“ศิษย์พี่ใหญ่ หญิงสาวผู้นี้ คือคนที่ท่านรักใช่หรือไม่!”
สำหรับความตกใจ แฝงดีใจและประหลาดใจของหนานกงจวิ้นซี เหลิ่งจวิ้นซีเพียงขมวดคิ้วกระบี่งามเล็กน้อยก่อนเผยอริมฝีปากแดง เอ่ยอย่างเย็นชาว่า
“ไม่ต้องคิดให้มากความ”
เอ่ยจบ เห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋เก็บภาพวาดม้วนนั้นแล้ว ก่อนวางกลับลงไปในกล่องภาพวาด
ความจริง เขาก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตนจึงต้องวาดหญิงสาวผู้นี้
เห็นชัดว่าเขาลืมเลือนแม้กระทั่งรูปโฉมของหญิงสาวผู้นี้ ทว่ามีบางสิ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าใจยิ่งนัก
เขารู้ว่าคืนนั้นไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง
แต่หลังจากวันนั้น เขาตื่นขึ้นมา ข้างกายกลับไม่มีผู้ใด ผู้หญิงคนนั้นได้จากไปแล้ว
เวลานั้นเขาให้คนไปตรวจสอบ ว่ามีผู้ใดปรากฏตัวขึ้นมาในตำหนักหย่าเฟิง และยังเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้คนแปลกใจคือ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็นใคร
เธอเหมือนปรากฏตัวไปมาอย่างไร้ร่องรอย
หากไม่มีรอยเลือดดุจดอกเหมยฮัวบนพื้นนั้น เขาคงคิดว่าคืนนั้นอาจเป็นเพียงฝันหวานชั่วขณะเท่านั้น
ทว่าในเมื่อเรื่องในคืนนั้นคือความจริง เขาทำลายความบริสุทธิ์ของหญิงสาวผู้หนึ่ง เหตุใดหญิงสาวผู้นั้นจึงไม่มาหาเขาล่ะ!
น่าแปลก แปลกประหลาดจริงๆ!
สำหรับเรื่องนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่เข้าใจมาโดยตลอด
หนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้างเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋เคร่งขรึมไม่พูดจา แปลกใจอย่างยิ่ง จึงเอ่ยถามต่อว่า
“ศิษยพี่ใหญ่ ท่านเล่ามาเถอะ ข้าเป็นศิษย์น้องของท่าน หรือเรื่องนี้แม้กระทั่งศิษย์น้องก็บอกไม่ได้หรือ ท่านเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว!”
หนานกงจวิ้นซีเอ่ยพูดพลางใช้ข้อศอกกระทุ้งเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ผู้ใดว่าการชอบนินทาคือสัญชาตญาณของผู้หญิง! บางครั้งผู้ชายก็ฟังเรื่องนินทาเช่นกัน
สำหรับสีหน้าแปลกใจของหนานกงจวิ้นซี เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเลิกคิ้วปรายตามองเขาชั่วครู่ ก่อนก้มลงอ่านหนังสือต่อ ไม่สนใจเขาอีก
“ชิ! ลึกลับขนาดนั้นเชียว ใจแคบเสียจริง”
เมื่อไม่ได้คำตอบ หนานกงจวิ้นซีจึงเบ้ปากอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะไม่เอ่ยถามต่อไปอีก
เพราะนิสัยแท้จริงของศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้เขารู้ดีที่สุด
เรื่องที่ศิษย์พี่ใหญ่ไม่อยากเอ่ยถึง แม้จะใช้มือง้างปากเขาก็ไม่พูดออกมา
