ตอนที่ 89 หรานหร่านโมโหร้าย จัดการคนสดๆ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ลู่จ้าวอิ่งกำลังคุยธุระกับผู้บัญชาการห่าว พอได้ฟังก็งงอยู่เหมือนกัน

 

 

“นั่นสิ ฉินเสี่ยวหร่านล่ะ” เขาวางแก้วลง มองไปทางประตู ไม่เห็นใครเลย “เมื่อกี้เธอบอกฉันว่าจะไปห้องน้ำ”

 

 

เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองเขาด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่พูดอะไร

 

 

“เอ่อ คือว่า ตอนนั้นนายกำลังคุยกับคุณอาเจียงอยู่ เธอก็เลยบอกฉันไว้” ลู่จ้าวอิ่งพึมพำแล้วล้วงมือถือออกมาดู

 

 

ฉินหร่านไปนานเกินไปแล้ว ลู่จ้าวอิ่งรู้จักนิสัยเธอดี เธอไม่มีทางหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว

 

 

พอเปิดมือถือดู ฉินหร่านทิ้งข้อความไว้ให้เธอจริงๆ ด้วย

 

 

“เธอบอกว่าไปห้องซี 5” ลู่จ้าวอิ่งหรี่ตา “บอกว่าเจอคนรู้จัก”

 

 

คลับนี้ใช้ระบบสมาชิก บัตรสมาชิกก็เริ่มต้นที่ 500 ล้าน คนที่มาที่นี่ได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่

 

 

“ท่านเจวี้ยน ฉินเสี่ยวหร่านยังมีเพื่อนที่รวยขนาดนี้อีกไหม” ลู่จ้าวอิ่งครุ่นคิด แต่ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่ดี เธอยากจนขนาดนั้น

 

 

เฉิงเจวี้ยนปรายตามองเขา แพขนตาปิดลงอีกครั้ง ไม่มีอารมณ์คุยกับเจียงหวย

 

 

ลู่จ้าวอิ่งคิดว่าไม่ได้การแล้ว เขาส่งข้อความให้ฉินหร่านพลางลุกขึ้นจะไปตามหาเธอ

 

 

นิ้วชี้ของเฉิงเจวี้ยนเคาะขอบโต๊ะ ปลายนิ้วขาวซีดจนโปร่งใส “ผมขอตัวไปห้องน้ำหน่อย”

 

 

เจียงหวยพยักหน้า

 

 

แต่ก็นิ่งไปขณะที่เขากำลังมองแผ่นหลังของเฉิงเจวี้ยนที่เดินออกไป

 

 

ไม่สิ ห้องส่วนตัวของพวกเขามีห้องน้ำ แถมยังแบ่งเป็นสองห้อง ทำไมถึงพากันออกไปข้างนอกทั้งคู่ล่ะ

 

 

“คุณต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าพวกเขาสองคนทำเพื่ออะไร” ผู้บัญชาการห่าวเห็นเฉิงเจวี้ยนออกไป สุดท้ายก็ได้จุดบุหรี่ของตัวเองสักที ไม่เข้าใจว่าสองคนนี้เลยว่าแค่นักเรียนมัธยมปลายคนเดียว “บ้าไปแล้วทั้งคู่…”

 

 

“เด็กที่ชื่อฉินหร่านคนนั้นเหรอ” เจียงหวยยิ้ม “เด็กคนนั้นน่าเอ็นดูจริงๆ”

 

 

ผู้บัญชาการห่าว “…โอวหยางเวยคนนั้นยังไม่เคยได้รับคำชมแบบนี้จากคุณเลย คุณก็คงไม่ใช่คนที่มองคนที่หน้าตาหรอกมั้ง…ขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

 

 

 

ห้องส่วนตัว ซี 5 ในเวลานี้

 

 

“คุณชายเฟิง ไม่ดื่มหน่อยเหรอ” ผู้หญิงผมยาวลอนคลื่นถือแก้วเหล้าจะป้อนเฟิงฉือ

 

 

เฟิงฉือยิ้ม เขาจัดคอเสื้อของตัวเอง แต่เสียงกลับแฝงความเย็นเยือก “แฟนฉันไม่ชอบให้ฉันดื่มเหล้า”

 

 

สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นนิ่งไป

 

 

เฟิงฉือยังคงยิ้ม “อีกอย่าง อย่าเข้าใกล้ฉันขนาดนี้ เธอไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมด้วยเหมือนกัน”

 

 

ผู้หญิงเดินกระดากอายจากไป

 

 

คนข้างๆ หัวเราะในลำคอ “คุณชายเฟิงครั้งนี้เอาจริงแล้วเหรอ ใครกันแน่ ซ่อนมาสองปีแล้วไม่พามาให้พวกเราเจอสักหน่อยเหรอ”

 

 

เฟิงฉือไม่พูดอะไร แค่เอียงหน้ามองผู้หญิงที่หลินจิ่นเซวียนพามาเท่านั้น

 

 

ที่นี่มีหมาป่าเยอะ เขาต้องช่วยหลินจิ่นเซวียนเฝ้าไว้ให้ดี

 

 

ถึงอย่างไรผู้ชายที่ย้อมผมทองก็หวาดกลัวหลินจิ่นเซวียนกับเฟิงฉืออยู่ดี ตอนนี้จึงไม่ทำอะไร แค่ยื่นเหล้าแก้วหนึ่งให้ฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านไม่รับ

 

 

แค่เงยหน้าเล็กน้อย “ขอโทษที ไม่ดื่มเหล้า”

 

 

เวลาที่เธอพูด น้ำเสียงเย็นเยียบมีความงัวเงียเพิ่มมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

 

ริมฝีปากแดงระเรื่อเม้มเข้าหากันอย่างไม่ยี่หระ สายตาทอดมองไปทางประตู

 

 

ทั้งๆ ที่ถูกปฏิเสธแท้ๆ แต่ชายผมทองกลับไม่รู้สึกโมโห แค่จ้องหน้าเธออยู่พักหนึ่ง ดื่มเหล้าที่เหลือรวดเดียวจนหมดอย่างสุภาพบุรุษ ชูแก้วขึ้นยิ้มๆ “ขอโทษที่เสียมารยาท”

 

 

รอยยิ้มของฉินอวี่ที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งแทบจะแข็งทื่อแล้ว

 

 

พอเห็นชายผมทองกลับมา เธอก็อดถามไม่ได้ว่า “คุณชายเฉียน ทำไมไม่คุยกับพี่สาวฉันเยอะๆ ล่ะ”

 

 

ผู้ชายผมทองคาบบุหรี่ สายตาไม่ละจากฉินหร่านแม้แต่วินาทีเดียว “เพราะเป็นคนที่พี่ชายเธอพามา”

 

 

ฉินอวี่ยิ้ม ไม่พูดอะไรอีก หลินจิ่นเซวียนไม่มีทางอยู่ตลอดเวลาหรอก

 

 

หลินจิ่นเซวียนก็กลับมาไวเหมือนกัน พอเห็นชายผมทองยืนข้างฉินหร่าน คิ้วก็ขมวดน้อยๆ ฝีเท้าก็เร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

 

 

“รอนานเลย” เขาพูดกับฉินหร่านอย่างรู้สึกผิด

 

 

จากนั้นก็หันมองฉินอวี่ น้ำเสียงดุดัน “อวี่เอ่อร์ มานี่ มาขอโทษพี่แกซะ”

 

 

ฉินอวี่เม้มปาก เดินก้มหน้าเข้าไป

 

 

ไม่พูดอะไร

 

 

เสียงของหลินจิ่นเซวียนดังขึ้น “ฉินอวี่”

 

 

“พี่ ขอโทษนะ เรื่องในเวยป๋อฉันเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน ฉันไม่ควรพูดถึงเจ้าของแอคเคาท์คนนั้นให้อู๋เหยียนฟัง พี่ยกโทษให้ฉันได้ไหม” ฉินอวี่กัดปาก

 

 

เธอรู้ดีเสมอว่าควรใช้ใบหน้าของตัวเองอย่างไร ตอนนี้น้ำตาไหลลงมาจากสองตา ดูอ่อนแอบอบบาง ใครเห็นเป็นต้องชอบ

