เล่ม 3 เล่มที่ 3 ตอนที่ 79 เรียนรู้ด้วยตนเอง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“พระชายาเพคะ… ”

        “คุณหนู… ”

        แม่นมฮวาและลวี่หลีรีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองของเรือนอวิ๋นไค

        ในเวลาเดียวกัน ทหารคุ้มกันและข้ารับใช้ทุกคนทั่วทั้งเรือนชิงโยวต่างพากันมองไปที่ชั้นสองของเรือนอวิ๋นไค

        บริเวณที่เป็นจุดสนใจของผู้คนนั้น ในเวลานี้ซูจิ่นซีกำลังนั่งอยู่บนเตียง ทั่วทั้งร่างถูกพันด้วยผ้าพันแผล

        “พระชายา ท่านเป็นอันใดไปเพคะ? ”

        แม่นมฮวากับลวี่หลีตกใจแทบแย่

        “นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับข้ากันแน่? ”

        แม่นมฮวามั่นใจว่าซูจิ่นซีไม่ได้เป็นอันใดมาก มีเพียงผ้าพันแผลบนร่างกายของนางที่พันกันอุตลุดไปหมด แม่นมฮวาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

        “พระชายา ที่ท่านตะโกนเป็นเพราะเจ้านี่เองหรือเพคะ! ตอนที่ท่านอ๋องพาท่านกลับมา บนร่างกายของท่านล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล เพราะแผลนั้นมีจำนวนมากเกินไป ไม่สามารถพันทีละจุดได้ ดังนั้นจึงต้องพันจนกลายเป็นเช่นนั้นเพคะ”

        ซูจิ่นซีพึ่งนึกขึ้นได้ว่าหลังจากที่ตนเองถูกซิ่งหลิวหลีลักพาตัวไปก็ถูกมัดไว้บนต้นฮวาเจียว

        ตอนนั้นหนามของฮวาเจียวทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อ เจ็บปวดราวกับถูกเจาะทะลุ ต่อมานางก็ได้จิ่วหรงช่วยไว้ เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นกังวลเกี่ยวกับการถอนพิษให้ฮั่วซืออวี่ที่ชีวิตถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย จนลืมแม้กระทั่งอาการบาดเจ็บของตนเอง

        “ฮิๆๆๆ! ”

        จู่ๆ แม่นมฮวาก็ยกมือปิดปากแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

        ซูจิ่นซีเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาในใจทันที ปกติหากแม่นมฮวายิ้มเช่นนี้มักจะไม่ใช่เรื่องที่ดี

        “แม่นมฮวา มีเรื่องอันใดเจ้าก็พูดมาตรงๆ รอยยิ้มเช่นนี้ของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกขนลุกขนพองไปทั้งตัวแล้ว”

        ซูจิ่นซีพูดพลางลูบแขนของตนเองไปด้วย

        “ฮิๆ พระชายา ท่านเดาดูสิเพคะว่าท่านกลับมาจากจวนสกุลฮั่วได้อย่างไร? ”

        แล้วจะกลับมาได้อย่างไรอีกเล่า?

        นางจำได้เพียงว่าตนเองเหนื่อยมากจนไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวเท้าเดิน เมื่อเดินไปถึงประตูจวนสกุลฮั่วดวงตาก็ดับมืดลง จากนั้นก็จำไม่ได้แล้วว่าเกิดอันใดขึ้น ตอนนั้นนางคงหมดสติไปแล้วอย่างแน่นอน

        ในสถานการณ์เช่นนั้น คนจากจวนสกุลฮั่วคงส่งนางกลับมาเป็นแน่ มิเช่นนั้นนางจะกลับมาได้อย่างไร

        หรือคนของจวนสกุลฮั่วที่ส่งนางกลับมาจะมีกลอุบายอันใด?

        “แม่นมฮวา ต้องการพูดอันใดก็พูดมาเลยดีกว่า อย่าปิดบังอีกเลย”

        “ฮิฮิ! ”

        แม่นมฮวาไม่ยอมพูด นางมองซูจิ่นซีแล้วยิ้มอยู่อย่างนั้น

        ไม่ใช่สิ!

        ทันใดนั้นในสมองของซูจิ่นซีก็ปรากฏภาพแวบขึ้นมา

        นางจำได้ว่าก่อนที่นางจะหมดสติไป เหมือนว่าจะเห็นคนผู้หนึ่ง… เยี่ยโยวเหยา

        หรือว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่นางคิดมากไป และไม่ใช่ภาพหลอน?

