ตอนที่ 103 ฝูฉูซื้อลูกท้อ

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 103 ฝูฉูซื้อลูกท้อ

วันต่อมา เจียงป่าวชิงสะพายตะกร้าหญ้าไว้บนหลังและเตรียมเข้าไปเก็บสมุนไพรในป่า

เจียงหยุนชานมาส่งเจียงป่าวชิงที่หน้าบ้าน เขายืนมองจนกระทั่งร่างของนางหายเข้าไปในป่า ถึงจะหมุนตัวกลับมาเพื่อกลับไปอ่านหนังสือต่อ แต่ตอนที่เจียงหยุนชานหมุนตัวนั้น เขาก็เห็นว่าประตูบ้านข้าง ๆ กำลังเปิดออกพอดี จากนั้นก็มีหญิงสาวในชุดผ้าเดินถือตะกร้าไม้ไผ่ออกมาจากข้างใน

นั่นคือฝูฉู

ฝูฉูเองก็ไม่คิดว่าตนจะเจอกับเจียงหยุนชานเช่นกัน หลังจากที่นางตกตะลึง นางก็พยักหน้าให้เจียงหยุนชานเพื่อเป็นการทักทาย

นี่เป็นครั้งที่สองที่เจียงหยุนชานเห็นนาง

เจียงหยุนชานรู้สึกร้อนที่หูเล็กน้อย เขาจำได้ว่าน้องสาวเคยบอกกับเขาว่าสาวใช้ของคุณชายที่อาศัยอยู่ที่บ้านข้าง ๆ มีนามว่าฝูฉู ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าชื่อนี้ขับสาวน้อยให้เด่นอยู่พอสมควร ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่านางแต่งตัวธรรมดา ๆ แต่ตอนที่แสงแดดสะท้อนใบหน้าด้านข้างของนาง ในหัวของเขาก็ผุดกลอนที่ว่า ‘ดอกบัวสีแดงนับพันใบเขียวชอุ่มอยู่ริมน้ำ’ ขึ้นมาทันที

เจียงหยุนชานเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดตนถึงได้เกิดความกระวนกระวายในใจ แต่เขายังคงหลุบสายตาลงและแสดงความเคารพตอบฝูฉูอย่างมีมารยาท

เดิมทีเจียงหยุนชานจะเดินกลับเข้าบ้าน แต่เขากลับได้ยินฝูฉูเรียกเขาไว้เสียก่อน “เจ้าคือพี่ชายของแม่นางเจียงหรือเปล่า ?”

‘แม่นางเจียง อ้อ… นางคงหมายถึงเจียงป่าวชิง…’

เจียงหยุนชานหยุดฝีเท้าลงและหมุนตัวกลับ ถึงแม้ว่าเขาจะยืนตรงกับฝูฉู แต่สายตาของเขากลับอยู่ห่างจากใบหน้าของนางเล็กน้อย เพื่อจะได้ไม่เป็นการมองฝ่ายตรงข้ามตรง ๆ และเพื่อจะได้ไม่เป็นการล่วงเกินนางด้วยเช่นกัน

“ใช่แล้ว ข้าเอง” เจียงหยุนชานตอบ “แม่นางมาหาน้องสาวข้ามีธุระอะไรหรือเปล่า ?”

ฝูฉูพูดขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าที่ชีหลี่โวจะขายพวกผักผลไม้ในตอนเช้า แต่เพราะข้าไม่คุ้นชินกับที่นี่ จึงอยากเชิญแม่นางเจียงให้ไปเดินในหมู่บ้านด้วยกันน่ะจ้ะ”

เจียงหยุนชานรู้สึกเพียงว่าเสียงของฝูฉูไพเราะน่าฟังมาก เลี่ยงไม่ได้เลยที่หูของเขาจะเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เขาอดที่จะกระแอมไออย่างเสียไม่ได้ “แม่นาง เอ่อ… เผอิญว่าน้องสาวข้าเข้าไปเก็บสมุนไพรในป่าแล้ว”

“เก็บสมุนไพรรึ ? เก็บสมุนไพรอะไรกันหรือ ?” ฝูฉูรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย “เครื่องปรุงยาในบ้านของข้าแทบจะมีครบทุกสิ่งเท่าที่ควรมี แม่นางเจียงขาดเหลืออะไรก็ไปเอาจากในห้องยาบ้านข้าก็ได้ เหตุใดต้องลำบากขนาดนั้นด้วย ?”

