บทที่ 107 ความแตกแยกของพันธมิตร

ราชาซากศพ

บทที่ 107
ความแตกแยกของพันธมิตร

“ไร้สาระ….พวกโง่เง่า.. สัตว์อสูรที่มีขั้นพลังสูงกว่าขั้นเจ็ด จะร่วมมือต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับต่ำเหล่านั้น

มันบ้าไปแล้ว พวกมันถูกชักจูง เนื่องจากสติปัญญาต่ำตมของพวกมัน….จึงกล้าที่จะอยู่ที่นี่”

เสี่ยวไป๋โพล่งออกมา ทำให้หลินเว่ยจ้องมองเสี่ยวไป๋ที่กำลังบ่นพึมพำ

“เอาล่ะ การแสดงกำลังจะเริ่มต้น!” หลินเว่ยกำมือแน่น ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองก็เปล่งประกาย ออกมาด้วยใบหน้าตื่นเต้นและกล่าวขึ้น
การต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรในหุบเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว สิ่งแรกที่เห็นคือสัตว์อสูรขั้นแปดถูกสัตว์อสูรหลายร้อยโจมตี เมื่อพวกมันถูกสัตว์ระดับต่ำโจมตีทำให้พวกมันตกลงมาในทันที
“โฮก!” มังกรเหินคำรามและโบยบินขึ้นไปในอากาศ แม้ว่าจะไม่ได้รับอาการบาดเจ็บ แต่ก็ดูน่าอับอาย เมื่อเทียบกับที่สัตว์อสูรบินตนอื่น

สัตว์อสูรนกสลักสีเงินนั้นค่อนข้างมีสภาพดี และมีรอยถูกกระแทกเพียงเล็กน้อย

สัตว์อสูรพยัคฆ์เขี้ยวดาบและสัตว์อสูรวานรยักษ์ อาศัยทักษะความสามารถของสัตว์อสูรวานรยักษ์ ช่วยสกัดกั้นการโจมตีส่วนใหญ่ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บ

หลังจากกระโดดหลายครั้งพวกเขาก็รีบเข้ากลุ่มด้วยความเร็วมาก หนึ่งในนั้นบีบคอของสัตว์อสูรลำดับที่หกจนสิ้นใจ

สนามรบถูกแบ่งออกเป็นสองแห่ง มังกรเหินและสัตว์อสูรนกสลักสีเงินสามารถสังหารสัตว์อสูรหลายร้อยตัว

และจากนั้นศพก็ตกลงมาบนพื้นเป็นครั้งคราว
“โอ้ว! เจ้ากล้า!”
ในช่วงเวลาของการต่อสู้ของมังกรเหินคำรามขึ้น การป้องกันถูกทำลาย มันหันหน้าไปที่สระน้ำ ที่มีผลสวรรค์จิ่วหยู และบินสุดกำลังไปด้วยกำลังทั้งหมดของมัน

แม้ว่ามันจะถูกโจมตีหลายครั้ง บาดแผลหลายแห่งก็ถูกเพิ่มขึ้นแต่มันยังไม่เสียท่า

“เจ้าพวกนี้มันบ้าแล้วก็ไร้สติ” เสียงคำรามของมังกรเหินตัวนี้ ดึงดูดสัตว์อสูรส่วนใหญ่ทันที ดังนั้นพวกมันจึงกรูกันเข้าไป

สัตว์อสูรนกสลักสีเงิน เมื่อเห็นว่าเหล่าสัตว์อสูรถูกดึงดูดโดยมังกรเหิน และสัตว์อสูรพยัคฆ์เขี้ยวดาบ มันจึงเกิดความคิดเจ้าเล่ห์ มุ่งหน้าหมายจะคว้าผลสวรรค์จิ่วหยูและหลบหนีไป

เมื่อมังกรเหินค้นพบพฤติกรรมของอีกฝ่าย ซึ่งทำให้มันโกรธมาก มันมุ่งไล่ล่า หลังจากนั้นศัตรูทั้งสองฝ่าย หันหน้ามาเป็นพันธมิตรกันชั่วคราวเพื่อร่วมกันไล่ล่าสังหารสัตว์อสูรนกสลักสีเงิน

