ตอนที่ 92 ท่านเทพ จับได้แล้ว

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ฉินหร่านอยากขึ้นรถให้เร็วกว่านี้หน่อย

 

 

แต่คิดไม่ถึงว่าเสี้ยววินาทีต่อมามู่หยิงก็วิ่งเข้ามาแล้ว

 

 

ฉินหร่านขมวดคิ้ว

 

 

“พี่ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ นี่เป็นเพื่อนพี่เหรอ” มู่หยิงพูดกับฉินหร่าน แต่สายตากลับอยู่ที่รถอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

ลัมโบร์กินีมีโครงสร้างรถยนต์เตี้ย ประตูรถเป็นรูปทรงปีกนก เมื่อเธอมองออกไปแบบนี้ จะไม่เห็นใบหน้าของคนที่นั่งบนที่นั่งคนขับ แต่เห็นมือเรียวยาวคู่หนึ่ง ประณีตน่ามอง

 

 

มองไม่เห็นหน้า แต่ก็เห็นได้จากมือคู่นี้ว่าเจ้าของรถไม่แก่ มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลมาก

 

 

สายตาของมู่หยิงจดจ้องคนที่นั่งฝั่งคนขับไม่วางตา

 

 

“ฉันมีธุระ” ฉินหร่านไม่มีความอดทนกับเรื่องแบบนี้ เอียงหัวชายตามองมู่หยิงแวบหนึ่ง “ขอตัวก่อน”

 

 

“แต่ว่าพี่…” มู่หยิงกลับไม่อยากให้ฉินหร่านไปเร็วแบบนี้ เธอมองซูเปอร์คาร์ด้วยตาเป็นประกาย ตื่นเต้นยิ่งนัก แค่มองก็รู้ว่าสนใจเฉิงเจวี้ยนเป็นอย่างมาก

 

 

นิ้วของเฉิงเจวี้ยนพาดอยู่บนพวงมาลัย ขายาวชันขึ้นน้อยๆ นั่งบนที่นั่งคนขับอย่างเฉื่อยชาพูดขึ้นมาว่า “นักเรียนฉิน ต้องไปแล้ว”

 

 

ฉินหร่านพยักหน้าให้มู่หยิงแล้วขึ้นรถทันที

 

 

กระจกรถมองไม่เห็นข้างใน มู่หยิงยืนอยู่ที่เดิม มองรถคันนั้นขับผ่านหน้าไป ทิ้งไว้แค่ภาพของท้ายรถเท่านั้น

 

 

 

 

เมืองอวิ๋นเฉิงไม่ใหญ่ ยามรถไม่ติด ขับจากฝั่งใต้ของเมืองไปทางเหนือ เต็มที่เวลาหนึ่งชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว

 

 

ใช้เวลาไม่นาน เฉิงเจวี้ยนก็ขับรถมาถึงจุดหมาย

 

 

ลู่จ้าวอิ่งกับผู้บัญชาการห่าวต่างก็อยู่ในห้องรับรองของสถานีตำรวจท้องถิ่น

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” เฉิงเจวี้ยนเดินเข้าไป เอ่ยถามเสียงต่ำ

 

 

ผู้บัญชาการห่าวกับลู่จ้าวอิ่งเห็นเฉิงเจวี้ยนมา ก็เหมือนเจอที่พึ่งทางใจ รีบพูดเป็นพัลวันว่า “เรื่องของเฉิงมู่ ผู้บัญชาการเฉียนแนะนำให้พวกเราแจ้งความ ไม่ยอมคุยอะไรมาก ผมกับคุณชายลู่กำลังรอเขาเลิกงานอยู่”

 

 

คนของผู้บัญชาการห่าวก็กำลังหาเบาะแสของเฉิงมู่อยู่เหมือนกัน แต่ไม่คืบหน้าเลยสักนิด

 

 

ไม่ว่าอย่างไรผู้บัญชาการห่าวก็ไม่ใช่คนเมืองอวิ๋นเฉิง หลายเรื่องทางฝั่งนี้เขาเข้าไปยุ่งไม่ได้ แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องที่เฉิงมู่หายตัวไปไม่ธรรมดา แจ้งความไม่มีประโยชน์

 

 

ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ ก็เห็นฉินหร่านเดินตามหลังเฉิงเจวี้ยนเข้ามาอย่างเชื่องช้า

 

 

เธอไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ แค่ถือโทรศัพท์เล่นเกม

 

 

