บทที่ 169 คำแนะนำของหยางชุ่ย + บทที่ 170 รู้ดี

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 169 คำแนะนำของหยางชุ่ย + บทที่ 170 รู้ดี Ink Stone_Romance

บทที่ 169 คำแนะนำของหยางชุ่ย

ตอนแรกหยางชุ่ยคิดว่าไม่ว่าเช่นไรหลี่เวยก็คงต้องกลับมาเป็นแน่ แต่นางไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่โผล่หน้ามาเลยจนกระทั่งถึงวันที่นางกลับบ้าน เรื่องนี้ทำให้หยางชุ่ยเป็นกังวลมาก เขาไม่อยากได้ตัวของหนิงเมิ่งเหยาแล้วหรือ? ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นก็คงไม่ใช่ข่าวดีสำหรับหยางชุ่ย

เพื่อพิสูจน์ความสงสัยของตัวเอง หยางชุ่ยจึงพาข้ารับใช้ของตนกลับเข้าเมือง

การเคลื่อนไหวเช่นนั้นไม่ได้ทำให้หนิงเมิ่งเหยารู้สึกสงสัยแต่ประการใด

หลังจากจบเรื่องหยางชุ่ยไปไม่นานนัก เซียวฉีเทียนก็แวะมา “อย่ามาอี๋อ๋อกันตรงนี้ต่อหน้าประชาชีได้ไหม?” เมื่อเห็นความสนิทสนมของทั้งสองในทุกการกระทำแล้ว เซียวฉีเทียนก็รู้สึกว่าตนไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลย นี่เขามาซ้ำเติมแผลใจตัวเองชัดๆ

เฉียวเทียนช่างกลอกตาใส่เซียวฉีเทียน ก่อนจะถามเหมือนดูถูก “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

“ข้าจะบอกอะไรให้นะ เจ้าช่วยเลิกสนใจคนรักมากกว่าเพื่อนเสียทีได้หรือไม่?” เซียวฉีเทียนกัดฟันพลางมองเฉียวเทียนช่าง

“ไม่ได้” เฉียวเทียนช่างตริตรองอย่างถี่ถ้วนก่อนส่ายหน้าราวกับว่านั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องควรทำแล้ว

เซียวฉีเทียนจ้องเฉียวเทียนช่างด้วยท่าทางพูดไม่ออก ชายผู้นี้เปลี่ยนไปมากเกินไปหรือเปล่า? เมื่อก่อนตอนสมัยที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ขนาดคำหยอกล้อสามครั้งติดก็ยังไม่สามารถทำให้ชายผู้นี้เอ่ยอะไรได้เลยสักคำเดียว มีแต่จะทำให้เขารำคาญใจ และส่งสายตาทิ่มแทงราวกับจะขู่ฆ่ากลับมาให้เท่านั้น

ทว่าบัดนี้ทุกอย่างเหมือนพลิกกลับ เขาพูดบ่อยขึ้น ยิ่งเมื่อพอได้พูด คำพูดคำจานั้นก็กวนประสาทผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง

“เอาล่ะ พักเรื่องทะเลาะไว้ก่อน แล้วมาพูดเรื่องสำคัญกันดีกว่า” ใบหน้าของเซียวฉีเทียนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด หนิงเมิ่งเหยาค่อนข้างรู้สึกไม่คุ้นเคยกับใบหน้าเช่นนั้นนัก

“เจ้าอยากจะพูดเรื่องอะไร?” หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว

“เรื่องเมืองหลิง”

“มีอะไรต้องคุยกันเรื่องนี้ด้วยหรือ?” เฉียวเทียนช่างกะพริบตา

“เจ้านี่นะ ถึงเจ้าจะไม่ได้ไปรบที่ชายแดนแล้ว แต่อย่างน้อยก็ช่วยสนใจในสิ่งที่ข้ากำลังจะพูดบ้างได้ไหม?” เซียวฉีเทียนเริ่มโมโหขึ้นมาจริงๆ คนผู้นี้ช่างทำให้เขาอารมณ์เสียนัก

เฉียวเทียนช่างเบะปากและยักไหล่อย่างไม่แยแส

“เทียนช่าง ข้ามาที่นี่วันนี้เพราะข้าอยากเห็นพวกเจ้าทั้งสองแต่งงานกันในเร็ววัน” เซียวฉีเทียนมองทั้งสองด้วยแววตาจริงจัง

“เอ๋?”