        ซูจิ่นซีค่อยๆ หันศีรษะไปทางแม่นมฮวาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน

        แม่นมฮวาเหมือนจะรู้ความคิดในใจของซูจิ่นซี นางพยักหน้า

        “พระชายา ท่านอ๋องเป็นผู้ที่อุ้มท่านกลับมาจากจวนสกุลฮั่วด้วยตนเองเพคะ”

        “อะไรนะ? ”

        ซูจิ่นซีดีดตัวออกจากเตียงทันที

        ปฏิกิริยารุนแรงจนกระเทือนแผลบนร่าง นางสูดหายใจลึกๆ หนึ่งครั้งแล้วกลับลงไปนั่ง

        “แม่นมฮวา เจ้าไม่ได้พูดผิดไปใช่หรือไม่? ”

        เยี่ยโยวเหยาอุ้มตนกลับมาจากจวนสกุลฮั่ว?

        จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!

        จากจวนสกุลฮั่วมายังจวนโยวอ๋อง ถนนหนทางห่างกันหลายสายนัก! ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้คนสัญจรไปมามากมายอีกด้วย

        อีกอย่าง เยี่ยโยวเหยาเป็นบุคคลประเภทที่ไม่ใกล้ชิดกับสตรี และยังเป็นสัตว์ประหลาดที่เย็นชาไม่รู้จักทะนุถนอมอ่อนโยน เป็นไปได้อย่างไรที่จะกระทำเรื่องเช่นนี้!

        ฆ่านางให้ตาย นางก็ไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน

        “พระชายา เป็นเรื่องจริงเพคะ! ตอนที่ท่านอ๋องอุ้มท่านเข้ามา ผู้คนภายนอกมากมายต่างรายล้อมกันอยู่ที่ประตูจวน ข้ารับใช้ที่คอยดูแลและทหารคุ้มกันทั้งหมดก็เห็นเพคะ! ”

        “ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเช้าที่ข้าน้อยไปซื้อยามาให้ท่านก็ได้ยินหลายคนคุยกันถึงเรื่องนี้ พวกเขาเอ่ยกันว่าวิเศษมาก ต่างลือกันว่าพิสดารเป็นที่สุด พวกเขาล้วนเห็นด้วยตาตนเองว่าท่านอ๋องอุ้มพระชายาเดินบนถนนอย่างเร่งรีบ ข้าน้อยอิจฉามากเพคะ!”

        โอ้ สวรรค์!

        นั่นมันโดดเด่นมากเลยนะ?

        ซูจิ่นซียากที่จะจินตนาการได้กับฉากที่เยี่ยโยวเหยาอุ้มนางโดยที่รอบข้างมีผู้คนรายล้อม พวกเขาต่างพากันมองภาพฉากอันสง่างามอลังการนั้น

        ช่างน่าตื่นตกใจอย่างยิ่งที่มีผู้ให้ความสนใจถึงเพียงนี้!

        นางคงไม่โดนผู้คนโยนหินใส่หัวใช่หรือไม่?

        ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็รู้สึกเบาและโล่งสบาย แก้มพลันร้อนผ่าว

        “ฮิฮิ พระชายา ท่านเขินอายสินะเพคะ? ”

        แม่นมฮวาจ้องไปที่ซูจิ่นซีและยิ้มอย่างมีเลศนัย

        ซูจิ่นซีรีบปิดบังใบหน้าที่แดงระเรื่อของตนเองอย่างรวดเร็ว

        “มีเรื่องเช่นนั้นที่ใดกัน เป็นเพราะข้าถูกผ้าพันแผลไปทั่วตัวจึงรู้สึกร้อนและอึดอัดหรอก”

        แม้ปากจะไม่ยอมรับ ทว่าภายในใจกลับมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

        แม่นมฮวาเห็นซูจิ่นซีที่ยิ้มอยู่อย่างนั้น ไม่อธิบายสิ่งใด

        ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็นึกบางสิ่งขึ้นได้ ใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน

        “แม่นมฮวา ผ้าพันแผลนี่ คงไม่ใช่ท่านอ๋องที่พันให้ใช่หรือไม่? ”

        แม่นมฮวาตกตะลึงในทันใด ใบหน้านิ่งค้าง ปากอ้ากว้างเป็นรูปตัว ‘โอ’

        หลังจากนั้นไม่นาน แม่นมฮวาก็รีบอธิบายให้ซูจิ่นซี “พระชายา ผ้าพันแผลนี้ไม่ใช่ท่านอ๋องพันให้เพคะ เป็นข้าน้อยกับลวี่หลีช่วยกันกับหมอสตรีพันให้ท่าน” แม่นมฮวายิ้มแล้วกล่าวอีกว่า “ทว่าพระชายาก็อย่าพึ่งถอดใจไปนะเพคะ ตามความสามารถของท่านอ๋องแล้วเรื่องการพันแผลนี้ปกติล้วนเรียนรู้ด้วยตนเอง ต่อไประหว่างพวกท่านยังมีโอกาสนะเพคะ”

        คาดไม่ถึงว่าพระชายาจะเร่งรีบยิ่งกว่านางเสียอีก!