ฉินหร่านตามหลังเฉิงเจวี้ยนเข้ามา ผู้บัญชาการห่าวกล้าต่อว่าฉินหร่านต่อหน้าลู่จ้าวอิ่ง แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้าเฉิงเจวี้ยน

 

 

แค่มองฉินหร่านอย่างเฉยชาแวบหนึ่งแล้วละสายตา

 

 

“ผู้บัญชาการห่าว มีคนส่งของมาให้คุณ” นอกห้องมีคนเคาะประตูแล้วเข้ามา ยื่นรูปจิ๊กซอว์เก่าๆ ใบหนึ่งให้ผู้บัญชาการห่าว

 

 

รูปที่กระจัดกระจาย

 

 

ฉินหร่านไม่เล่นเกมหลายวันแล้ว เธอกำลังรออัปเดตใหม่ เลยเหลือบมองจิ๊กซอว์เก่าๆ แวบหนึ่ง ไม่ใช่รูปที่ซับซ้อนมากนัก ถ้าต่อเสร็จคงจะเป็นรูปสุนัข

 

 

เธอละสายตาอีกครั้ง

 

 

ผู้บัญชาการห่าวรับมาแล้วดู คิ้วขมวดเป็นปม “จู่ๆ ทำไมถึงมีคนส่งเจ้านี่มาให้ฉันอย่างไม่มีสาเหตุล่ะ”

 

 

เฉิงเจวี้ยนจ้องภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็เอียงหัว ถามลู่จ้าวอิ่งว่า “ในเมืองอวิ๋นเฉิงมีโรงงานร้างขนาดใหญ่อยู่ที่ไหนบ้าง ที่ใช้ผลิตพลาสติก”

 

 

“ฉันไม่รู้ ต้องลองถามคุณอาเจียงดู” ลู่จ้าวอิ่งล้วงมือถือออกมา “ท่านเจวี้ยน นายยังดูอะไรออกอีกไหม”

 

 

ผู้บัญชาการห่าวพอจะรู้ว่าเป็นของที่โจรลักพาตัวเฉิงมู่ส่งมาให้ จึงรีบยื่นจิ๊กซอว์ให้เฉิงเจวี้ยน

 

 

เฉิงเจวี้ยนวางจิ๊กซอว์ลงบนโต๊ะ ทยอยต่อจนเสร็จ

 

 

จิ๊กซอว์ไม่ค่อยสมบูรณ์มากนัก มีบางทียังขาดชิ้นส่วนไป

 

 

เฉิงเจวี้ยนจ้องภาพนั้นอยู่นาน

 

 

ในตอนนี้เอง ก็มีสองคนเดินเข้ามาในห้องรับรอง

 

 

“ไม่ทราบว่า ท่านไหนคือผู้บัญชาการห่าว” ผู้ชายที่เดินเข้ามาอายุราวๆ สี่สิบ แต่งตัวสุภาพ ใบหน้ามีความดุดันซ่อนอยู่

 

 

ผู้บัญชาการห่าวคิดไม่ถึงว่าผู้บัญชาการเฉียนที่เขามาหาหลายวันแต่ไม่ยอมพบเขา

 

 

คราวนี้จะโผล่มากะทันหัน แต่ก็ไม่ทันได้คิดว่าทำไมเขาถึงยอมโผล่หน้ามา ก้าวเท้าออกไปไม่กี่ก้าว “ผมเอง”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งยืนข้างเฉิงเจวี้ยน กระซิบด้วยความคลางแคลงใจนิดหน่อยว่า “ตอนแรกผู้บัญชาการเฉียนไม่คิดจะสนใจพวกเราเลยด้วยซ้ำ แค่บอกเราไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้ ทำไมคราวนี้จะเปลี่ยนใจล่ะ”

 

 

คิดไปครู่หนึ่ง ลู่จ้าวอิ่งก็มองเฉิงเจวี้ยน “ท่านเจวี้ยน หรือเขาจะรู้จักนาย…ไม่สิ เขาไม่น่าจะเคยได้ยินชื่อนายมาก่อน”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งไม่เข้าใจ จึงเลิกคิดมากไปซะเลย

 

 

เฉิงเจวี้ยนแค่มองอากัปกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ของผู้บัญชาการเฉียน ราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

 

 

“157xxxxxxxx เบอร์นี้ คุณให้ฝ่ายไอทีช่วยตรวจสอบหน่อย” เฉิงเจวี้ยนพูดกับผู้บัญชาการเฉียน “น่าจะไม่ใช่บัตรที่ลงทะเบียน แต่สามารถตรวจสอบเส้นทางได้”