”เจ้าคงรู้เรื่องที่เฉียวเจิ้งหงเข้าตาจนอยู่แล้วใช่ไหม ดูเหมือนเขาจะตามกลิ่นเจ้าจนเจอแล้ว ข้าคิดว่าในอีกไม่เกินหนึ่งเดือน เขาน่าจะมาหาเจ้าที่นี่จนได้ เจ้าเองก็รู้ดีว่าจุดประสงค์ของเขาคือสิ่งใด ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น พี่ชายผู้นี้ของเจ้ายังได้ข่าวมาว่ามีผู้พบเห็นคนจากเมืองหลิงมาด้วย หนำซ้ำพวกคนที่แอบเข้ามานั่นยังไปพบกับเฉียวเจิ้งหงอย่างเป็นความลับเสียด้วย” เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเซียวฉีเทียนก็น่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมา

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเฉียวเทียนช่างเตือนพวกเขาให้รู้ตัวก่อนหน้านี้ พวกเขาคงจะมองข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว และเมื่อถึงตอนนั้น คงจะมีปัญหาตามมา

“เจ้าหมายความว่าเร็วๆ นี้สถานการณ์คงจะไม่สงบสุขแล้วเช่นนั้นหรือ?” หนิงเมิ่งเหยาหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ถูกต้องตามนั้น มันน่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ไม่ผิดแน่”

เฉียวเทียนช่างวางมือลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา ก่อนเขาจะเอ่ยขึ้น “ข้ารู้แล้ว”

“ช่วงนี้ข้ากำลังศึกษาเรื่องการแบ่งสรรปันส่วนให้เหมาะกับช่วงสงครามอยู่พอดี ข้าจะให้พวกข้ารับใช้แอบจัดการตระเตรียมเรื่องอาหารเอาไว้ให้” หนิงเมิ่งเหยาหายใจเข้าลึกๆ เมื่ออยู่ในสมรภูมิรบ ไม่เพียงแต่ความสามารถในการรบเท่านั้นที่สำคัญ แต่การส่งเสบียงเองก็ยังมีความสำคัญไม่แพ้กัน นางไม่อยากให้เฉียวเทียนช่างต้องเป็นกังวลใดๆ

เซียวฉีเทียนมองหนิงเมิ่งเหยา “เมิ่งเหยา ขอบใจเจ้ายิ่งนัก” สิ่งนี้คงจะทำให้ภาระที่เขาแบกอยู่ลดลงไปอย่างใหญ่หลวง

หนิงเมิ่งเหยายิ้ม “เขาเป็นสามีของข้า เมื่อเขาออกไปอยู่ในสนามรบ ข้าก็อยากให้เขาไปโดยไม่ต้องห่วงเรื่องใด”

เพียงคำว่า ‘สามี’ คำเดียวก็ทำให้หัวใจของเฉียวเทียนช่างอบอุ่น นี่เป็นคนที่เขารัก เฉียวเทียนช่างเอื้อมมือออกไปก่อนจะกอดนางไว้ในอ้อมแขน วางศีรษะของตนลงที่ไหล่ของนาง “เหยาเหยา ขอบใจเจ้าจริง ๆ”

“ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าไม่จำเป็นต้องขอบใจ”

“อืม เช่นนั้นข้าจะไม่พูดแล้ว”

เซียวฉีเทียนมองทั้งสองแล้วก็เริ่มอยู่ไม่สุข “หากพวกเจ้าแต่งกันเมื่อใด อย่าลืมเชิญข้ามาร่ำสุราด้วยล่ะ”

“ได้เลย ข้าต้องเชิญเจ้าแน่อยู่แล้ว” เฉียวเทียนช่างมองเซียวฉีเทียนก่อนรับคำด้วยน้ำเสียงจริงจัง

หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขาอย่างเงียบๆ ก่อนจะจับมือซึ่งโอบรอบเอวของตนออก “พวกเจ้าคุยกันต่อเถอะ”

“เทียนช่าง เจ้า…” เซียวฉีเทียนเห็นเฉียวเทียนช่างเอาแต่มองด้านหลังของหนิงเมิ่งเหยา ยังมีอีกสองสามเรื่องที่เขาไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยถามดีหรือไม่

เฉียวเทียนช่างหันกลับมาหาเซียวฉีเทียน แล้วเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าอยากจะพูดอะไร?”

“เจ้าเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน” สุดท้ายเซียวฉีเทียนก็พูดได้เพียงเท่านี้

เฉียวเทียนช่างชะงัก ก่อนจะพยักหน้า ความเปลี่ยนแปลงในตัวของเขานั้นมีมากจริงดั่งว่า แต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนั้นแม้แต่น้อย

บทที่ 170 รู้ดี

เฉียวเทียนช่างจิบน้ำชาจากถ้วยชาตรงหน้าตน ก่อนจะหันไปหาเซียวฉีเทียน “ไม่อร่อยหรือ?”