        ซูจิ่นซีเห็นรอยยิ้มมีเลศนัยของแม่นมฮวาอีกครั้ง รู้เลยว่านางต้องคิดเกินเลยเป็นแน่

        “แม่นมฮวา คำพูดของเจ้านี่ไปไหนต่อไหนแล้ว! ”

        ซูจิ่นซีคิดว่าบาดแผลบนร่างกายของนางเป็นเพียงแผลที่ถูกฮวาเจียวทิ่มแทงเท่านั้น พักผ่อนเพียงสองสามวันก็ไม่เป็นอันใดแล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าบาดแผลนี้เกือบพรากชีวิตของนางไป

        แผลตามตัวอักเสบเพราะอากาศร้อน กอปรกับระยะนี้มีฝนตกและลมหนาว ซูจิ่นซีจึงมีไข้ต่ำๆ ทั้งวัน เมื่อร่างกายอ่อนแรง นางจึงนอนรักษาตัวบนเตียงนานถึงครึ่งเดือน

        เมื่อเป็นเช่นนั้น เรื่องการตอบรับฮ่องเต้ว่าจะสืบหาฆาตรกรตัวจริงที่วางยาฮองเฮาก็ผ่านมาได้ครึ่งเดือนแล้ว นับตั้งแต่กำหนดระยะเวลาเส้นตายหนึ่งเดือน

        วันหนึ่ง ซูจิ่นซีนั่งอยู่ข้างหน้าต่างบนชั้นสองของเรือนอวิ๋นไค นางกำลังอ่านดูรายการความชอบของฮองเฮาที่เยี่ยโยวเหยาให้คนไปสืบหามาให้

        เนื้อหาด้านในมีเยอะมาก ของที่ฮองเฮาชอบก็มีไม่น้อยเลย ทว่าสิ่งที่ดึงดูดซูจิ่นซีที่สุดกลับเป็นสิ่งที่ซูจิ่นซีไม่เคยคาดคิดมากที่สุด นึกไม่ถึงว่าฮองเฮาจะโปรดการลิ้มรสสุรา

        นี่ทำให้ซูจิ่นซีนึกถึงเรื่องสุราดอกเหมยเมื่อครึ่งเดือนก่อน

        ทว่าจากการตามสืบหาสุราดอกเหมย ซูจิ่นซีไม่ได้เบาะแสอันใดมาเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเป็นทางตัน

        ซูจิ่นซีวางรายการลงบนโต๊ะเล็กด้านข้าง ก่อนจะเอนหลังอย่างเต็มที่พิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง

        นางไม่ได้เห็นเยี่ยโยวเหยามาครึ่งเดือนแล้ว

        ตั้งแต่กลับมาจากการถอนพิษให้ฮั่วซืออวี่ นางก็ไม่เห็นหน้าเยี่ยโยวเหยาอีกเลย

        ใช่ว่าหลายวันมานี้เยี่ยโยวเหยาไม่ได้กลับมา แต่เป็นเพราะว่ากว่าเขาจะกลับมาก็ดึกมาก ซูจิ่นซีหลับไปแล้ว วันต่อมาเยี่ยโยวเหยาก็ออกไปแต่เช้าอีก ตอนที่ออกไปซูจิ่นซีก็ยังไม่ตื่น

        ก่อนหน้านี้ซูจิ่นซียังดีใจกับการที่เยี่ยโยวเหยาโอบอุ้มตนเองกลับมาจากจวนสกุลฮั่ว ทว่าบัดนี้ภายในใจล้วนเต็มไปด้วยความหดหู่

        ซูจิ่นซีถูกซิ่งหลิวหลีลักพาตัวไปบนเขาชังชุ่ย และยังได้รับบาดเจ็บทั่วทั้งร่างกายอีกด้วย ไม่ต้องพูดถึงว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ถามไถ่ห่วงใยนางสักคำ แม้แต่เงาคนก็มองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ หลายวันมานี้การแลกเปลี่ยนเพียงอย่างเดียวระหว่างพวกเขาคือเยี่ยโยวเหยาให้คนมาส่งรายการใบนี้ให้นาง

        ซูจิ่นซีสับสนเป็นอย่างยิ่ง

        ตอนที่นางถูกคนลักพาตัวไปนั้น เยี่ยโยวเหยาทราบหรือไม่กันแน่

        เขาจะเป็นห่วงเป็นใยและตามหานางบ้างหรือไม่?

        แม้จะเป็นคนแปลกหน้า ทว่าก็ควรถามไถ่กันสักคำกระมัง?

        ท่าทีของเยี่ยโยวเหยาทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกว่าระหว่างพวกเขาแม้แต่คนแปลกหน้าก็ยังไม่ใช่

        “พระชายา หัวหน้าขุนพลฮั่วมาเพคะ! ”

        ฮั่วซืออวี่?

        เขามาทำอันใดกัน?

        ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นมาทันที