กระรอกน้อยเป็นสัตว์ตัวเล็กที่น่ารักมาก

เล่าลือกันว่า ป่าสนนี้เป็นฝีมือของพวกมันที่ปลูกขึ้นมา

กระรอกน้อยชอบกินถั่วเมล็ดสน เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว โดยเฉพาะช่วงเข้าหน้าหนาว พวกมันมักจะกักตุนอาหารที่โปรดปรานไว้เพื่อดำรงชีวิต

พวกมันจะขุดหลุมและนำถั่วเมล็ดสนที่กักตุนมาฝังไว้หลายเมล็ด

หลุมหนึ่งฝังหลายเมล็ด อีกหลุมหนึ่งก็ฝังหลายเมล็ดเช่นกัน ฝังเสร็จก็ใช้ดินกลบอย่างแน่นหนา มองดูไม่ออก

หลังจากนั้นก็ลืม

ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

ดังนั้นในฤดูใบไม้ผลิของปีถัดไปถั่วเมล็ดสนที่ฝังอยู่ในดินก็เติบโตจนเป็นต้นกล้าสนแดง

เมื่อวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ต้นกล้าสนแดงก็เติบโต จนกลายเป็นต้นสนที่ใหญ่ขึ้น

กระรอกน้อยไม่เพียงแค่กักตุนถั่วเมล็ดสนเท่านั้น พวกมันก็เหมือนมนุษย์ ที่ยังไปเก็บเห็ดที่สามารถกินได้มาไว้ด้วย

หากเห็นเห็ดตากอยู่บนกิ่งต้นสนสูง ไม่ต้องถาม นั่นเป็นผลงานของกระรอกน้อยนั่นเอง

พวกมันคิดว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุดถึงจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด ดังนั้นจึงนำเห็ดไปตากไว้ตรงนั้น

จะนำเห็ดของพวกมันไปก็ได้ ไม่มีปัญหา กินได้อย่างสบายใจเพราะเห็ดนั้นไม่มีพิษแน่นอน อีกทั้งเป็นเห็ดอย่างดีที่อยู่ในป่าแห่งนี้

ในตอนนี้ ซื่อจ้วงกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้เหมือนลิง ในมือถือเห็ดที่กระรอกน้อยนำมาตากไว้อย่างดี

ซื่อจ้วงโยนเห็ดลงในตะกร้าข้างหลัง บริเวณโดยรอบมีเสียง ซือซือซือ กระรอกน้อยตัวหนึ่ง โมโหจนแยกเขี้ยว “รอก่อนเถอะ เดี๋ยวได้เจอดีแน่”

มันส่งเสียงคำรามด้วยความโมโหพลางแกว่งหางไปมา ก่อนจะหันหัววิ่งมาร้องเรียนกับหัวหน้าใหญ่ “กูกูกูกูกู”

ท่านอ๋องกระรอกขมวดคิ้ว เบิกตากลมวิเคราะห์

“ที่นี่เป็นสถานที่อาศัยของพวกเรา ถนนสายนี้เป็นทางตันแล้ว…

…ตั้งแต่หลายปีก่อน คนในหมู่บ้านตายกันหมดภายในค่ำคืนเดียว พวกมนุษย์คิดว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ดี ยามเย็นเมื่อเดินมาถึงที่นี่ จะได้ยินเสียงเสมือนผีร้องไห้คร่ำครวญ จึงไม่มีใครกล้าเดินผ่านที่แห่งนี้อีกเลย…

…อีกอย่าง ด้านหน้ามีหลุมฝังศพมากมายที่คอยเป็นเกราะกำบังให้กับพวกเรา ที่นี่เป็นสถานที่ที่ข้าคัดสรรมาเป็นพิเศษ ที่นี่รกร้างและเปล่าเปลี่ยว จะมีมนุษย์ปรากฏตัวขึ้นได้อย่างไร”

“ท่านอ๋อง ท่านวิเคราะห์ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถยับยั้งคนโง่เหล่านั้นที่เดินหลงทางมาได้”

“ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้าได้ฉี่ทิ้งร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ไว้หรือไม่? เพื่อบ่งบอกกับพวกมนุษย์ว่าแถวนี้เป็นพื้นที่ของเจ้า?”

“ท่านอ๋อง อย่าว่าแต่ทิ้งรอยฉี่เลย ข้าเฝ้าอยู่ตรงนั้นก็ไม่มีประโยชน์ ท่านโปรดอย่าถามอีกเลย ท่านจะออกหน้าแทนข้าไหม ข้าอุตส่าห์ตุนอาหารมาสองเดือนกว่า แต่ถูกพวกมนุษย์เอาไปเสียแล้ว”

“พวกเจ้าทั้งหลาย”

“ขอรับ”

“ตามข้าออกรบ ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องอาหาร เป้าหมายการออกรบของพวกเราคือ กัดพวกมนุษย์ให้ตาย!”

