ตอนที่ 111 เผยแพร่ยาเม็ด

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 111 เผยแพร่ยาเม็ด

คุณป้าด้านข้างคนหนึ่งหัวเราะเยาะและพูดอย่างดุดันเล็กน้อย “พอได้แล้วเมียของเหล่าซุย เจ้าไม่ต้องแนะนำหลานชายเจ้าให้นางแล้ว นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการโกงผู้อื่นหรอกรึ ? หลานชายเจ้ารูปลักษณ์ตาเบี้ยวจมูกคดก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังเตี้ยกว่าสะใภ้ตระกูลป๋ายมากอีกด้วย! เจ้าดูสิ สะใภ้ตระกูลป๋ายหน้าตาออกจะสวยน่ารัก แม้ว่านางจะไม่ได้รูปโฉมงดงามอะไร แต่ก็ไม่ถึงกับขี้เหร่ หากให้จับคู่กับหลานชายเจ้า ก็เท่ากับว่าดอกไหม้สดปักอยู่บนขี้วัวไม่ใช่รึ ?”

เมียของเหล่าซุยหน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นนางก็ยืดคอโต้แย้ง “เตี้ยมากแล้วทำไม สำหรับชายชาตรี ความสูงและรูปลักษณ์ไม่ได้สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญคือต้องหนักแน่นและทำงานเก่งไม่ใช่หรือ ? เหตุใดเจ้าถึงพูดได้น่าเกลียดเช่นนี้! ดอกไม้กับขี้วัวอะไรกัน สะใภ้ตระกูลป๋ายก็ไม่ได้ดีไปสักเท่าไหร่หรอกหน่า… ดวงแข็งจนเล่นงานพ่อแม่ของสามีและผัวตัวเองจนตาย แล้วยังมีลูกติดอีกต่างหาก หลานชายข้าไม่รังเกียจก็ดีเท่าไหร่แล้ว…”

เมื่อนางพูดถึงตรงนี้ ก็เหมือนเพิ่งตระหนักได้ถึงการพลั้งปากของตัวเอง จึงรีบตบปากตัวเองเบา ๆ และหันไปยิ้มให้ป๋ายรุ่ยฮัว “ไอ้โย! เจ้าดูปากของข้าสิ ข้ามันปากมีดแต่หัวใจเต้าหู้นะ  อาจจะพูดไม่คิดไปสักหน่อย เจ้าอย่าเก็บไปใส่ใจเลย…”

ป๋ายรุ่ยฮัวหน้าซีด ริมฝีปากของนางสั่นเล็กน้อย สิ่งที่นางเผชิญอยู่ทำให้นางพูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง

พูดมาขนาดนี้แล้ว เมียของเหล่าซุยก็ไม่ได้แนะนำหลานชายของตัวเองให้กับป๋ายรุ่ยฮัวอีก นางทำเพียงใช้สายตาทิ่มแทงป้าคนที่พูดแทรกและหุบปากด้วยความแค้นใจ

มาถึงในอำเภอ ป๋ายรุ่ยฮัวก็ลงจากรถเป็นคนแรก นางอุ้มเฟิ่งเอ๋อร์เข้าไปในเมืองโดยที่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ  นางนั้นยังต้องไปขายงานเย็บปักถักร้อยของตัวเองเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายสำหรับสองแม่ลูกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ไม่อย่างนั้นนางจะต้องอดตายจริง ๆ เสียแล้ว

เจียงป่าวชิงเห็นป๋ายรุ่ยฮัวเดินออกไปอย่างฉับพลันเช่นนั้นก็รู้สึกอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็พูดออกไปไม่ได้

ซุนต้าหูตะโกนเรียกเจียงป่าวชิงจากทางด้านหลัง “น้องชิง ระวังตัวและความปลอดภัยด้วย ซื้อของเสร็จเจ้าก็รีบกลับมานะ”

เจียงป่าวชิงจัดการกับอารมณ์ของตัวเองก่อนจะหันไปโบกมือให้ซุนต้าหูและเดินเข้าไปในเมือง

เจียงป่าวชิงเข้ามาในเมือง นางคลำขวดยาที่ซ่อนอยู่ในอ้อมแขนเล็กน้อย จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่สถานบริการรักษาโรคของเกิ่งจื่อเจียงทันที  หลังจากที่คบค้าสมาคมกันมาสองสามครั้งแล้ว เจียงป่าวชิงก็รู้สึกเชื่อใจเกิ่งจื่อเจียงที่เหมือนพนักงานร้านยาคนนี้อยู่พอสมควร เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร

ตอนที่เจียงป่าวชิงมาที่นี่ก่อนหน้านี้ ร้านของเกิ่งจื่อเจียงแทบจะไม่มีผู้ใดถามไถ่ทุกครั้ง แต่มาครั้งนี้ กลับเจอผู้ป่วยสองคน

เกิ่งจื่อเจียงเองก็เห็นเจียงป่าวชิงที่ตรงทางเข้าแล้ว นัยน์ตาเขาเป็นประกายทันที แต่เนื่องจากมือขวาของเขาวางอยู่บนชีพจรของผู้ป่วยและกำลังวัดชีพจรให้ผู้ป่วยอยู่ เขาจึงแสดงอาการได้ไม่เต็มที่ ทำได้เพียงใช้สายตาบอกให้เจียงป่าวชิงเข้ามารอก่อน

เจียงป่าวชิงจึงเข้าไปในร้านยา

เกิ่งจื่อเจียงวัดชีพจรไปก็ส่ายหน้าไป  เขาสั่งให้ผู้ป่วยอ้าปาก เสร็จแล้วถึงจะเก็บมือกลับมาด้วยใบหน้าสุขุมลุ่มลึก “อืม… สภาพชีพจรแรงไปมาก ลองดีดมือซ้ายกับมือขวาดูก็เหมือนโซ่ที่หมุนและมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ จำนวนครั้งเหมือนการตัดเชือกและเหมือนด้ายที่ร้อยเข้ากับตะแกรง นี่คือการทำให้ชีพจรตึง พอดูฝ้าที่ลิ้นของเจ้า ข้าก็พบว่ามีริ้วขาวบาง ๆ  มันบ่งบอกว่าเจ้ามีอาการปวดหัวและเจ็บคอ เจ้าเป็นไข้หวัด ข้าจะจ่ายยาให้เจ้า เจ้าเพียงแค่กินยาให้ตรงเวลาเป็นเวลาสองสามวันก็ได้แล้ว”

เจียงป่าวชิงยืนมองเขาจ่ายยาอยู่ข้าง ๆ ผู้ป่วยคนนั้น

เขาจ่ายยาให้อย่างยิ่งใหญ่ เจียงป่าวชิงเห็นแล้วก็รู้สึกมึนศีรษะอยู่เล็กน้อย

“หยุด หยุดเลยหมอเกิ่ง!” เจียงป่าวชิงดึงเกิ่งจื่อเจียงไปด้านข้าง จากนั้นนางก็พูดเสียงเบาว่า “หมอเกิ่งจ่ายยาให้เยอะขนาดนี้ ไม่กลัวรักษาผู้ป่วยจนตายรึ ?”

เกิ่งจื่อเจียงรู้สึกงุนงงอยู่เล็กน้อย ทว่าจากนั้นเขาก็พูดอย่างมั่นใจ “จะเป็นไปได้อย่างไร ? ยาที่ข้าจ่ายให้ล้วนเป็นยาระบายความร้อนออกจากร่างกาย ล้างพิษ และดีต่อโรคไข้หวัดทั้งนั้น เหตุใดมันถึงจะทำให้รักษาผู้ป่วยจนตายไปได้ล่ะ ?”

เจียงป่าวชิงแทบจะกุมขมับแล้ว “เฮ้อ… ข้าจะบอกให้ว่าข้างในมียาจีนจำนวนมากที่มีคุณสมบัติขัดแย้งกันและหักล้างกัน ไม่เพียงแต่จะสิ้นเปลืองเครื่องปรุงยาอย่างเดียว แต่ผู้ป่วยยังต้องแบกรับความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่เกิดจากเครื่องปรุงยาเหล่านี้ด้วยเช่นกัน หมอเกิ่งนี่จริง ๆ เลย…”

เกิ่งจื่อเจียงรู้สึกมึนงงกับคำพูดของเจียงป่าวชิง แต่เขายังคงพูดพึมพำต่อไป “บนตำราหมอยากล่าวไว้ว่ายาพวกนี้เป็นยาที่ช่วยระบายความร้อนกับล้างพิษ ข้าคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่”

ไม่มีปัญหาอะไรก็จริง แต่ปัญหาคือไม่จำเป็นต้องใช้ยามากมายถึงขนาดนี้ ถึงจะเป็นยาแต่ก็มีพิษเช่นกัน

เจียงป่าวชิงส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็ล้วงขวดกระเบื้องเล็ก ๆ ออกมาจากในอ้อมแขน  อันที่จริงนางมาที่นี่เพื่อเผยแพร่ยาของนาง แต่ไม่คิดว่าจะเจอผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดเข้าพอดี

ช่วงนี้เข้าฤดูร้อนแล้ว สภาพอาการเมื่อสองวันก่อนก็กลับไปกลับมาเอาแน่เอานอนไม่ได้ ผู้ที่เป็นโรคไข้หวัดจึงค่อนข้างมีมาก ไม่ใช่เพียงสถานที่ให้บริการรักษาโรคเล็ก ๆ ที่ทรุดโทรมของเกิ่งจื่อเจียงที่มีผู้ป่วยมาขอคำปรึกษาอย่างเดียว ห้องยาขนาดใหญ่อย่างห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิก็มีผู้ป่วยรอรับคำปรึกษาเป็นจำนวนมากเช่นกัน

เกิ่งจื่อเจียงมองขวดกระเบื้องเล็ก ๆ ที่อยู่ในมือเจียงป่าวชิงอย่างทื่อ ๆ “นั่นคืออะไรหรือ ?”

เจียงป่าวชิงเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรเขาเช่นกัน “นี่คือยาเม็ดที่ทำมาจากหม่าหวงฟู่จื่อและซี่ซิน ซึ่งมีประสิทธิผลสำหรับโรคไข้หวัด”

เกิ่งจื่อเจียงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เจียงป่าวชิงจึงเปิดฝาขวดกระเบื้องออก จากนั้นก็หยิบยาออกมาหนึ่งเม็ดและใช้นิ้วหักเป็นสองท่อน “เจ้าลองดมดูสิ”

เกิ่งจื่อเจียงรับยามาดมจริง ๆ  ดมเสร็จเขาก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็นำเข้าปากทำการชิมเพื่อจำแนกรสชาติ

เจียงป่าวชิงมองเขาอย่างชื่นชม นางรู้ตั้งนานแล้วว่าเจ้าของสถานบริการรักษาโรคกึ่ง ๆ ร้านยาที่ค่อนข้างเลอะเลือนคนนี้คล้ายกับว่าในสมองของเขาเหมือนจะขาดเส้นเอ็นบางเส้นไป  มาเจอวันนี้ถึงได้พบว่าไม่ใช่แค่ขาดเส้นเอ็นเท่านั้น เขายังขาดกึ๋นด้วยเช่นกัน เหตุใดถึงกล้าเอาของเข้าปากง่าย ๆ เช่นนั้น ? ไม่กลัวว่านางจะใส่ยาพิษลงไปเลยหรืออย่างไร ?

เกิ่งจื่อเจียงลิ้มรสชาติในปากอยู่สักพัก สีหน้าของเขายังคงมีความงุนงงอยู่เล็กน้อย “สามารถลิ้มรสยาที่อยู่ข้างในได้จริง ๆ แต่ไม่สามารถลิ้มรสได้ว่ามีสัดส่วนเท่าไหร่… อา…”

สีหน้าของเกิ่งจื่อเจียงมีความอับอายอยู่เล็กน้อย “ข้าเรียนมาไม่ชำนาญ แต่ได้ยินมาว่ามีผู้ที่ชำนาญทางด้านยาหลายคนที่สามารถลิ้มรสได้ว่าข้างในเม็ดยามีเครื่องปรุงยาอะไรบ้าง เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ และสามารถบอกได้อย่างชัดเจนอย่างมาก”

เจียงป่าวชิงตบไหล่เกิ่งจื่อเจียงเบา ๆ

ผู้ป่วยที่รออยู่ในขณะนี้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยแล้ว เขาจึงกระแอมไอขึ้นเล็กน้อย “หมอเกิ่ง ยังไม่เสร็จอีกหรือ ?”

เกิ่งจื่อเจียงราวกับเพิ่งดึงสติกลับมาได้ เขารีบตะโกนออกไปข้างนอกทันที “รอประเดี๋ยว ใกล้จะเสร็จแล้ว”

เกิ่งจื่อเจียงหยิบยาเม็ดนั้นขึ้นมาไตร่ตรองอยู่สักพัก “เครื่องปรุงยาเหล่านี้มีประสิทธิผลต่อโรคไข้หวัดจริง ๆ ด้วย” เขานึกถึงใบสั่งยาสำหรับรักษาอาการประจำเดือนมาไม่ปกติตามที่เจียงป่าวชิงจ่ายให้ก่อนหน้านี้ ตอนหลังเขาก็ได้จ่ายยาตามใบสั่งยานี้ให้กับหญิงสาวหน้าเหลืองที่ประจำเดือนมาไม่ปกติเช่นกัน และตอนหลังไปอีก หญิงสาวคนนั้นก็ตั้งใจมาชมเขาว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาล้ำเลิศมาก

เกิ่งจื่อเจียงตัดสินใจถามเจียงป่าวชิง “ว่าแต่… ยาเม็ดของเจ้ายังเหลืออีกเยอะหรือไม่ ? ขายให้ข้าได้หรือเปล่า ?”