เซียวฉีเทียนยิ้มและส่ายหน้า “เปล่า รสชาติดียิ่งนัก”

เฉียวเทียนช่างนั้นเป็นคนที่เย็นชามากเหลือคณา เขาเย็นชาใส่แม้กระทั่งเวลาอยู่ต่อหน้าพี่ชายผู้แสนดีของตนทั้งหลาย มักทำราวกับว่าคนเหล่านั้นไม่เคยทำให้เขาสนใจได้เลย ทว่าบัดนี้เมื่อเขาได้พบคนที่ตนรัก ความเปลี่ยนแปลงนั้นก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน และนั่นทำให้พี่ๆ ของเขาล้วนมีความสุขกับเรื่องนี้ อย่างไรเสีย เฉียวเทียนช่างก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว

เฉียวเทียนช่างยิ้มและพยักหน้า เขาเองก็ชอบชีวิตของตนตอนนี้เช่นกัน

หลังจากหยางชุ่ยกลับไป นางก็ตรงไปหาหลี่เวยในทันที แต่กลับหาเขาไม่เจอ หลังจากใช้เวลาค้นหาอยู่นาน นางก็ได้ยินว่าหลี่เวยอยู่ที่หอจุ้ยหง ที่แห่งนั้นเป็นหอนางโลม เป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยหญิงโสโครก

เมื่อนางคิดว่าผู้ชายของตนไปสถานที่เช่นนั้น นางก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองเพิ่งกลืนแมลงวันเข้าไป มันเป็นความรู้สึกซึ่งมิอาจทานทนได้

ที่สำคัญคือผู้หญิงพวกนั้นไม่สนใจในเรื่องความซื่อสัตย์หรือความกระดากอายเลยแม้แต่น้อย พวกนางมีกลอุบายมากมายซ่อนไว้เพื่อล่อลวงบุรุษ หากผู้ชายของหยางชุ่ยโดนพวกนางหลอก เช่นนั้นแล้วนางคงจะรู้สึกอับอายขายขี้หน้ายิ่ง

เมื่อคิดเช่นนั้น หยางชุ่ยก็ไปหาจงเยว่ผู้เป็นภรรยาเอกของหลี่เวยที่จวนของนาง

หยางชุ่ยเป็นแค่อนุภรรยาธรรมดาๆ ดังนั้นนางจึงไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่มย่ามในความสัมพันธ์ของหลี่เวย แต่จงเยว่นั้นแตกต่างกัน นางเป็นภรรยาเอกของเขา สามีของนางไปเที่ยวที่หอนางโลม ดังนั้นนางจะต้องเป็นห่วงแน่นอน ถูกไหม?

หยางชุ่ยเร่งฝีเท้าขึ้นโดยมีความคิดนี้อยู่ในหัว เมื่อนางมาถึง ข้ารับใช้หลายคนกำลังรินซุปสมุนไพรให้จงเยว่อยู่

ภาพที่เห็นทำให้หยางชุ่ยรู้สึกอิจฉา ข้ารับใช้ซึ่งคอยปรนนิบัตินางมีเพียงแค่ผู้เดียวเท่านั้น แต่จงเยว่กลับมีข้ารับใช้มากมายทั้งที่ยังไม่ได้รวมหัวหน้าข้ารับใช้เข้าไปด้วย

“คารวะฮูหยิน” หยางชุ่ยข่มความอิจฉาของตนก่อนเอ่ยทักทายจงเยว่

จงเยว่เหลือบมองหยางชุ่ย ก่อนวางถ้วยในมือของตนไว้ข้างๆ แล้วเช็ดมุมปากของตนด้วยผ้าเช็ดหน้า จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้น “เจ้าลุกขึ้นได้”

ความจริงแล้วจงเยว่ไม่ได้เกลียดชังหยางชุ่ย แต่ก็ไม่ได้ชอบนาง นางไม่ได้เกลียดหยางชุ่ยเพียงเพราะหยางชุ่ยเป็นคนว่านอนสอนง่าย อีกทั้งยังได้ยินจากข้ารับใช้หลายคนว่าหยางชุ่ยปรนนิบัติสามีของนางอย่างดี ดังนั้นนางจึงไม่ได้ไปหาเรื่องหยางชุ่ยมากนัก เพียงแต่สายตาที่หยางชุ่ยมองนั้นมักจะทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