ดังนั้นในตอนนี้หนานกงจวิ้นซีจึงทำได้เพียงข่มความแปลกใจของตนเอาไว้ อย่างไรเวลาก็ยังอีกยาวไกล วันหน้าเขาต้องค่อยๆ สืบเรื่องนี้ให้กระจ่างได้อย่างแน่นอน
…
เวลาสามวันจะเอ่ยว่ายาวก็ไม่ยาว จะว่าสั้นก็ไม่สั้น ทว่าความจริงชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไป
วันนี้ เป็นการแข่งขันแสดงความสามารถด้านศิลปะที่จัดขึ้นครั้งเดียวในหนึ่งปี
แม้หลายวันมานี้เพราะเรื่องควักหัวใจ ทำให้ผู้คนต่างตื่นตระหนก
ทว่าหลายวันนี้ อาจเป็นเพราะการเพิ่มการคุ้มกันลาดตระเวนที่แน่นหนา ดังนั้นสามวันนี้ จึงไม่เกิดเรื่องควักหัวใจขึ้น
แต่ความเงียบสงบเช่นนี้ กลับทำให้คนรู้สึกเหมือนความสงบก่อนพายุฝนจะตั้งเค้ามาเยือน
หลังฝึกเต้นรำมาสามวัน เล่อเหยาเหยามั่นใจอย่างยิ่ง
ไม่ว่าท่วงท่าจะยากระดับใด ต่างฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ
เพราะร่างนี้ยืดหยุ่นมาก เหมาะสมกับการเต้นรำยิ่งนัก
สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้เธอมีข้อมูลมากมาย
แต่เธอกลับไม่ทะนงตน
เพราะทหารที่ถือดีย่อมพ่ายแพ้!
บนโลกนี้เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!
สามวันมานี้ เธอแทบไม่ได้เจอหน้าองค์ชายเจ็ดเลย เพราะจากหลังปรนนิบัติพญายมเสร็จ เวลาที่เหลือพญายมให้เธอออกไปไม่ต้องคอยปรนนิบัติ
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกว่าพญายมตั้งใจให้เธอมีเวลาทำเรื่องส่วนตัวของตนเอง!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงมีความรู้สึกที่ดีต่อพญายม
เพราะคนที่สามารถเข้าใจข้ารับใช้ของตน ต่างเป็นเจ้านายที่ดีควรแก่การเคารพนับถือ!
แม้การแข่งขันครั้งนี้จะเป็นเรื่องสมมติ แต่เพื่อไม่ให้มีคนรู้มากเกินไปและเปิดเผยข้อมูลออกไปจนลัทธินอกรีตรู้เข้า
ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันครั้งนี้ นอกจากขันทีและองครักษ์ภายในวังอ๋องที่มีสิทธิ์เข้าร่วมแล้ว คณะกรรมการที่เชิญมาจาก
ด้านนอกและหญิงสาวสิบคนนั้นต่างไม่รู้เรื่องนี้
แต่ว่ารางวัลในครั้งนี้ รุ่ยอ๋องเป็นผู้รับผิดชอบ และยังมากมายอย่างยิ่ง
นั่นคือ…
อันดับที่หนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ จะได้รับเงินหนึ่งร้อยตำลึง อันดับที่สองได้รับเงินห้าสิบตำลึง อันดับที่สามจะได้รับเงินสามสิบตำลึง
แม้เงินพวกนี้จะดูไม่มาก แต่สำหรับราษฎรปกติทั่วไป กลับเป็นเงินจำนวนมหาศาล!
หลายๆ คนใช้เงินเดือนๆ หนึ่งแค่ไม่กี่อีแปะ
หลังจากเล่อเหยาเหยารู้ว่ารางวัลสามอันดับแรกในการแข่งขันครั้งนี้จะได้รับเงินจำนวนมากมายเช่นนั้น ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
สวรรค์!
