ตอนที่ 93 : เขตลับ 4 ดาว
ตอนแรกหวังเย่ากังวลว่าอสูรกลืนแสงจะกินยาไม่ได้ แต่มันกลับกินยาเข้าไปทันที ไม่กี่อึดใจยาก็ถูกกินจนหมดก่อนที่ยาจะแผ่ไปทั่วร่างกายของมัน
หวังเย่าคิด “สัตว์อสูรนี่ถือว่ามีตัวตน ไม่งั้นแล้วมันจะเคลื่อนที่ได้ยังไง”
“ออกไปก่อนดีกว่า” แม้ว่าจะมีความสงสัยมากมายในใจ แต่หวังเย่าก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อ เพราะหมวกของเขาออกซิเจนหมดแล้ว เขาต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
หลังจากที่เก็บอสูรกลืนแสงเข้าไปในกำไลอันใหม่แล้ว หวังเย่าก็ได้เก็บเอาเครื่องเงินและทองออกมาด้วย ของพวกนี้มีค่า มันน่าจะขายได้เงินอยู่
เขาเข้าไปในกลุ่มเมฆหลากสีก่อนจะเกิดความรู้สึกเหมือนตอนที่ออกมาจากเขตลับ หวังเย่าถูกผลักออกมาด้วยแรงลึกลับ
เมื่อกลับมาที่สุสาน หวังเย่าก็ได้มองไปรอบ ๆ ก่อนจะทำการปิดฝาโลงเอาไว้ นี่คือเขตลับแห่งใหม่ เดาว่ามันคงยังไม่ถูกใครค้นพบ
หวังเย่าไม่ได้สนใจศพของพวกสกังค์แม้แต่น้อย เขาได้ดึงเอาหลอดออกซิเจนอันสุดท้ายออกมาเพิ่มเติมแล้วออกจากถ้ำ เขาหยุดและคิดอยู่สักพักก่อนที่สุดท้ายจะปิดปากถ้ำนี้เอาไว้
เขาต้องใช้หินหลายก้อนเพื่อปิดปากถ้ำนี้เอาไว้
จากนั้นเขาก็เรียกอสูรกลืนแสงออกมาและเริ่มสื่อสารกับมัน อสูรนี่พิเศษอย่างมาก มันมีความฉลาดไม่ใช่น้อย การที่ทั้งสองสื่อสารกันจึงไม่ใช่เรื่องยาก
หลังจากนั้นไม่นาน หวังเย่าก็ถอนหายใจออกมา แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจอสูรกลืนแสงดีนัก แต่เขาก็รู้ว่าอาหารของมันไม่ต่างอะไรจากอาหารทั่วไป แค่มีพลังงานก็พอแล้ว
เพราะมีพลังงานถูกสูบเข้าไปในเขตลับไม่มาก ดังนั้นมันจึงอยู่แค่เลเวล 9
อายุของมันคือ 8 ปี ถือว่าไม่ใช่น้อย ๆ แต่หวังเย่ารับรู้ได้ว่าอสูรนี่ยังเด็กและมีอายุขัยที่ยืนยาว มันหิวและแทบไม่ได้กินอะไรเลย
เขาได้เอาอาหารออกมา อสูรกลืนแสงแสดงท่าทีหิวโหยออกมาทันที มันได้เปลี่ยนร่างเป็นเมฆ แล้วพุ่งเข้ากลืนอาหารที่เขาให้จนหมด
หลังจากนั้น 1 นาทีมันก็ถอยออกมา เหลือไว้แค่เพียงเศษซากที่ไร้พลังงาน
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เดาว่าแม้แต่พวกแบคทีเรียก็ไม่อยากจะแตะต้องซากพวกนี้ ยังไงซะมันก็ไม่เหลือพลังงานแล้ว
“เมื่อแกกินได้เกลี้ยงดีแบบนี้ งั้นฉันจะตั้งชื่อแกว่าตือโป๊ยก่าย”
แม้ว่าอสูรนี่จะต่างจากตือโป๊ยก่ายตัวจริง แต่แม้แต่หงอคงเขาก็มีแล้ว ทำไมจะมีตือโป๊ยก่ายอีกสักตัวไม่ได้ ชื่อนั้นไม่ได้สำคัญอะไร
หวังเย่าให้อาหารขั้นต้นกับตือโป๊ยก่ายกินอีก 2-3 ขวดพร้อมกับค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นมา
“อัพเกรด” หวังเย่าพูดขึ้นก่อนที่ตัวของตือโป๊ยก่ายจะเปล่งแสงออกมา ตัวของมันดูมีพลังมากกว่าเดิม
“เลเวล 10 “
“ เลเวล 11 “
“ เลเวล 12 “
“ …”
มันขึ้นมาถึงเลเวล 15 ในพริบตา ค่าประสบการณ์ถูกใช้ไปจำนวนมากและไม่อาจจะพัฒนาตัวเองได้อีกในเวลาอันสั้น หวังเย่าได้เรียกมันกลับมาที่กำไลอสูรก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เขตลับของภูเขาต่อ
ระหว่างทางเขาได้ใช้สกิลของตือโป๊ยก่ายไปด้วย
นั้นก็คือกลืนแสง !
แสงรอบตัวถูกตัวเขาดูดซับไปจนทำให้คนอื่น ๆ ไม่อาจจะมองเห็นร่างของเขาได้ แต่เพราะบางเหตุผลเขาจึงรู้สึกว่าเขาไม่อาจจะใช้สกิลนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เขาไม่อาจจะดูดซับแสงจำนวนมากได้ ร่างกายของเขากับตือโป๊ยก่ายนั้นแตกต่างกัน
ยังไงซะเขาก็มีร่างกายและเลือดเนื้อ ส่วนตือโป๊ยก่ายนั้นมีร่างเหมือนกับควัน
หลัก ๆ เพราะสกิลนี้โดดเด่นเกินไป มนุษย์นั้นมีข้อจำกัด ดังนั้นจึงไม่อาจจะใช้มันได้สมบูรณ์
ยกตัวอย่างเช่นมนุษย์น่ะถือว่าเป็นน้ำ สกิลนี้คือไฟ น้ำจะสร้างไฟขึ้นมาได้ยังไง ?
หลังจากนั้นหวังเย่าก็ลองใช้สกิลขโมยเงา และพบว่ามันยากยิ่งกว่าการกลืนแสงเสียอีก เขาไม่อาจจะใช้สกิลนี้ได้
อีกอย่าง เขาที่มีร่างกายจะเปลี่ยนเป็นเงาได้ยังไง ? หวังเย่ารีบทิ้งความคิดที่จะใช้สกิลนี้ทันที
แม้ว่าเขาจะใช้สกิลสองอย่างของตือโป๊ยก่ายไม่ได้ แต่หวังเย่าก็ไม่ได้เศร้า ยังไงซะ ตือโป๊ยก่ายก็พิเศษ สกิลของมันสามารถใช้ได้หลายสถานการณ์และให้ผลที่น่าทึ่ง
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ของล้ำค่าอะไรกลับมา แต่สกิลกลืนแสงและขโมยเงานั้นก็เพียงพอที่จะทำให้หวังเย่ารู้สึกว่าคุ้มค่ากับการเดินทางแล้ว
ประมาณ 30 นาทีต่อมาในที่สุดหวังเย่าก็มาถึงทางเข้าของเขตลับ เพราะหิมะที่ตกหนักจึงทำให้เส้นทางเดินขึ้นมานั้นยากลำบาก มีหลายครั้งที่มีสัตว์อสูรโผล่มาซึ่งทำให้เขาล่าช้าขึ้นไปอีก
“บอกกันว่าเขตลับของที่นี่มีพื้นที่ใหญ่กว่าเขตลับที่ฉันเคยไปมา มันมีความกว้างหลายพันไมล์ มันเป็นเขตลับ 4 ดาว”
มิติภายนอกถูกเรียกว่าเขตลับ ตามขนาดของมิติแล้วมันจะแบ่งเป็น 1-10 ดาว สุสานที่เขาไปมากับเขตลับที่เคยไปในการทดสอบอาจจะอยู่แค่ 2 ดาว
ดังนั้นหวังเย่าจึงไม่กล้าประมาท เขตลับที่นี่อยู่ถึงระดับ 4 ดาว มันจะต้องมีสัตว์อสูรด้านในที่แข็งแกร่งเป็นแน่ มันอาจจะมีสัตว์อสูรเลเวลมากกว่า 50 อยู่ด้านใน
เมื่อมองทางเข้าที่สูงขึ้นไปกว่า 100 เมตร หวังเย่าก็กระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ก่อนที่จะใช้สกิลกระโดดสูงเพื่อโดดขึ้นไปอีก 60 เมตร
การ์ฟิลด์ตอนเลเวล 20 โดดได้สูงกว่า 10 เมตร ตอนนี้มันเลเวล 40 แล้ว สกิลนี้จึงพัฒนาขึ้นมาหลายเท่า เป็นธรรมดาที่จะโดดสูงขนาดนี้ได้
แต่ก็ยังไม่ถึงทางเข้า ดังนั้นหวังเย่าจึงใช้สกิลระเบิดพลังของหงอคง เพื่อที่จะกระโดดขึ้นไปอีก 40 เมตร สุดท้ายเขาก็ไปถึงด้านบนได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไร
เขาได้เข้าไปในเขตลับทันที
1 นาทีต่อมา หวังเย่าก็ตกลงมาจากทางออกที่สูงกว่า 100 เมตร เมื่อมองลงไปด้านล่างก็พบกับบึงขนาดใหญ่และเกาะเล็ก ๆ หลายสิบเกาะ รวมถึงเกาะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่หลายร้อยไมล์ ซึ่งกินพื้นที่กว่า 1 ใน 10 ของมิตินี้
ที่นี่มีลมและคลื่น มีต้นไม้บนเกาะ มีนก, ปลา, สัตว์ป่าและสัตว์อสูรอื่น ๆ
หวังเย่ามองไปรอบ ๆ และรู้สึกอึดอัดที่อกขึ้นมาทันที เขาได้ล้วงเอาเห็ดอากาศออกมากินทันทีจนรู้สึกดีขึ้นมา อากาศที่สูดเข้าไปสามารถเปลี่ยนเป็นออกซิเจนได้
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่อาจจะอยู่ที่นี่ได้นานนัก เพราะที่นี่มีก๊าซในอากาศที่ไม่ดีต่อร่างกายมนุษย์
ก่อนหน้านี้มีคนกินเห็ดอากาศและอยู่ด้านในหลายวัน ผลก็คืออวัยวะภายในร่างกายติดเชื้อ การแพทย์ในทุกวันนี้ก็ไม่อาจจะรักษาได้
ตั้งแต่นั้นมาคนที่มายังเขตลับนี้จึงน้อยลงไป ตอนฤดูหนาวนี้เดาว่าคงไม่มีใครมาด้วยซ้ำ
หวังเย่าไม่ได้คิดอะไรมาก เขาได้เรียกหงอคงออกมาก่อนจะเอาเห็ดอากาศให้มัน 3 อันและให้มันรออยู่ที่ทางเข้า ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปที่บึงด้านล่าง
แม้ว่าที่โลกด้านนอกจะเป็นฤดูหนาวแต่ในเขตลับนี้เป็นคนละโลก อุณหภูมิที่นี่ไม่ได้สูงรึต่ำ มันอยู่ที่ประมาณ 20 องศา ไม่นานหวังเย่าก็ตกลงไปในน้ำโดยไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด
แต่เขาเห็นปลาแปลก ๆ ว่ายอยู่ในบึง เขาใช้ระบบตรวจสอบและพบว่าระดับของพวกมันไม่ได้ต่ำ มันคงเหมือนกับฉลามสำหรับคนทั่วไป
เขารีบว่ายไปที่เกาะที่ใกล้ที่สุดทันที
เมื่อขึ้นมาบนเกาะได้ หวังเย่าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแต่เขาก็ไม่มัวมาหดหู่อยู่แบบนี้ เขาไม่มีเวลาที่จะเสียมันไปกับเรื่องไร้ประโยชน์มากนัก เขาต้องออกจากเขตลับนี้ภายใน 5 ชั่วโมง เพื่อที่ร่างกายของเขาจะได้ไม่เสียหาย