“ขอบคุณฮูหยิน” หยางชุ่ยลุกขึ้นจากพื้นพลางพูดกับจงเยว่

“หากเจ้ามีเรื่องอยากจะพูด ก็พูดออกมาเสีย” จงเยว่ไม่มีปฏิกิริยากับท่าทางอันน่าสงสารของนาง อย่างไรเสียจงเยว่ก็ไม่ใช่บุรุษ แต่หากมองจากสายตาของคนนอกแล้ว ท่าทีของหยางชุ่ยอาจทำให้พวกเขาเข้าใจผิดได้ว่านางกำลังถูกกลั่นแกล้งอยู่

“ข้าได้ยินมาว่าสามีของท่านนั้น…” หยางชุ่ยพูดตะกุกตะกัก และไม่สามารถพูดจนจบประโยคได้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปครู่หนึ่งแล้วก็ตาม

จงเยว่เริ่มรู้สึกรำคาญใจ นางจึงถามต่อ “เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”

“ชาวบ้านพูดกันว่าเขาไปที่…หอจุ้ยหง” หยางชุ่ยมองจงเยว่อย่างระมัดระวัง พยายามทำตัวให้เหมือนเป็นห่วงนาง

จงเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อยในระหว่างที่จ้องมองหยางชุ่ย “เจ้ารู้ดีจริงเชียว ข้าอยู่ในนี้มาตั้งนานแต่ยังไม่รู้เรื่องเลย แต่เจ้าที่เพิ่งกลับมาจากบ้านของมารดากลับรู้ชัดถึงสถานที่ที่สามีข้าอยู่แทน” จากประโยคที่นางกล่าว หยางชุ่ยยังคิดไม่ออกว่าสิ่งที่จงเยว่กำลังคิดอยู่ในหัวคือสิ่งใด

“ฮูหยิน ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”

“โอ้? เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าเช่นไร?” จงเยว่เลิกคิ้วขึ้น

หยางชุ่ยกัดริมฝีปากตัวเองก่อนกระซิบ “ที่แห่งนั้นจะมีคนดีๆ อยู่กันด้วยหรือ? ข้าเกรงว่าเขาจะโดนหลอกเอา”

จงเยว่หัวเราะเยาะหยัน “แล้ว?”

“ฮูหยิน ไม่ใช่ว่าท่านควรไปพาเขากลับมาหรอกหรือ?” หยางชุ่ยเอ่ยด้วยความอับอายเล็กน้อย และสีหน้าของนางก็ดูไม่สบายใจ

จงเยว่ยิ้มเย็นชา “เจ้าเป็นคนตามหาสามีของข้าเอง แต่เจ้าจะใช้ข้าให้ไปพาเขากลับมาแทนหรือ? หยางชุ่ย ใครกันที่ทำให้เจ้าอาจหาญจนทำตัวเช่นนี้ได้?”

นางคิดจริงๆ หรือว่าข้าจะโง่เง่าและสิ้นหวังถึงเพียงนั้น? นางคิดหรือว่าข้าจะถูกวาจาของนางหลอกเอาได้?

ตอนที่จงเยว่แต่งงานกับหลี่เวย นางก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนเช่นใด ถึงแม้ว่าเขาจะไปสถานที่อย่างหอจุ้ยหง แต่เขาก็ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย

เป็นไปอย่างที่หลี่เวยเคยบอกไว้ ที่แห่งนั้นก็เหมือนกับสนามเด็กเล่นของเขา ถึงแม้เขาจะชอบพอหญิงหลายนาง แต่เขาก็ไม่ได้ชอบหญิงที่กลั้วผู้ชายมาแล้วหลายคน

ดังนั้นจงเยว่จึงยังคงปฏิบัติตัวดีต่อหลี่เวย ซึ่งนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้หลี่เวยเองก็คอยดูแลนางอย่างดีมาตลอด

“ฮูหยิน ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” หยางชุ่ยรีบอธิบาย แต่นางดูตระหนกตกใจ นางทำอะไรผิดพลาดไปหรือ? ไม่ใช่ว่าจงเยว่ควรจะโมโหเลือดขึ้นหน้าแล้วส่งคนไปตามเขากลับมาหรอกหรือ?

และเมื่อเป็นเช่นนั้น หลี่เวยก็จะต้องรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่จงเยว่ทำแน่นอน แล้วหยางชุ่ยจะได้มีโอกาสเอาความนิยมชมชอบของหลี่เวยกลับคืนมา หากเป็นเช่นนี้มันก็จะเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว