“เสียชีวิตแล้ว?”

รูลลักขยับกายที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ เขายืดตัวนั่งหลังตรงในขณะที่เอ่ยถามกลับไป

“ค่ะ เมื่อสองวันก่อน พบศพที่แม่น้ำเซเบสทางตอนใต้ค่ะ”

“หากพบตัวที่แม่น้ำ ก็น่าจะระบุตัวตนได้ยากทีเดียว?”

“สถานที่ที่พบตัวอาจจะเป็นแม่น้ำก็จริง แต่เห็นว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่ใช่การจมน้ำค่ะ มือทั้งสองข้างเองก็ถูกมัดไว้…”

“คงจะถูกจัดการแถวแม่น้ำที่เปลี่ยวไร้ผู้คนสินะ”

รูลลักเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ

“จะทำยังไงดีคะ”

แคทเธอรีนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ตอนนี้ก็ยืนยันแล้วว่าแม่นมเสียชีวิต ต่อไปจะต้องทำยังไงดี…”

แววตาของหญิงสาวที่พึมพำเช่นนั้นดูมีสีหน้าไม่ค่อยดีเอาเสียเลย

นางตามสืบหาร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองจากวังจักรพรรดิที่ตนทำงานอยู่มาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ข่าวคราวของเจ้าชายก็ยังเงียบสนิทจนนางไม่อาจตามหาร่องรอยได้แม้แต่น้อย

ไม่ว่าอย่างไรแคทเธอรีนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้นางสมควรจะต้องรับผิดชอบ

“แคทเธอรีน”

“ค่ะ ท่านเจ้าตระกูล”

“เจ้าเพียงแค่ใช้ชีวิตของเจ้าก็พอแล้วถ้าหากได้ข้อมูลอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อลอมบาร์เดีย ก็แค่จดจำมันเอาไว้แล้วหาโอกาสบอกใบ้ข้า”

“แต่ว่า…”

แคทเธอรีนกำชายกระโปรงแน่นจนเกิดรอยยับ

“คนอื่นๆ ไม่ได้ยินอะไรมาบ้างเลยหรือคะ ท่านเจ้าตระกูล”

ณ ที่แห่งนี้ การถามถึงข้อมูลที่คนอื่นๆ ได้มาถือเป็นเรื่องต้องห้าม

เหล่าสมาชิกนักเรียนทุนที่มาร่วมงานพบปะ ทำได้เพียงแค่นำชิ้นส่วนข่าวสารเล็กๆ มาแจ้งเท่านั้น ส่วนคนที่มีหน้าที่รวบรวมปะติดปะต่อมันให้เป็นชิ้นเดียวคือเจ้าตระกูล

ทั้งๆ ที่ทราบเรื่องนั้นเป็นอย่างดี แต่แคทเธอรีนก็ยังรวบรวมความกล้าถามออกไป

“ไม่ได้มีความหมายอื่นใดแอบแฝงนะคะ ก็แค่คิดว่าร่องรอยของเจ้าชายลำดับที่สองน่าจะสำคัญกับท่านเจ้าตระกูลมากก็เลย…”

รูลลักเองก็เข้าใจในความรู้สึกของหญิงสาวดี เขาจึงไม่ได้ตำหนิอะไร เพียงแค่ส่ายหน้าเป็นการยืนยันว่าคำพูดของนางถูกต้องแล้วเท่านั้น

“นี่มันช่างน่าตลกจริงๆ เลยไม่ใช่หรือ แคทเธอรีน คนคนหนึ่งที่ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่ก็เป็นเพียงแค่เด็กไร้ตัวตนคนนั้น กลับเป็นคนที่จำเป็นต่อข้ามากขนาดนี้”

คำพูดนั้นผสมเสียงหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง

เหตุผลที่รูลลักตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองนั่นง่ายมาก

ก็เพื่อต่อกรกับอังเกนัส หรือจักรพรรดินีราวีนี่นั่นเอง

ไพ่ตายสำคัญที่สุดที่จักรพรรดินีกำไว้ในกำมือใบนั้น ก็คือการที่นางจะต้องเป็นมารดาของโอรสเพียงองค์เดียวขององค์จักรพรรดิ

แต่ในเมื่อยังมีโอรสของฝ่าบาทอยู่อีกพระองค์ จักรพรรดินีย่อมไม่อาจทำสิ่งใดได้ง่าย

ทว่าท่าทางไม่แยแสของจักรพรรดิ แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ายังมีโอรสอีกองค์ที่พระองค์เคยฝังรากให้แตกหน่อนั่น มันยิ่งทำให้จักรพรรดินีเหิมเกริมมากยิ่งกว่าเดิม

“เป็นเพราะข้าเคลื่อนไหวช้าเกินไป”

รูลลักเสียใจ

หากเขาทราบข่าวการเสียชีวิตของมารดาของเจ้าชายลำดับที่สองเร็วกว่านี้เสียหน่อย หากเขาให้การคุ้มครองเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้ใต้ร่มเงาของลอมบาร์เดียแล้วละก็จักรพรรดินีย่อมไม่มีทางกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งกับปัญหาผู้สืบทอดของรูลลักคนนี้ โดยไม่เจียมกะลาหัวตัวเองได้

“ตระกูลอังเกนัสชอบยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดใต้จมูกข้าอยู่เรื่อยแต่สถานการณ์ในตอนนี้ข้ากลับทำได้แค่วางมือมองดูอยู่เฉยๆ เนี่ยนะ! เหอะ!”

