ตอนที่ 94 พลังอันแข็งแกร่งยิ่ง

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ลำแสงอันมืดมืดแผ่กระจายไปทั่วนภา เขมือบภูเขาหิมะขนาดมหึมา ปกคลุมอันหลินไว้

ทว่าพลังเหล่านี้กลับทำอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด

ตราสีดำปรากฏกลางหน้าผากของเขาราวกับเป็นกระบี่คมกริบ

เพียงอันหลินกระทืบเท้า ร่างก็กระโจนออกไปไกลนับพันเมตร มาอยู่ตรงหน้าเซียนพสุธาเยว่อิ่ง

“อันหลิน!”

นัยน์ตาของสวีเสี่ยวหลานแดงก่ำ ยามเห็นอันหลินยังไม่ตาย ก็เผลอร้องเสียงหลงออกมา โถมตัวเข้าไปกอดเขาไว้แนบแน่น

อันหลินสัมผัสได้ว่า ร่างเล็กอันบอบบางภายในอ้อมอก บัดนี้กำลังสั่นเทิ้มเล็กน้อย ประหนึ่งกำลังสะอื้นไห้

เขาลูบหลังของสวีเสี่ยวหลาน พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าเป็นห่วง”

พูดจบ เขาก็ดันสวีเสี่ยวหลานออกเบาๆ “รอข้าเดี๋ยว ข้าขอไปจัดการเรื่องอื่นก่อน”

เซวียนหยวนเฉิงพอเห็นอันหลินปลอดภัยกลับมา ก็โล่งใจเช่นกัน

“อาจารย์…”

อันหลินคุกเข่าลงข้างๆ เซียนพสุธาเยว่อิ่ง เอ่ยเรียกเสียงเบา

เซียนพสุธาก้มศีรษะเล็กน้อย ริมฝีปากสั่นระริก แต่กลับไม่มีแรงจะเอื้อนเอ่ยวาจาเลยสักคำ

หญิงที่รูปโฉมเคยงามแฉล้ม บัดนี้ไร้สภาพสิ้นดี

ไม่ใช่แค่ผิวหนังที่เหี่ยวย่น เส้นผมขาวโพลน แม้แต่ลมหายใจก็รวยรินเป็นอย่างยิ่ง

กระบี่พิชิตมารแผ่ลำแสงสีดำพิลึกออกมาปานชีพจรเต้น

เห็นได้ชัดว่า มันกำลังดูดพลังปราณของเซียนพสุธาเยว่อิ่งอย่างต่อเนื่อง!

อันหลินกำด้ามกระบี่พิชิตมารไว้แน่น ใบหน้าขึงขังโดยพลัน

“คายสิ่งที่แกดูดเข้าไป…ออกมาให้หมด!”

ตูม!

กระบี่พิชิตมารระเบิดพลังอันน่ากลัว แผ่ไปยังมือของอันหลิน คล้ายว่าจะทำลายเขาให้สิ้นซาก

อันหลิงจับด้ามกระบี่ด้วยมือข้างเดียว อานุภาพเหนือบรรยายบางอย่างทลายพลังของกระบี่พิชิตมารในพริบตา

แม้แต่จิตวิญญาณของกระบี่จักรพรรดิปีศาจ ก็ถูกพลังทำลายล้างลบล้างไปในเสี้ยววินาที!

กระบี่เริ่มสั่น พลังปราณที่ดูดมาก็เริ่มไหลย้อนไปทางเซียนพสุธาเยว่อิ่ง

ไม่นาน ใบหน้าของนางก็เริ่มมีสีเลือด ผิวหนังก็กลายเป็นเนียนละเอียดเกลี้ยงเกลา

“อันหลิน…ทำไมเจ้าถึง…”

เซียนพสุธาเยว่อิ่งรู้สึกได้ว่าร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง นางอดเบิกตากว้าง มองชายตรงหน้าด้วยความตกใจไม่ได้

อันหลินฉีกยิ้มอบอุ่น “อาจารย์ ทนหน่อยนะ!”

พูดจบ เขาก็ออกแรงดึง ชักกระบี่พิชิตมารออกจากร่างของเซียนพสุธาเยว่อิ่ง!

“อืม…!”

เยว่อิ่งกัดปากไว้แน่น ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแล่นเข้ามา ก็อดครวญครางออกมาไม่ได้

แต่เพียงชั่วไม่กี่อึดใจ บาดแผลของนางกลับไม่เจ็บปวดอีกต่อไป

เซียนพสุธาเยว่อิ่งมองฝ่ามือที่ดันหน้าอกนางอึ้งๆ มีแสงสีขาวผุดออกมาจากฝ่ามือ

นี่เป็นพลังสมานขั้นพื้นฐานที่สุด แต่เมื่อผ่านมืออันหลิน กลับทำให้บาดแผลที่มีพลังหวนสู่ความว่างเปล่าหลงเหลืออยู่หายเป็นปลิดทิ้ง

ขณะนั้นเอง พลังงานน่าสะพรึงกลัวก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า

ในที่สุดอ้านเย่ก็เปิดฉากโจมตีครั้งที่สองแล้ว

นางยืนยันแล้วว่านักพรตน้อยคนนี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่อำพรางพลัง ฉะนั้นในการโจมตีครั้งนี้ นางจึงใช้อนธการดั้งเดิม พลังวิเศษที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุด!

