“เปิดการใช้งานระบบอากาศ” เพื่อความมั่นใจ หวังเย่าจึงเปิดใช้งานหน้ากากเผื่อเหตุฉุกเฉิน
“ไม่มีอากาศเหลืออยู่เลยหรือ ? ” ไม่นานเขาก็รู้สึกว่าหายใจไม่ออก
แต่ตอนนี้ที่พึ่งสุดท้ายของเขาหมดไปแล้ว เขาใช้มันมานาน ออกซิเจนในหมวกนั้นมีไม่มาก ใช้ได้แค่ 30 นาทีเท่านั้น
เขาใช้เนตรอัคคีและเริ่มตรวจสอบรอบ ๆ อีกครั้ง
“มันมีโครงกระดูกที่นั่น มีกองเงินกับหยกอยู่ด้วย” หวังเย่าเห็นหลุมรวมถึงโครงกระดูกของเจ้าของสุสาน มันทำให้เขามั่นใจว่าในมิติแห่งนี้จะต้องมีสิ่งมีชีวิตอยู่ เขาแค่ยังหามันไม่เจอ
“แปลก มันซ่อนตัวอยู่ในที่เล็ก ๆ แบบนี้ได้ยังไง ? ” หวังเย่าคิดว่าสิ่งมีชีวิตนี้อาจจะมีสติปัญญา ความคิดและมีความสามารถในการซ่อนตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เขาหาตัวมันไม่เจอแม้ว่าจะใช้สกิลเนตรอัคคีก็ตาม
เขาค้นหาอีกครั้ง และค้นหาอยู่ประมาณ 10 นาทีแต่ก็ยังไม่พบอะไร ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกสลดใจขึ้นมา
“ไม่ ในเมื่อมันเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระและเอากระดูกพวกนี้กลับมาได้ งั้นมันก็น่าจะมีร่างกาย” หวังเย่าที่ฉุกคิดถึงสิ่งผิดปกติก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อเขาหาอีกฝ่ายไม่พบ งั้นเขาก็จะรอให้อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นมาเอง
จากนั้นเขาก็แสร้งทำเป็นสลบและล้มลงไปนอนกับพื้น เขานอนนิ่งไม่ไหวติงประหนึ่งคนตาย
ประมาณ 5 นาทีต่อมา หวังเย่าก็ได้ยินเสียงบางอย่าง
ในมิตินี้ไม่มีลมรึฝน ดังนั้นมันจะมีเสียงได้ยังไง
หวังเย่าเริ่มหวั่นใจ เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้แล้ว แม้ว่าเสียงจะเบา แต่ถ้าไม่ใช่เพราะมิตินี้ไม่มีอะไรและทุกอย่างอยู่ในความเงียบ งั้นเขาคงไม่ได้ยินเสียงนี้
เสียงนี้ยังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่เสียงมันเบาอย่างมาก แม้แต่หวังเย่าก็เกือบจะไม่ได้ยินเสียงนี้
ใกล้เข้ามา….ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ…
หวังเย่าทวีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเขาจะหลับตาและมองไม่เห็นอะไร แต่เขาก็รู้สึกราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนเส้นเชือกที่แขวนระหว่างเหว เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
ทางซ้ายด้านหลัง … 5 เมตร…4 เมตร… 3 เมตร มันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“ใกล้พอแล้ว” หวังเย่าลืมตาขึ้นแต่กลับไม่เห็นอะไร
“เป็นไปได้ยังไง ? ฉันไม่ได้คิดไปเอง ฉันไม่ได้ฝัน” หวังเย่าใช้เนตรอัคคี แต่ก็ไม่พบการเปลี่ยนแปลงรอบตัวเขา
จู่ ๆ หวังเย่าก็ดึงมีดสั้นออกมาแล้วขว้างไปที่พื้น มีดปักลงกับพื้นอย่างแน่น จากนั้นก็มีของเหลวสีดำราวกับน้ำหมึกพ่นออกมาจากที่นั่น ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนที่ดังลั่น
จากนั้นก็มีบางสิ่งที่คล้ายกับหมอกสีดำปรากฎขึ้นที่ตรงนั้น มันมีใบหน้าคล้ายกับมนุษย์ แต่มีสามตาและไม่มีรูม่านตา ตาของมันเป็นสีขาวเทา
แต่ร่างกายของมันไม่มีรูปร่าง มันเหมือนกับน้ำที่ไหลไปมา และเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อย ๆ
หวังเย่าไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาคิดหาข้อมูลที่เคยอ่านมาแต่ก็ไม่เคยเห็นข้อมูลของสัตว์อสูรแบบนี้มาก่อน
“ตรวจสอบ” ดวงตาของเขาสะท้อนแสงสีทองออกมา ก่อนที่จะอ่านข้อมูลได้สำเร็จ
หวังเย่ารู้สึกแปกลใจ ตัวตนที่แปลกประหลาดตรงหน้าเขาเป็นสัตว์อสูรงั้นหรือ ?
****
สายพันธุ์ : อสูรกลืนแสง
ระดับ : สวรรค์ขั้นสูง
เลเวล : 9
สกิล : 1. กลืนแสง ดูดซับแสงและไร้ตัวตน, 2. ขโมยเงา สามารถลอกเลียนแบบเงาและอาศัยอยู่ในเงาได้
****
หลังจากที่อ่านสถานะของมันแล้ว หวังเย่าก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา มันมีตัวตนที่แปลกประหลาดแบบนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ !
“การกลืนกินแสงจะทำให้มันล่องหนได้ ไม่แปลกเลยที่ฉันจะมองไม่เห็นมัน” หวังเย่าแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา
“ขโมยเงาก็ยิ่งโดดเด่น มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างให้กลายเป็นเงาต่าง ๆ ได้ หลังจากที่เปลี่ยนเป็นเงาแล้วก็ไม่อาจจะมองมันออกได้”
หวังเย่าคิดว่าสกิลนี้มีวิธีใช้หลากหลายและน่าทึ่ง
“ถ้าฉันทำสัญญากับมัน แม้ว่ามันจะไม่สามารถพัฒนาได้ แต่ก็เป็นสัตว์อสูรระดับสวรรค์ เดาว่าทั้งโลกก็อาจจะไม่มีสัตว์อสูรที่กำเนิดขึ้นมา แล้วอยู่ในระดับสวรรค์เลย”
หวังเย่ามองไปที่แผงสถานะก่อนจะพบกับเงื่อนไขในการทำสัญญา
“เงื่อนไข : ต้องใช้เลือดโฮสต์ 500 มิลลิลิตร”
หวังเย่าไม่คิดอะไรมากและเลือกที่จะฝืนทำสัญญากับมัน การที่อยู่ๆร่างกายของเขาก็เสียเลือดไป มันจึงทำให้เข่าของเขาถึงกับทรุด
การทำสัญญานี้ทำให้อสูรกลืนแสงเลเวล 9 รู้สึกเจ็บ เพราะความเจ็บนี้จึงทำให้มันถอยกลับไป ดวงตาสีเทาทั้งสามของมันแสดงความลนลานออกมา
แต่เพราะระบบได้ฝืนทำสัญญากับมันแล้ว สายตาของมันจึงอ่อนแอและสงบลง มันนิ่งอยู่กับที่
หวังเย่าพอใจอย่างมาก เขารีบหยิบยาห้ามเลือดออกมาให้มันกิน แม้ว่าอสูรกลืนแสงนี้จะมีร่างกายที่พิเศษ ไม่มีกายเนื้อเหมือนสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ แต่มันก็ได้รับบาดเจ็บและมีเลือดไหลออกมา