 

 

ฉินหร่านยิ้ม ไม่สะทกสะท้าน พูดสองคำออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “ไม่ได้”

 

 

ฉินอวี่ไม่คิดว่าฉินหร่านจะตอบแบบนี้ แน่นิ่งไปทันที เก็บอาการบนใบหน้าไม่ทันด้วยซ้ำ

 

 

“พี่ ฉันรู้ว่าพี่ยังยอมรับไม่ได้ แต่ฉันตั้งใจอยากขอโทษพี่จริงๆ นะ…”

 

 

ฉินหร่านเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงอึดอัดใจ

 

 

เฟิงฉือกับคนในห้องไม่รู้ที่มาที่ไป แต่สายตาพากันจ้องมองมาแล้ว

 

 

ฉินหร่านยิ้ม ไม่พูดอะไรกับฉินอวี่ แต่มองหลินจิ่นเซวียน “เห็นหรือยัง ทั้งๆ ที่เป็นความผิดของเธอ เธอเป็นคนปล่อยข่าวในเวยป๋อ บันทึกการโอนเงินก็มาจากเธอ คงไม่มีใครบังคับให้เธอทำเรื่องพวกนี้หรอกมั้ง เธอฉลาดขนาดนี้จะไม่รู้ผลที่ตามมาหลังพูดเรื่องพวกนี้กับอู๋เหยียนเหรอ แต่พอเธออ้าปากพูด ก็เหมือนฉันรังแกเธออย่างนั้นแหละ”

 

 

ฉินอวี่หน้าซีด ซ้ำยังสะดุ้ง ใบหน้าเปื้อนน้ำตา “ฉันไม่ได้…”

 

 

“วันนี้ฉันมากับนาย แค่อยากพูดต่อหน้านายว่า” ฉินหร่านไม่สนใจฉินอวี่ ยังคงจ้องหลินจิ่นเซวียน แสยะยิ้ม “เธอขอโทษได้ แต่ฉันไม่มีทางให้อภัย ต่อไปนายก็ไม่ต้องมาหาฉันเพราะเรื่องนี้อีกแล้ว ตัดใจซะเถอะ”

 

 

“พี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ…” น้ำตาของฉินอวี่ไหลพราก เธอไม่คิดเลยว่าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ฉินหร่านจะกล้าพูดแบบนี้

 

 

เธอไม่กลัวคนจะว่าใจดำอำมหิตหรอกเหรอ

 

 

“อย่ามาเจ้าเล่ห์หน่อยเลย ถ้าใครมีน้องสาวแบบเธอ คงจะดวงซวยไปแปดชาติ” ฉินหร่านยิ้ม ใบหน้าสวยวิจิตรฉาบความเยือกเย็น จากนั้นก็พยักหน้าให้หลินจิ่นเซวียนอย่างมีมารยาท “มีธุระ ต้องขอตัวก่อน”

 

 

พอหลินจิ่นเซวียนได้สติ ก็เห็นฉินหร่านเดินออกไปแล้ว

 

 

จึงรีบตามออกไป

 

 

ฉินอวี่ร้องเรียก “พี่!”

 

 

หลินจิ่นเซวียนอย่าว่าแต่ตอบเธอเลย แม้แต่ฝีเท้าก็ยังไม่หยุดสักนิด

 

 

ใบหน้าของฉินอวี่ซีดเซียวราวกับกระดาษในพริบตา

 

 

หลินจิ่นเซวียนตามฉินหร่านไป กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ในคลับส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่รับมือยาก แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าสร้างเรื่องที่นี่

 

 

ใบหน้าของฉินหร่านชวนหาเรื่องเหลือเกิน

 

 

หลินจิ่นเซวียนเร่งฝีเท้า พอเลี้ยวก็เห็นฉินหร่านแล้ว กับผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าฉินหร่าน เท้าของเขาชะงัก

 

 

เมื่อมองชายคนนั้น ใบหน้าก็แสดงอาการตกใจที่เกิดขึ้นน้อยครั้ง