เจียงหยุนชานพูดอธิบายแทนเจียงป่าวชิงอย่างตั้งใจ “อ้อ น้องสาวข้ามักจะมีลำดับขั้นตอนในการทำสิ่งต่าง ๆ ในแบบของนางเสมอ ที่นางทำเช่นนี้ ก็คงเพราะนางมีเหตุผลของนางอย่างแน่นอน”

ฝูฉูรู้สึกงุนงงก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นนางก็ยิ้มด้วยสีหน้านิ่ง ๆ “ก็ใช่จ้ะ แม่นางเจียงยอดเยี่ยมอยู่แล้ว”

เจียงหยุนชานพยักหน้าอย่างได้รับเกียรติ

ฝูฉูยิ้มให้เขาและพูดต่อ “อืม… ในเมื่อแม่นางเจียงไม่อยู่ ถ้าอย่างนั้นข้าขอลานะจ๊ะ” พูดจบนางก็พยักหน้าให้เจียงหยุนชานอย่างเกรงใจ จากนั้นก็ถือตะกร้าไม้ไผ่และเดินจากไป

เจียงหยุนชานไม่ได้คิดอะไรมากมาย เขาเพียงแค่ยืนงงอยู่กับที่ จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางยิ้มกับตัวเองและเข้าไปอ่านหนังสือในบ้าน

ทางด้านฝูฉู นางคิดเรื่องบางอย่างในใจขณะถือตะกร้าไม้ไผ่เข้าไปในหมู่บ้าน  ตั้งแต่ที่นางเข้ามาในทางเข้าหมู่บ้าน นางก็ดึงดูดสายตาของชาวบ้านมากมาย

ฝูฉูถูกที่บ้านส่งมาเป็นสาวใช้ให้ตระกูลกงตั้งแต่เล็ก ตระกูลกงไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา ผู้ใดก็ตามที่ได้รับตำแหน่งเป็นสาวใช้เช่นฝูฉูจะถือว่าต้องเป็นพิณ หมากรุก ภาพเขียนอย่างผ่าน ๆ และไม่ต้องพูดถึงการกล่อมเกลาที่เห็นได้เป็นประจำเลย

นอกจากนี้ ฝูฉูอายุสิบหกปีซึ่งเป็นวัยที่กำลังพอดี รูปโฉมของนางก็งดงาม แม้ว่าจะไม่ได้ทาแป้งแต่งองค์ให้งดงามขนาดนั้น แต่ใบหน้าที่ดูนุ่มนวลอ่อนโยนก็เหมือนดอกไม้ที่ยังคงปกคลุมไปด้วยน้ำค้างในยามเช้า ซึ่งดูสวยงามเป็นอย่างยิ่ง

แล้วเหตุใดนางถึงจะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คนล่ะ ?

ฝูฉูหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าร้านแผงลอยเล็ก ๆ

ชายชราคนหนึ่งตั้งแผงขายของไว้ตรงหน้าบ้านของเขา เขาวางลูกท้อลูกใหญ่ไว้บนหินสีเขียวขนาดใหญ่ที่หน้าบ้าน ส่วนตัวเขาเองก็เอนตัวพิงอยู่ใต้ต้นไม้เพื่อหลบแดดร้อน ๆ อยู่ข้าง ๆ

ลูกท้อนี้ดูไม่เลวเลยจริง ๆ สีของมันแดงจนเหมือนตกลงมาจากบนต้นอย่างไรอย่างนั้น ใครเห็นแล้วก็เป็นอันต้องอยากอาหารอยู่พอสมควร

“ท่านลุงเจ้าคะ ลูกพีชนี้ขายยังไงหรือเจ้าคะ ?” ฝูฉูพูดถามอย่างสุภาพ

ชายชราสังเกตฝูฉู เมื่อเห็นว่าหน้าตาของนางไม่ค่อยเหมือนหญิงสาวในหมู่บ้านละแวกนี้ เขาก็ทำการพิจารณาในใจอย่างรวดเร็ว

“ลูกละหนึ่งสลึงแม่หนู” ชายชรามองสีหน้าของฝูฉูเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “อ้อ แม่หนู ข้าจะบอกไว้ก่อนว่าคนในภูเขาอย่างเราไม่นิยมต่อราคาหรอกนะ”

อันที่จริง ลูกท้อในหมู่บ้านภูเขาแห่งนี้ราคาไม่เท่าไหร่เอง เกือบทุกบ้านมักจะปลูกไม้ผลหลายต้นไว้ในลานบ้านของตัวเองกันทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น หมู่บ้านในละแวกนี้ยังอยู่ใกล้ภูเขา ไม้ผลในภูเขาจึงมีมากเป็นพิเศษ

ชายชราคนนี้กำลังเลือกปฏิบัติอย่างเห็นได้ชัด

“ได้เจ้าค่ะ” ฝูฉูดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นถึงสิ่งนี้แม้แต่น้อย  มีรอยยิ้มที่สุภาพทว่าเหินห่างอยู่บนใบหน้าของนาง  นางชี้ไปที่ลูกท้อสองสามลูกที่อยู่บนแผงขายของและส่งตะกร้าไม้ไผ่ไปให้ชายชรา

“ท่านลุง รบกวนท่านลุงช่วยใส่ลูกท้อสองสามลูกนั้นให้ฉันหน่อยเจ้าค่ะ”