เงินหนึ่งร้อยตำลึง
เงินสีขาวยวง
เธอรู้ว่าพญายมมีเงินทองมากมายขนาดนั้น ต้องใจกว้างเป็นอย่างมากเป็นแน่ ฮิฮิ ครั้งนี้เธอต้องพยายามชิงอันดับหนึ่งมาให้ได้ ถึงแม้จะไม่ได้อันดับหนึ่ง ก็ต้องไม่ต่ำกว่าสามอันดับแรก
ฮิฮิ แม้จะได้รับเงินเพียงสามสิบตำลึง เธอก็ถือว่าร่ำรวยแล้ว!
เพราะเศรษฐกิจในยุคสมัยนี้ เงินจำนวนสามสิบตำลึง หากเก็บไว้จำนวนหนึ่ง ก็สามารถใช้ไปได้อีกหลายปี!
อีกทั้งเธอยังสามารถทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่ต้องนั่งกินนอนกินสมบัติเก่าจนหมด!
รวมทั้งยังมีเสี่ยวมู่จื่อ!
ดังนั้นครั้งนี้เป็นโอกาสในรอบพันปีที่จะพานพบ สามารถหาเงินก้อนโตได้ เธอจึงต้องไม่ผิดพลาดเด็ดขาด!
เพราะความสุขอีกครึ่งในชีวิตของเธอ ขึ้นอยู่กับการแข่งขันครั้งนี้!
เล่อเหยาเหยา สู้ตาย!
ขณะที่เล่อเหยาเหยาให้กำลังใจตนเอง การแข่งขันครั้งนี้ก็ค่อยๆ เริ่มขึ้น
สถานที่ในการแข่งขันการแสดงความสามารถด้านศิลปะครั้งนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋วางแผนจัดการโดยเฉพาะ
เพียงแต่สถานที่พักของเหล่าหญิงสาวผู้เข้าร่วมแข่งขัน กลับห่างไกลออกไป
อีกทั้งด้านหลังก็เป็นกำแพง ไร้หนทางหลบหนี
เรื่องพวกนี้ เล่อเหยาเหยารู้จากแผนการของหนานกงจวิ้นซีและพรรคพวก
นั่นคือ อันดับแรกให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันไปยังสถานที่อันห่างไกลนั้นก่อน จากนั้นก็ใช้อุบายแอบสับเปลี่ยนผู้เข้าร่วมแข่งขันเป็นองครักษ์ที่มีวรยุทธสูงส่งพวกนั้น
หลังจากเหล่าลัทธินอกรีตปรากฎตัวขึ้นมา ก็จัดการทำลายพวกมันให้หมดสิ้น
และแม้ว่าเหล่าลัทธินอกรีตพวกนั้นคิดหลบหนีไป ด้านหลังก็เป็นกำแพง นอกจากความตาย ก็ไม่มีหนทางอื่น
สำหรับแผนการที่รอบคอบของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างเขา ล้วนมองอย่างตกตะลึง
แม้วิธีการครั้งนี้เธอจะเป็นคนคิดขึ้นมา เพียงใช้ตำรายุทธพิชัยสงครามซุนจื่อเท่านั้น แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับเสริมส่วนที่ไม่เพียงพอทั้งหมดเข้าไป
แหฟ้าตาข่ายดินนี้ แม้เป็นเทพชั้นต้าหลอเทียน ก็ทำได้เพียงเข้าไป ทว่ากลับออกมาไม่ได้
ดังนั้น ความหวาดกลัวพญายมในตอนแรกเริ่มของเล่อเหยาเหยา เวลานี้เริ่มค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเลื่อมใสในตัวเขา
แต่เรื่องนี้ เธอกลับไม่รู้ตัวเลย
ตอนนี้เป็นเวลาเช้ามืด แต่ภายในวังรุ่ยอ๋องกลับเริ่มคึกคักขึ้นมาแล้ว
เพราะครั้งนี้ คนที่ถูกคัดเลือกจากภายในวังอ๋องต่างเป็นเหล่าขันทีน้อย
และเหล่าขันทีน้อยนี้ วันนี้ต้องทำการแต่งตัวใหม่อีกรอบถึงจะถูกต้อง!