ตอนที่ 91 ผู้ทรงอิทธิพลทางการแพทย์

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ฉินหร่านขี้เกียจสนใจผู้บัญชาการห่าว เพียงแค่พับแขนเสื้อของตัวเองขึ้น ตอบรับเบาๆ ว่า“อืม”

 

 

ถือเป็นการตอบรับกับคำพูดที่ลู่จ้าวอิ่งบอกเขา

 

 

“ผู้บัญชาการห่าว!” ลู่จ้าวอิ่งปกป้องฉินหร่านเสมอ

 

 

แต่ครั้งนี้เรื่องฉุกเฉิน เขาไม่มีเวลาพูดอะไรมาก แค่มองผู้บัญชาการห่าวด้วยสายตาตักเตือนแวบเดียวเท่านั้น หลังบอกลาฉินหร่านแล้ว ก็รีบร้อนออกไปจากห้อง

 

 

พอทั้งคู่ออกไป ฉินหร่านก็วางหนังสือลงบนโต๊ะ ครุ่นคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็หยิบกุญแจออกไปจากห้อง

 

 

 

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอมาถึงโรงพยาบาลประจำเมือง

 

 

วันนี้ดูเหมือนในโรงพยาบาลจะมีคนค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะลานจอดรถนอกประตูใหญ่ เพียงชั่วพริบตาก็มีรถหรูต่างมณฑลเข้ามาจอดเต็มไปหมด

 

 

ทำให้คนจำนวนมากพากันมุงดู แถมยังถ่ายรูปโพสต์ลงในเวยป๋อ

 

 

ฉินหร่านเข้าไปในห้องผู้ป่วยของเฉินซูหลานด้วยสีหน้านิ่งเฉย

 

 

หนิงเวยกับพวกมู่หยิงอยู่กันครบ

 

 

“หลายวันมานี้กระปรี้กระเปร่าดีเชียวละ พวกเธอไม่ต้องมาเยี่ยมฉันบ่อยๆ หรอก” สายตาของเฉินซูหลานกวาดผ่านมือขวาของฉินหร่าน ใจที่พะวงอยู่ตลอดเวลาก็เบาลงสักที

 

 

ฉินหร่านถือมีดปอกผลไม้ นั่งปอกแอปเปิลอย่างคล่องแคล่วให้เฉินซูหลานอยู่ตรงมุมหนึ่ง

 

 

“เมื่อวานใครมาเยี่ยมหรอคะ” ฉินหร่านหั่นแล้วยื่นแอปเปิลที่ปอกเสร็จแล้วให้เฉินซูหลาน

 

 

เธอเหลือบมองดอกทิวลิปบนหัวเตียง กดเสียงพูดให้เบา

 

 

“จิ่นเซวียนน่ะ ทุกครั้งที่เขาไม่ยุ่งก็จะมาอยู่กับฉัน เด็กคนนั้นมีมารยาทมาก แถมยังทำให้ฉันสบายได้ด้วย” เฉินซูหลานพูดถึงหลินจิ่นเซวียน รอยยิ้มอ่อนโยนมาก

 

 

“ท่าทางจะกตัญญูกว่าหลานสาวแท้ๆ คนนั้นของคุณยายเยอะเลย” ฉินหร่านกระแอมไอ

 

 

ตั้งแต่เฉินซูหลานเข้าโรงพยาบาล ฉินอวี่ไม่เคยมาเยี่ยมเฉินซูหลานเลยสักครั้ง

 

 

ตั้งแต่ไหนแต่ไรฉินหร่านเป็นคนที่อยากพูดอะไรก็พูดออกมา เฉินซูหลานก็ไม่ว่าเธอ

 

 

เพียงแค่ยิ้ม ไม่ใส่ใจแต่อย่างใด

 

 

มู่หยิงทึ้งแขนเสื้อของฉินหร่าน พูดเสียงเบาว่า “พี่ ว่าพี่รองแบบนี้ไม่ดีหรอกมั้ง เธอเองก็วุ่นอยู่กับการฝึกไวโอลิน…”

 

 

พอเจอกับสายตาเย็นเยือกของฉินหร่าน มู่หยิงก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก และรีบเปลี่ยนประเด็น “พี่ ตอนที่พี่ขึ้นมา เห็นพวกรถที่จอดตรงใต้ตึกไหม ฉันไม่รู้จัก แต่เท่มากเลย พี่รู้จักหรือเปล่า”

 

 

น้ำเสียงเจือความอิจฉากับความใฝ่ฝันที่ไม่โจ่งแจ้ง

 

 

ฉินหร่านพูดแค่ว่าไม่รู้ แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก

 

 

มู่หยิงแค่ลองถามดูเฉยๆ

 

 

เธอก็ไม่คิดว่าฉินหร่านจะรู้จักรถพวกนี้เหมือนกัน

 

 