ชายชราดีใจเป็นพิเศษ เขาไม่คิดว่าตนจะเจอกับคนรวยในวันนี้ ถึงขั้นรู้สึกเสียใจในภายหลังเล็กน้อยที่เมื่อครู่นี้เรียกราคาต่ำเกินไป

คุณลุงคนนั้นกำลังนำลูกท้อใส่ตะกร้า จู่ ๆ ก็มีคนขยับเข้ามาหาจากทางด้านข้างและพยายามขยับมาตรงหน้าฝูฉู จากนั้นเขาก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ “โย สาวน้อย  เจ้ามาจากไหนกันนะ เจ้าสวยจริง ๆ”

ฝูฉูหลบไปด้านข้าง ถึงแม้ว่าบนใบหน้าของนางจะมีรอยยิ้ม แต่นางก็ไม่ได้สนใจคนผู้นั้น

เขาคนนี้เป็นพ่อพวงมาลัย ใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ปกเสื้อก็ดูหลวม ๆ พิลึก ซึ่งดูเหมือนไม่ใช่คนปกติอะไร  เขาเห็นฝูฉูไม่สนใจ จึงพยายามยื่นหน้าเข้าไปใกล้นางมากยิ่งขึ้น

ชายชราที่ขายลูกท้อกลัวว่าแม่หนูคนรวยคนนี้ที่สวรรค์ส่งมาให้จะหลุดมือไป เขาจึงรีบนำลูกท้อใส่ในตะกร้าไม้ไผ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ส่งให้ฝูฉูและหันไปพูดกับชายคนนั้น “ซุนต้าตง เจ้าอย่ามาเบียดตรงนี้ ข้าวสาลีในที่ดินบ้านเจ้าเก็บเสร็จแล้วรึ ? แม่ของเจ้าอายุขนาดนั้นแล้ว เจ้ายังไม่รีบไปช่วยนางอีก”

หากว่าเจียงป่าวชิงอยู่ตรงนี้ ไม่แน่นางก็อาจจะจำได้ว่าซุนต้าตงคนนี้เป็นคนเสเพลที่เคยสมคบคิดกับเจียงต้ายาพยายามคิดจะทำมิดีมิร้ายกับนางในตอนกลางดึกของวันนั้น

ฝูฉูรับตะกร้าไม้ไผ่กลับมา จากนั้นนางก็หยิบทองแดงเจ็ดแผ่นออกมาจากในแขนเสื้อและส่งให้ชายชราที่ขายลูกท้อ

ชายชรารีบรับเงินไปทันที เขายิ้มตาหยีจนแทบไม่เห็นลูกตา

ซุนต้าตงถ่มน้ำลายลงบนพื้นอย่างรุนแรง “ไอ้แก่! เจ้าแสร้งทำเป็นคนดีแล้วได้อะไรกัน ? เรื่องของครอบครัวข้าไม่จำเป็นต้องให้คนแก่ ๆ อย่างเจ้าเข้ามายุ่ง ลูกท้อเน่า ๆ ของเจ้า เจ้ายังโกงเงินจากแม่สาวน้อยคนนี้มาตั้งแยะ”

ชายชราที่ขายลูกท้อโกรธจนหน้าเขียว เขากลัวว่าฝูฉูจะขอเงินคืนจึงรีบยัดแผ่นทองแดงเหล่านั้นใส่ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาหันไปถลึงตาใส่ซุนต้าตง

ซุนต้าตงหันไปยิ้มร้ายให้ฝูฉู “แม่สาวน้อย ดูก็รู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนที่นี่ อย่าได้ถูกใครเอาเปรียบอีก เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะรับผิดชอบแทนเจ้าเอง”

ฝูฉูไม่สนใจซุนต้าตง นางถือตะกร้าไม้ไผ่และเดินต่อไป

แต่มีหรือที่ซุนต้าตงจะยอมปล่อยฝูฉูไปง่าย ๆ เขารีบไปขวางตรงหน้านางทันที จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปหวังจะโอบนาง “แม่สาวน้อย อย่าหนีข้าสิ ข้าแค่อยากจะช่วยเจ้าดี ๆ ก็เท่านั้น”

ใบหน้าสวยงามที่ยิ้มแย้มตลอดเวลาของฝูฉูดูเหมือนจะมีน้ำค้างแข็งเกาะอยู่ในขณะนี้ นางจ้องซุนต้าตงอย่างเยือกเย็น “หลีกไป!”

ซุนต้าตงหยุดชะงักเพราะถูกตะเพิด นอกจากนี้ เวลานี้ยังมีชาวบ้านจำนวนมากที่กำลังนินทาและชี้มาทางพวกเขาด้วย  อยู่ต่อหน้าชาวบ้านจำนวนมาก ซุนต้าตงจึงต้องเก็บมือกลับมาอย่างแค้นใจ

เขามองฝูฉูที่เดินถือตะกร้าไม้ไผ่จากไปอย่างอ้อยอิ่งด้วยสีหน้าแววตาอย่างคนที่ไม่ยอมแพ้

.