ม่านรัตติกาลดำทะมึนแผ่ไปทางอันหลิน ราวกับความมืดมิดเข้าครอบงำ จะทำลายทุกสรรพสิ่งในปฐพีให้ราบคาบ!

เมื่อนักพรตมนุษย์ทั้งหลายเห็นว่าฟ้าจะถล่มลงมาแล้ว ก็ตกตะลึงพรึงเพริด หลบหนีกันจ้าละหวั่น

แม้แต่นักรบเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด ก็หนีออกจากสมรภูมิรบอย่างไม่คิดชีวิต

ชัดเจนว่า การโจมตีนี้เป็นอาวุธทำลายล้าง

เป็นการสังหารสิ่งมีชีวิตบนพื้นดินโดยไม่เลือกเป้าหมาย!

“นายหญิงอ้านเย่บ้าไปแล้วหรือ ถึงได้ใช้กระบวนท่านี้!”

“นางไม่สนด้วยซ้ำว่าเราจะเป็นหรือตาย”

“เลิกพล่ามได้แล้ว รีบหนีเถอะ!”

เมื่อเทียบกับคำตำหนิกล่าวโทษของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดแล้ว นักพรตมนุษย์กลับตกใจหน้าถอดสี

“คุณพระ ผู้หญิงปีกสีดำนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงได้มีเวทมนตร์ที่น่ากลัวขนาดนี้!”

“พวกเราแค่มาหยุดแผนการของจักรพรรดิปีศาจ ทำไมถึงได้เจอศัตรูที่น่ากลัวปานนี้ล่ะ”

“เสร็จกัน พวกสหายอันหลินเป็นศูนย์กลางของเวทมนตร์!”

“เลิกพูดถึงสหายอันหลินได้แล้ว ต่อให้เป็นพวกเรา ก็หนีเวทมนตร์ที่ชวนให้รู้สึกสิ้นหวังนี่ไม่ได้หรอก…”

นักพรตซวีอวิ๋นแห่งเขาอู่ต่างส่ายหน้าอย่างหมดหวัง

ม่านรัตติกาลดำทมิฬอันกว้างใหญ่สุดลูกลูกตานี้ ทำให้ผู้คนหมดหนทางหลบหนีโดยสิ้นเชิง

ม่านรัตติกาลกำลังลอยต่ำลงมา ปกคลุมยอดเขาสูงตระหง่านละแวกภูเขาหิมะแล้ว

แม้แต่เซียนพสุธามิ่งหยวนก็หยุดต่อสู้กับเจ้าแห่งผีดูดเลือด จดจ้องการโจมตีที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน ในดวงตาฉายความเจ็บแค้นใจ

“อันหลิน ระวังข้างหลัง!”

แม้เซียนพสุธาเยว่อิ่งจะรู้ว่าตอนนี้อันหลินไม่เหมือนที่เคย แต่เมื่อเห็นเวทมนตร์ที่ม้วนตัวไปทั่วฟ้าดินแล้ว ก็ทำให้นางอดเอ่ยปากเตือนไม่ได้เช่นกัน

“อืม ไม่ต้องห่วง”

อันหลินพยักหน้า ยกมือขึ้นตบไปทางด้านหลังโดยที่ไม่เหลียวหลังมองเลยด้วยซ้ำ

ครืน!

ผืนฟ้าถูกตบจนแตกกระจาย…

ไม่สิ พูดให้ถูกก็คือ อนธการดั้งเดิมที่เป็นพลังของอ้านเย่ต่างหาก

การโจมตีอันสะเทือนฟ้าดิน ถูกฝ่ามือของอันหลินตบจนสลายตัวแล้ว!

ไม่มีพลังที่น่าตะลึง ไม่มีกระบวนท่าที่โดดเด่น ราวกับแค่ยกมือขึ้นปัดป่ายลวกๆ ก็ทำให้ม่านรัตติกาลอันมืดมนมลายหายไป

มวลพลังมหาศาลกลางอากาศอันตรธานหายไปในพริบตา

ดวงดาราและจันทรากลางท้องนภา กลับมาเฉิดฉายเด่นชัดอีกครั้ง

นักพรตและเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดทั้งหลาย แหงนหน้ามองฉากตรงหน้านี้อึ้งๆ ต่างก็ตกอยู่ในภวังค์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

เซียนพสุธาเยว่อิ่งป้องปากอุทาน จ้องอันหลินด้วยความตะลึง

“เรียบร้อย!”

อันหลินพยักหน้า แสงสีขาวในมือเลือนหายไป

“อาจารย์ อาการของท่านดีขึ้นแล้ว ต่อไปข้าจะแก้แค้นให้ท่านเอง!”

เซียนพสุธาเยว่อิ่งได้ฟังก็พยักหน้าอย่างเหม่อลอย

อันหลินยิ้มบางๆ จากนั้นก็เบนสายตามองบนท้องฟ้าอีกครั้ง

ใบหน้าขาวซีดของอ้านเย่มีแต่ความประหลาดใจ ไม่นิ่งเฉยเช่นก่อนหน้าอีก

อนธการดั้งเดิมเป็นหนึ่งในพลังที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดของนาง กลับถูกทลายในหนึ่งฝ่ามือ นางจะนิ่งเฉยได้อย่างไร

“เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่!”

“ข้าเป็นใครงั้นหรือ”

อันหลินมองหญิงชุดดำบนเวหา พูดเสียงเย็นว่า “ข้าคืออันหลิน ลูกศิษย์อาจารย์เยว่อิ่งไงเล่า!”

พูดจบ เขาก็ก้าวออกไปหนึ่งก้าว มาอยู่ตรงหน้าอ้านเย่อย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

อ้านเย่เบิกตากว้าง ตั้งตัวไม่ทันเลยสักนิด กระบี่พิชิตมารที่ดำสนิทปักลงกลางอกของนาง

พลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งยวดผนึกพละกำลังทั้งหมดของนางไว้

ดวงตาดำขลับของอ้านเย่ จ้องชายหนุ่มที่นิ่งสงบคนนี้ไม่วางตา ภายในใจกระวนกระวาย

นางถึงขั้นมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าอันหลินมาอยู่ตรงหน้านางได้อย่างไร

หายตัวข้ามมิติ?

ไม่สิ…การหายตัวข้ามมิติจะทำให้เกิดคลื่นมิติ

แต่ชายคนนี้กลับมาประชิดตัวภายในก้าวเดียว

มองข้ามระยะทาง มองข้ามมิติ ราวกับทุกอย่างเป็นไปตามทางที่ควรจะเป็น…

“ทุกสิ่งที่เจ้าทำกับอาจารย์ข้า ตอนนี้ข้าจะทำให้เจ้าทรมานนับร้อยนับพันเท่า!”

อันหลินมองหญิงคนนี้อย่างเย็นเยือก กระบี่พิชิตมารสาดแสงสีดำเจิดจ้า เริ่มดูดพลังปราณของอันเย่อย่างบ้าคลั่ง

“อ๊าก…”

ร่างอรชรของอ้านเย่เริ่มสั่นเทา

พละกำลัง พลังยุทธ์ พลังชีวิตของนางเริ่มเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว วิญญาณก็ถูกทำลายทีละนิด

อันหลินเพิ่มความทรมานอย่างเต็มขีดจำกัด

ความเจ็บปวดอย่างมหันต์ที่เกินคำบรรยายลุกลามไปทั่วตัว ทำให้นางส่งเสียงร้องปานจะขาดใจ

“นายหญิงอ้านเย่!”

เมื่อชายหนุ่มรูปงามที่เฝ้าอุโมงค์ดำทะมึนเห็นฉากนี้เข้า ความโกรธก็พุ่งทะยาน

เขากางปีกสีดำขนาดใหญ่ ในมือถือหอกสีเงิน บินไปหาอันหลิน

“หยุดนะ!”

ชายคนนั้นชูหอกขึ้นแล้วขว้างออกไปพร้อมกับลำแสงนับหมื่นเส้น ส่องสะท้อนท้องฟ้าจนขาวบริสุทธิ์

“หุบปาก”

อันหลินยกมือซ้ายขึ้นแล้วดีดชายคนนั้นผ่านอากาศ

แกรก…

ลำแสง หอก ร่างของชายคนนั้น

แหลกสลายหายไปในอากาศเพียงชั่วพริบตา ไม่เหลือร่องรอยเลยแม้แต่นิด

นักพรตซวีอวิ๋น นักพรตมู่โหยวกับสือหลิงจื่อต่างก็มองฉากตรงหน้าด้วยความอึ้ง

ชายคนนั้นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งชาวปีกทมิฬที่สามารถต้านทานการโจมตีของพวกเขาสามคนได้เพียงลำพังเชียวนะ…

แต่ถูกอันหลินสังหารภายในนิ้วเดียวงั้นหรือ

นักรบเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดที่เหลือตกใจกลัวอันหลินจนขวัญหนีดีฝ่อ พากันหลบหนีเอาตัวรอดสุดชีวิต

อันหลินวาดมือคว้าอากาศด้วยมือเดียว

ใช้ผืนฟ้าเป็นตาข่าย ผืนดินเป็นทุ่งสังหาร!

ครืน!

แผ่นดินสั่นไหวโดยพลัน

มีพลังพันธนาการลอยลงมาจากท้องนภา ผนึกนักรบผีดูดเลือดทั้งหลาย

จากนั้น พลังที่สามารถทำลายล้างทุกสรรพสิ่งก็ผุดขึ้นจากผืนดิน

บดขยี้ร่างของนักรบผีดูดเลือดบนพื้นอย่างไม่ปราณี

แม้จะเป็นเจ้าแห่งผีดูดเลือดที่มีพลังแก่กล้ายิ่ง ก็ถูกพลังแห่งปฐพีทำลายล้างจนสิ้นซาก

กองทัพผีดูดเลือดดับสูญด้วยหนึ่งฝ่ามือ!

……………………………….