แต่เธอพอได้ยินตอนที่เดินผ่านอยู่บ้าง คนที่มุงดูบอกว่า ส่วนใหญ่เป็นรถหรูรุ่นลิมิเต็ด “ได้ยินว่ามีคนดังมา เดี๋ยวลงไปอาจจะเจอก็ได้…”

 

 

ฉินหร่านไม่ตั้งใจฟัง เธอมาเยี่ยมเฉินซูหลาน และได้เจอแพทย์ประจำตัวของเฉินซูหลานแล้ว เลยไปหาเฉิงเจวี้ยน

 

 

 

 

มือถือของเฉิงเจวี้ยนปิดเครื่อง แต่ตอนที่ออกมาบอกฉินหร่านไว้ว่าเขามีผ่าตัด

 

 

ฉินหร่านหัวไวทีเดียว เดาได้ทันทีเลยว่า รถหรูใต้ตึกวันนี้คงจะมาเพราะเขาเป็นแน่

 

 

พอคิดแบบนี้ ฉินหร่านก็พอจะประเมินตำแหน่งของเขาได้คร่าวๆ แล้ว

 

 

ตึก 29 ของหอผู้ป่วยวีไอพีมีห้องผ่าตัดเฉพาะ ตอนนี้บนตึกมีบอดี้การ์ดจำนวนไม่น้อยเฝ้าอยู่ หากว่าฉินหร่านต้องการ ก็สามารถแอบเข้าไปหยิบชุดพยาบาลแล้วไปยืนข้างประตูห้องผ่าตัดโดยที่ไม่มีใครรู้ได้เหมือนกัน

 

 

แต่เธอไม่ได้ขึ้นไป แค่ยืนพิงรออยู่ข้างลิฟต์เท่านั้น

 

 

คนที่รออยู่ข้างลิฟต์พร้อมกับเธอ ยังมีกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จซึ่งสวมชุดสั่งตัดพิเศษหลากหลายยี่ห้อ ในมือถือกระเป๋าทำงาน มีผู้ช่วยคอยติดตามอยู่ข้างหลัง

 

 

แต่ในบรรดาคนพวกนี้ เด็กที่อายุน้อยมากอย่างเธอดูค่อนข้างสะดุดตามาก

 

 

เพราะเฉิงเจวี้ยนเข้าผ่าตัดไว ฉินหร่านรอไม่นาน ตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็เห็นคนคนหนึ่งถูกแพทย์หลายท่านรุมล้อม

 

 

ขณะเดียวกัน คนที่ประสบความสำเร็จที่รีบร้อนไปทำงานข้างลิฟต์ก็กรูกันเข้าไป

 

 

เฉิงเจวี้ยนตามหลังผู้บริหารมาอย่างเชื่องช้า เขาสวมชุดกาวน์สีขาว หน้ากากอนามัยสีฟ้ายังแขวนอยู่ตรงหู กำลังปลดกระดุมเสื้อนอกด้วยมือข้างเดียว นิ้วเรียวยาวและขาวซีดปานหยก

 

 

แม้การผ่าตัดจะกินเวลาหลายชั่วโมง แต่เขากลับไม่ดูหมดสภาพเลยสักนิด

 

 

แม้คนรอบข้างจะเบียดเสียด แต่ก็อยู่ห่างจากเขาสิบเซนติเมตรอย่างเจียมตัว เสียงก็เบาลงอย่างไม่รู้ตัว

 

 

เป็นภาพที่เงียบสงบมาก

 

 

“การผ่าตัดครั้งต่อไปต้องรอดูสถานการณ์ก่อน” เพราะไม่ได้ดื่มน้ำเป็นเวลานาน ยามเขาพูดเสียงจึงแหบพร่านิดหน่อย รับปากกาที่ผู้บริหารให้เขา เตรียมตัวจะไปถกประเด็นวิจัยในห้องประชุม

 

 

พอเหลือบตาขึ้น ก็เห็นร่างเยือกเย็นที่ยืนพิงผนังอยู่ไม่ไกล

 

 

ฝีเท้าของเฉิงเจวี้ยนชะงัก

 

 

ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงการเงิน ทั้งคณะกรรมการ หัวหน้าแต่ละหน่วยของโรงพยาบาลต่างก็เผลอหยุดอยู่ข้างเขา

 

 

ชื่อเสียงในแวดวงการแพทย์ของเฉิงเจวี้ยนกระฉ่อนไปทั่วประเทศ นักวิชาการด้านหทัยวิทยาในแวดวงการแพทย์เคยประกาศว่าเขาเกิดมาเพื่อศาสตร์การแพทย์

 

 

รับผ่าตัดเดือนละหนึ่งครั้ง การผ่าตัดครั้งนี้คงเป็นเพราะโอกาสสำเร็จของแพทย์คนอื่นไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์จึงไม่กล้าลงมือ แต่ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเมื่อมาถึงมือเขา