ราวีนี่อังเกนัสปฏิบัติกับเบเจอร์บุตรชายคนโตของเขาราวกับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งยังยื่นมือเข้ามาสอดแทรกเรื่องของลอมบาร์เดีย แต่ทางฝั่งเขากลับไม่สามารถทำอะไรพวกนั้นได้เลย

หายไปไหนกันแน่ เขาไม่สามารถตามหาได้เลยว่าจักรพรรดินีเอาตัวเจ้าชายลำดับที่สองไปซ่อนไว้ที่ไหน

รูลลักขมวดคิ้วแน่น

“หรือจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว…”

ได้ยินว่าวังแยกเล็กๆ ในป่าลึกที่เจ้าชายลำดับที่สองเคยอาศัยอยู่ด้วยกันกับพระมารดานั้นก็ว่างลงไปนานแล้ว

วังเล็กที่ถูกปล่อยทิ้งร้างผุพังไม่ต่างจากถูกทำลายลงไปนั่นไม่มีทั้งร่องรอยของเจ้าชาย และยังไม่มีข้ารับใช้คอยปรนนิบัติให้เห็นเลยสักคน

เพราะอย่างนั้นรูลลักจึงได้ออกคำสั่ง ให้แคทเธอรีนรวมถึงนักเรียนทุนคนอื่นๆ ที่ทำงานในพระราชวัง ช่วยสืบข่าวคราวแม่นมของเจ้าชายลำดับที่สองแทน

เขาคิดว่าบางทีจักรพรรดินีอาจจะส่งตัวเจ้าชายลำดับที่สองกับแม่นมไปยังผืนดินที่อังเกนัสเป็นเจ้าของที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้

แต่จู่ๆ ก็กลับพบว่าแม่นมคนนั้นกลายเป็นศพอยู่ทางใต้เสียแล้ว

มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาไม่สามารถหาศพของเจ้าชายลำดับที่สองได้เจอ เพราะมันอาจจะล่องลอยไปกับสายน้ำ

“ในพระราชวังที่มีแต่พวกผู้ใหญ่ การตามหาตัวข้ารับใช้กับเด็กตัวเล็กๆ คนเดียวย่อมไม่มีทางเป็นเรื่องยากขนาดนี้อยู่แล้ว”

รูลลักถอนหายใจพลางส่ายหน้า

เด็กที่อาศัยอยู่ในพระราชวังมีเพียงแค่เหล่าเจ้าชายเท่านั้น

รูลลักคิดว่าบางทีคราวนี้อาจจะถึงเวลาล้มเลิกความตั้งใจในการตามหาตัวเจ้าชายลำดับที่สองได้แล้ว

“เด็กตัวเล็กๆ …”

ในหัวสมองของแคทเธอรีนที่ได้ยินคำพูดนั่น จู่ๆ ก็มีบางสิ่งวาบผ่านเข้ามา

“ค่ะ! แต่ไม่สนุกเลยสักนิดค่ะ ยกเว้นที่ได้เพื่อนใหม่มานะคะ!”

นั่นคือคำพูดของฟีเรนเทียที่นางได้พบเมื่อครู่นี้

แคทเธอลีนลองทบทวนคำพูดที่ได้ยินมา

“เขาบอกว่าป่วย บอกว่าอยู่คนเดียว…”

คนเดียว

ตามคำสั่งของรูลลัก จนถึงตอนนี้พวกนางกำลังตามหาเจ้าชายลำดับที่สองโดยเน้นเป้าไปที่เด็กตัวเล็กๆ กับเหล่านางกำนัลข้ารับใช้

เป็นเพราะพวกนางไม่คิดว่าจักรพรรดินีจะปล่อยเจ้าชายลำดับที่สองทิ้งไว้ตามลำพัง

แต่ถ้าหากจักรพรรดินีซ่อนตัวเจ้าชายลำดับที่สองเอาไว้คนเดียวที่ไหนสักแห่งล่ะ

ถ้าหากแม่นมคนนั้นเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวเพื่อตบตาเท่านั้นล่ะ

แคทเธอรีนตกอยู่ในภวังค์ความคิด ก่อนที่นางจะเปิดปากพูดกับรูลลักอย่างระมัดระวัง