เจียงป่าวชิงล้วงขวดยาอีกสองขวดออกมาจากในอ้อมแขนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางนั้นตั้งใจให้เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว “ต้องได้สิหมอเกิ่ง ได้แน่นอน”

หากพูดตามจริง นี่คือสิ่งที่นางทำเพื่อทดสอบฝีมือตนเอง ประกอบกับเครื่องปรุงยาที่นางรวบรวมมาเพื่อให้แน่ใจว่ามีคุณสมบัติเป็นยาที่ใช้ได้จริง ๆ กลับมีไม่ค่อยมากเท่าไหร่ ยาเม็ดที่ทำออกมาจึงมีไม่มากนักโดยมีเพียงสามขวดเล็กอย่างที่เห็น

เกิ่งจื่อเจียงถูมือไปมา “เจ้าเสนอราคามาสิ”

เจียงป่าวชิงพูดยิ้ม ๆ “ขวดแรกถือว่าข้าให้ก็แล้วกัน เพื่อให้หมอเกิ่งได้เห็นผลการรักษาของมัน ส่วนสองขวดที่เหลือข้าจะวางไว้ที่ร้านยาของหมอเกิ่งก่อน หากว่าได้ผลดี ตอนที่ข้ามาตลาดครั้งหน้า หมอเกิ่งก็ค่อยให้ค่ายาข้าก็ได้ หนึ่งขวดมียาอยู่ประมาณยี่สิบเม็ด เช้าและเย็นครั้งละหนึ่งเม็ดทุกวัน และดื่มพร้อมกับน้ำอุ่น หมอเกิ่งพิจารณาตามสภาพของผู้ป่วยได้เลย แต่ถ้าเป็นไข้หวัดธรรมดา ให้กินต่อเนื่องห้าวันก็เพียงพอแล้ว”

เกิ่งจื่อเจียงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง เขานั้นรู้สึกมาตลอดว่าบนตัวของเจ้าเด็กเจียงป่าวชิงคนนี้มีกลิ่นอายความลึกลับอะไรบางอย่างที่ทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนว่านางเป็นฤาษีฝีมือสูงที่หลุดออกมาจากในป่าลึกทำนองนั้น

คิดมาถึงตรงนี้ เกิ่งจื่อเจียงก็อดไม่ได้ที่จะถามเจียงป่าวชิง เขาทำท่าทางลึกลับ “เจียงป่าวชิงเด็กน้อย  เจ้าบอกมาตามตรงว่าเจ้าเป็นฤาษีที่สามารถชุบชีวิตคนให้เป็นหนุ่มสาวได้อะไรพวกนั้นหรือเปล่า ?”

พูดถึงตรงนี้ เกิ่งจื่อเจียงก็หยุดหายใจและแสดงสีหน้าหวาดหวั่นออกมาให้เห็น “หรือว่าเจ้าเป็นปีศาจเฒ่าที่ดูเหมือนอายุสิบกว่าปี แต่จริง ๆ อายุเจ้าหกหรือเจ็ดสิบปีแล้วประเภทนั้น ?”

เจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ หมอเกิ่ง มีเวลาก็อ่านตำราหมอยาให้มาก ๆ แล้วอ่านเรื่องราวแปลก ๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งแปลกประหลาดในภูเขาให้น้อยลง”

เกิ่งจื่อเจียงพูดพึมพำ “ก็เจ้าแทบจะ…”

ไม่ปกติจนเกินไป…

เจียงป่าวชิงหยิบยกคำพูดที่นางใช้หลอกพวกกงจี้มาใช้หลอกเกิ่งจื่อเจียงด้วยเช่นกัน ที่บอกว่ามีฤาษีสอนวิชาแพทย์ให้นางตลอดชีวิต เจ้าคนโรคจิตกงจี้เป็นคนที่สงสัยได้แม้กระทั่งเครื่องหมายวรรคตอน แต่เกิ่งจื่อเจียงกลับเชื่ออย่างหัวปักหัวปำ เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้นทั้งอย่างนั้น

“อ๊ะ! เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าเข้าใจ ข้าจะเก็บความลับให้เจ้าเอง” เขาพูดมาอย่างนั้น

…ดังนั้น การคบค้าสมาคมกับคนเรียบง่ายจึงเป็นเรื่องที่ผ่อนคลายที่สุด

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