อาจจะเป็นเพราะสัตว์อสูรนกสลักสีเงินนั้นอยู่ใกล้กับผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเหล่าสัตว์อสูรทั้งหมด จึงมีความกังวลใจว่า การโจมตีของพวกมันอาจจะส่งผลกระทบต่อผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันจึงลดความรุนแรงในการโจมตีลงไป แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่สัตว์อสูรนกสลักสีเงินนั้นถูกมังกรเหินเข้าขัดขวางไม่ให้ฉกฉวยผลไม้

“มังกรเหิน หากเจ้าช่วยข้า ข้าจะคว้าผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเราก็หนีออกไปจากที่นี่ หลังจากนั้นข้าจะมอบผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เจ้า” ในตอนนี้สัตว์อสูรนกสลักสีเงินกำลังถูกเหล่าสัตว์อสูรต่าง ๆ รุมล้อมตนเองไว้ แต่กำลังพยายามที่จะคิดวิธีการหลบหนีออกไปจากที่นี่

ดังนั้นจึงรีบเอ่ยปากทำข้อตกลงกับมังกรเหิน

“อืม! เรื่องนี้มันช่างสมเหตุสมผลยิ่งนัก…..ข้าจะเก็บผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เอง เจ้าช่วยขัดขวางสัตว์อสูรพยัคฆ์เขี้ยวดาบ หลังจากนั้นข้าจะมอบผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าทีหลังด้วยความแข็งแกร่งของข้า โอกาสที่จะฉกฉวยผลไม้ศักดิ์นั้นมีความเป็นไปได้หลายส่วน หลังจากผลไม้ศักดิ์สิทธิ์หมดไป สัตว์อสูรพวกนั้นจะไม่มาวุ่นวายกับเจ้าอีก”

แต่เดิมสัตว์อสูรนกสลักสีเงิน คิดว่ามังกรเหินจะดุด่าว่าตนเองนั้นไร้ยางอาย แต่มังกรเหินกับพยักหน้าเห็นด้วยกับวิธีของเขา แต่หลังจากที่ได้ยินประโยคหลังจากนั้น สัตว์อสูรนกสลักสีเงินก็โมโห เนื่องจากตนเองนั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยสัตว์อสูร มองเห็นเพียงปีกที่ขยับบินเข้าใกล้ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันจึงเริ่มกระพือปีกหมายจะเข้าไปฉกฉวยผลไม้ศักดิ์สิทธิ์

“รอข้าด้วย!” เมื่อเห็นมังกรเหินไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย สัตว์อสูรนกสลักสีเงินรีบพุ่งไปที่ผลสวรรค์จิ่วหยู จากนั้นก็ตะโกนร้องและกางปีกออก เพื่อติดตามมังกรเหิน หวังว่าจะได้ส่วนแบ่งจากผลไม้ศักดิ์สิทธิ์

“พวกเจ้าทั้งสองนั้นไร้ยางอายเกินไปแล้ว เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่ามนุษย์ แทนที่จะช่วยเหลือกันสกัดกั้นสัตว์ร้าย กลับวิ่งหนีและฉกฉวยผลประโยชน์” สัตว์อสูรพยัคฆ์เขี้ยวดาบ เมื่อเห็นท่าทีของทั้งสองสัตว์อสูร มันจึงไม่พอใจและโกรธในทันที พยายามไล่ตามและส่งเสียงด่าทอเป็นระยะ ๆ

“โฮก!” เมื่อเหล่าสัตว์อสูรที่เหลืออยู่เห็นว่าสัตว์อสูรพยัคฆ์เขี้ยวดาบ ไล่ตามสัตว์อสูรทั้งสองตัวไป ดวงตาของมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ฝ่ายของเหล่าสัตว์อสูรมีจำนวนสัตว์อสูรขั้นเจ็ดนับไม่ถ้วน และสัตว์อสูรขั้นหกอีกสองสามตัว

ในทางตรงกันข้าม สัตว์อสูรวานรยักษ์ที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้ติดตามสัตว์อสูรพยัคฆ์เขี้ยวดาบ ไปในสระน้ำ

“โฮก!” “ โฮก!”
“ …… !”
ในขณะที่สัตว์อสูรวานรยักษ์เพ่งมองดูสัตว์อสูรพยัคฆ์เขี้ยวดาบและสัตว์อสูรตนอื่น ๆ ที่กระโดดลงไปในสระน้ำ มันก็ส่งเสียงคำรามโหยหวนและเริ่มดิ้นรนอย่างหนัก สถานการณ์นี้ทำให้สัตว์อสูรทั้งหลายตกใจทันที บางตนกำลังจะกระโดดลงไปในสระน้ำ แต่ต้องหยุดชะงัก พวกเขาดูสงสัยและมองไปที่สถานการณ์ในน้ำอย่างประหม่า

พวกเขาพบว่าเมื่อเวลาผ่านไป สระน้ำก็ค่อย ๆ สงบลง สัตว์อสูรจำนวนมากกระโดดลงไปในสระ ทั้งหมดลอยตัวอยู่ในน้ำ โดยไม่เคลื่อนไหว

เมื่อเห็นฉากนี้ สัตว์อสูรทั้งหมดก็พลันได้สติ ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าสัตว์อสูรเหล่านี้เสียชีวิตลงแล้ว เพราะไร้ซึ่งความผันผวนในร่างกายของสัตว์อสูรที่อยู่ในสระน้ำ เมื่อเห็นแบบนี้ใบหน้าของสัตว์อสูรวานรยักษ์ ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้

ดวงตาของมันเหลือเพียงร่องรอยแห่งความตื่นเต้น แต่ไม่นานหลังจากนั้นมันก็หายไป สัตว์อสูรวานรยักษ์ยืนมองดูอย่างเงียบงัน

สัตว์อสูรจำนวนมากยืนอยู่ริมสระน้ำ และมองดูมังกรเหินและสัตว์อสูรนกสลักสีเงินที่บินอยู่เหนือต้นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ พวกมันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจ้องไปที่สัตว์อสูรที่บินวนไปวนมา และพยายามที่จะสังหารมังกรเหินและสัตว์อสูรอีกตัวแต่ไม่สามารถทำได้

“โอ้! เจ้าเห็นหรือไม่ มันดุร้ายขนาดไหน” เสี่ยวไป๋และหลินเว่ยที่กำลังซ่อนตัวอยู่ พูดคุยกันด้วยเสียงเงียบเชียบ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า….. สัตว์อสูรเหล่านี้สิ้นชีพได้อย่างไร? แม้แต่สัตว์อสูรขั้นแปดและสัตว์อสูรขั้นเจ็ดจำนวนมาก ก็ยังมิอาจรอดชีวิต” หลินเว่ยถามอย่างเคร่งขรึม ภายในใจรู้สึกหวาดกลัว
“ ข้าไม่แน่ใจ….มันไกลเกินไป” เสี่ยวไป๋ครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นก็ส่ายหัวและพูดขึ้น

“ฮ่า ๆ ! เหยี่ยวนิลเจ้าต้องนำพวกเราไปโจมตีต้นไม้ผลศักดิ์สิทธิ์ ด้วยกำลังทั้งหมดของเจ้า”

สัตว์อสูรที่บินได้หลายร้อยตัวต่างตายหรือล้มตาย บ้างก็ตกลงไปในสระน้ำ หลังจากนั้นไม่นานก็สิ้นชีพโดยไร้สาเหตุ พวกมันตกลงไปในน้ำอีกครั้ง และกลายเป็นหนึ่งในซากศพจำนวนมากที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ

แม้ว่ามังกรเหินและสัตว์อสูรนกสลักสีเงิน จะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่พวกมันก็ยังไม่สิ้นท่า หลังจากพยายามทำความเข้าใจในสถานการณ์นี้ สัตว์อสูรวานรยักษ์ก็รีบร้องเรียกหาเหยี่ยวนิลที่ทรงพลัง