 

 

ผู้บัญชาการเฉียนพยักหน้า สั่งให้เจ้าหน้าที่ไอทีวัยรุ่นไปจัดการเรื่องนี้

 

 

“แล้วก็ผมอยากให้คุณจัดการระบบ คนที่ส่งของมาให้ผู้บัญชาการห่าวต้องปลอมตัวแน่ แต่ต้องหาช่องโหว่เจอแน่นอน ต่อให้เปลี่ยนตัวกี่คน กล้องวงจรปิดตรงถนนต้องจับภาพได้แน่…” เฉิงเจวี้ยนสั่งการอย่างเป็นระเบียบมีแบบแผน

 

 

แค่ครู่เดียวผู้บัญชาการเฉียนก็รู้แล้วว่าในบรรดาคนพวกนี้เฉิงเจวี้ยนเป็นแกนนำ เขามองเฉิงเจวี้ยนหลายต่อหลายครั้ง

 

 

“ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะจัดการเรื่องนี้เสร็จ” เฉิงเจวี้ยนเหลือบตาขึ้น มองเจ้าหน้าที่ไอทีคนนั้น

 

 

เจ้าหน้าที่ไอทีกอดโน้ตบุ๊กไว้ “ครึ่งชั่วโมง”

 

 

“เมืองอวิ๋นเฉิงมีโรงงานพลาสติกสี่แห่ง ถ้าให้คุณระบุตำแหน่งที่ชัดเจนจากระบบนี้ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน” เฉิงเจวี้ยนมองเจ้าหน้าที่ไอที

 

 

“ยังไม่เคยลอง ให้เวลาผมลองยี่สิบนาที”

 

 

ผู้บัญชาการห่าวเข้าใจว่านี่คงจะเป็นตำแหน่งของเฉิงมู่ มองเจ้าหน้าที่ไอทีวัยรุ่นคนนั้นด้วยความกังวลเช่นกัน

 

 

บรรยากาศในห้องตึงเครียดขึ้นมา

 

 

ในตอนนี้เอง ก็มีเสียง ‘ชนะ’ ที่กังวานทรงพลังของผู้หญิงดังออกมาจากมือถือของฉินหร่าน ทำลายบรรยากาศเงียบงัน

 

 

ผู้บัญชาการห่าวหันหน้า มองมาทางฉินหร่านอย่างเหลืออด

 

 

ฉินหร่านปรับลดเสียงลง ตอนที่ช้อนตาขึ้น ก็เห็นสายตาดูถูกที่แฝงความไม่พอใจของผู้บัญชาการห่าว สีหน้าไม่ดีเอาเสียเลย

 

 

ใครจะมาเล่นเกมในเวลาที่คร่ำเครียดแบบนี้กัน

 

 

“คุณผู้หญิงท่านนี้ กรุณาอย่ารบกวนเจ้าหน้าที่ไอทีที่นี่!” ผู้บัญชาการห่าวกดเสียงต่ำ พูดขึ้นข้างๆ เฉิงเจวี้ยนเชิงตักเตือน

 

 

เจ้าหน้าที่ไอทีเริ่มหาพิกัดตามระบบแล้ว

 

 

พิกัดสุดท้ายที่ได้กลับเป็นตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ตอนนี้

 

 

ลู่จ้าวอิ่งเบิกตากว้าง “เป็นไปได้ยังไง”

 

 

“อีกฝ่ายแทรกแซงมากเกินไป” เจ้าหน้าที่ไอทีพูดเสียงเข้ม “คัดเลือกจากคลังสถิติ วางเส้นทางใหม่ ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน”

 

 

หนึ่งวัน สำหรับงานที่ใหญ่ขนาดนี้ ถือว่าเร็วแล้ว

 

 

“แต่ตอนคดี 712 ของพวกคุณทำได้เร็วมากนะ” ผู้บัญชาการห่าวมองเจ้าหน้าที่ไอทีกับบัญชาการเฉียนด้วยสายตาลุกเป็นไฟ

 

 

ผู้บัญชาการเฉียนไม่ปริปาก

 

 

ฉินหร่านเก็บมือถือ ลุกขึ้นยืน

 

 

เฉิงเจวี้ยนได้สติ เขามองฉินหร่านดวงตาเป็นประกาย ยื่นโน้ตบุ๊กที่เจ้าหน้าที่ไอทีวางอยู่มุมหนึ่งให้เธอแล้วยิ้ม “ให้เธอ”