 

 

หมอแบบนี้ คนที่มีฝีมือพวกนั้นต้องทำทุกวิธีให้เขาทำงานให้จึงจะถูก

 

 

แต่น่าแปลก ไม่มีใครกล้าแตะต้องเขา

 

 

แม้แต่ผู้มีอิทธิพลในแวดวงการเงินพวกนั้นก็ยังเคารพเขาเป็นอย่างมาก แวดวงการแพทย์ไม่มีใครรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเขา และมีภูมิหลังอย่างไร

 

 

สรุปก็คือ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้มีอิทธิพลในแวดวงไหน เมื่ออยู่ตรงหน้าเฉิงเจวี้ยนก็ต้องรักษากฎระเบียบของเขา

 

 

เฉิงเจวี้ยนจริงจังกับการผ่าตัดมาก เขาปิดโทรศัพท์ระหว่างการทำงาน

 

 

หลังผ่าตัดเสร็จจะมีเวลาสามสี่ชั่วโมงให้คนร่วมสายงานได้วิเคราะห์แนวคิดกับคนอื่น หรือไม่ก็บรรยายสด

 

 

ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางมาก่อน

 

 

ฉะนั้น คนที่รู้จักธรรมเนียมของเขาดี พอเห็นเขาถอดเสื้อกาวน์ออก ถามเด็กผู้หญิงคนหนึ่งด้วยสีหน้าอ่อนโยนว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

คนส่วนใหญ่จึงยังอยู่ในสภาวะงุนงง

 

 

เรื่องของเฉิงมู่เร่งด่วนมาก ฉินหร่านพูดแค่คำสองคำก็ชัดเจนแล้ว

 

 

“เข้าใจแล้ว” เฉินเจวี้ยนหยิบมือถือออกมาพลางเหลียวไปคุยกับผู้บริหารไม่กี่ประโยค ก็พาฉินหร่านออกไป นัยน์ตาลุ่มลึกมาก

 

 

ไม่สนท่าทางตะลึงงันของกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเขาเลย

 

 

เขาต่อสายหาลู่จ้าวอิ่ง คุยกับลู่จ้าวอิ่งไม่กี่คำ ก็หลุบตาต่ำลงพูดกับฉินหร่านว่า “เธอรอฉันตรงนี้เดี๋ยว ฉันจะไปขับรถมา”

 

 

ตอนแรกฉินหร่านอยากบอกว่าเธอไม่ไปดีกว่า ผู้บัญชาการห่าวคนนั้นดูจะไม่ชอบเธอเอามาก

 

 

ไม่ใช่แค่ไม่ชอบ อันที่จริงคือไม่ให้เกียรติเธอเลย

 

 

แต่เห็นท่าทางรีบร้อนของเฉิงเจวี้ยน จึงไม่เอ่ยปาก

 

 

ไม่นาน เฉิงเจวี้ยนก็ขับรถมา

 

 

“ขึ้นมาก่อน” ไม่ใช่รถสีดำที่คุ้นเคยคันนั้น แต่เป็นลัมโบร์กินีสีน้ำเงินคันหนึ่ง “เมื่อคืนเฉิงมู่ขับรถฉันไปแล้ว นี่เป็นรถที่คุณอาเจียงให้คนส่งมาชั่วคราว แค่สวยนิดหน่อย แต่สมรรถนะไม่ค่อยมั่นคง ขับขึ้นเขาไม่ได้”

 

 

เฉิงเจวี้ยนอธิบาย

 

 

ฉินหร่าน “…”

 

 

 

 

อีกด้านหนึ่ง พอมู่หยิงเยี่ยมเฉินซูหลานเสร็จแล้ว ก็ลงจากตึกเตรียมตัวกลับบ้าน เพิ่งออกจากประตู ก็เห็นรถหรูรูปทรงไหลลื่นที่ตัวเองสังเกตเห็นตอนมาจอดอยู่ข้างทาง

 

 

ตอนที่มา เป็นเพราะรูปทรงของรถคันนี้มีความเฉพาะตัว เธอมองอยู่หลายครั้ง ได้ยินผู้ชายหลายคนคุยกันถึงได้รู้ว่า…

 

 

รถคันนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ด ราคาไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน

 

 

นี่เป็นตัวเลขที่มู่หยิงไม่กล้าแม้แต่จะฝัน ในสายตาเธอ แค่ไวโอลินราคาห้าแสนของฉินอวี่ก็สูงลิ่วแล้ว

 

 

แต่ครู่หนึ่ง เธอก็เห็นฉินหร่านยืนอยู่ข้างทางฝั่งที่นั่งคนขับ ท่าทางราวกับกำลังจะเปิดประตู

 

 

“พี่!” ใจของมู่หยิงกระตุก เผลอตะโกนเรียกฉินหร่านโดยไม่รู้ตัว