เหล่ากระรอกน้อยส่งเสียงร้องออกมา พวกมีจำนวนมากกว่าร้อยตัว

ในเวลานี้เถียนสี่ฟาเลื่อนตัวลงมาจากต้นไม้ เขาเงยหน้าขึ้นก็สบตาเข้ากับท่านอ๋องกระรอก เขาก็รีบยกจอบขึ้นมา “เร็วเข้า เถี่ยโถว จับกระรอกมากินกัน!”

ท่านอ๋องกระรอกสะบัดหาง ปากก็ร้อง ซือซือซือ “โอ้ว แม่เจ้า ถอยทัพเร็ว พวกเจ้าคอยคุ้มกัน ข้าจะถอยก่อน”

เมื่อหันหน้ากลับมา ท่านอ๋องก็ไม่ได้ส่งเสียงคำรามข่มขู่เพราะกลัวว่าจะถูกจับตัวกลับไป

เมื่อมาอยู่ต่อหน้ากระรอกน้อย ท่านอ๋องก็พูดโน้มน้าว “โจรภูเขา พวกมนุษย์นี้เหมือนโจรภูเขาก็ไม่ปาน ช่างเถอะ พวกเราไม่คิดบัญชีกับพวกเขาแล้ว รอพวกเขาไปกันให้หมด พวกเราค่อยมาสร้างบ้านของพวกเรากันใหม่”

“โอ้ว ทั้งหมดนี่สามารถขายได้” ซ่งฝูเซิงก้มลงเก็บลูกสนอย่างขะมักเขม้น ตอนนี้เอวกับขาของเขาก็ไม่ปวดเมื่อยแล้ว มีเรี่ยวแรงสามารถเดินไปกลับอย่างน้อยห้าร้อยเมตรได้อย่างสบาย

ท่านยายหวังมาเก็บลูกสนใต้ต้นไม้พอดี นางเพิ่งจะนั่งพักใกล้รากไม้ กัวคนโตก็ลื่นตกลงมาจากต้นไม้ เขาตะโกน “หลบไป!”

ท่านยายหวังรีบตะเกียกตะกายหนี ตะกร้าเล็กๆ ที่อยู่ในมือของนางปลิวหล่น นางรีบหลบอย่างไว

กัวคนโตรู้สึกเคอะเขินหลังจากลงจากต้นไม้แล้ว ไม่ได้อายเพราะเกือบตกลงมาโดนท่านยายหวัง แต่อายเพราะเป้ากางเกงขาด

“ข้าแก่มากขนาดนี้แล้ว จะมาจ้องมองเจ้าทำไมกัน เจ้าจะปิดทำไม อายข้าหรือไง รีบทำงานต่อเร็ว”

ตอนนี้ก็เกิดเหตุกาณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีก

เชือกที่ผูกไว้กับเอวของต้าหลังเป็นเชือกที่ซื่อจ้วงผูกไว้กับยอดต้นไม้ ใช้ประโยชน์เสมือนเป็นเชือกนิรภัย แต่เขาเหยียบพลาดเลยลื่นตกลงมา

ซ่งฝูหลิงไม่โชคดีเหมือนท่านยายหวัง นางโดนพี่ต้าหลังถีบออกไป ไม่ถีบก็ไม่ได้เพราะเกรงว่าจะร่วงทับน้องสาว

ซ่งฝูหลิงหมอบอยู่บนพื้นดิน ใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่น ด้านหลังถูกถีบจนไอออกมาไม่หยุด นางกล่าวเสียงเครือ “เห็ดมัตสึตาเกะของข้าโดนเหยียบเละหมดแล้ว”

เห็ดมัตสึตาเกะ?

ซ่งฝูเซิงกับเฉียนเพ่ยอิงรีบตั้งใจฟังทันที “เห็ดมัตสึตาเกะอะไร?”

ซ่งฝูหลิงนั่งปาดน้ำตาอยู่บนพื้นมองหน้าพ่อแม่ ท่านทั้งสองโง่ไปแล้วหรือไม่ ก็เห็ดมัตสึตาเกะไง ยังจะสามารถเป็นอะไรได้อีก?

มันคือเห็ดมัตสึตาเกะที่อยู่ในเมนูอาหารช่วงโอลิมปิก เห็ดมัตสึตาเกะจีนที่พวกเราเคยลิ้มรสที่ปลายลิ้นกัน เมื่อก่อนพวกท่านใช้เงินหลายร้อยหยวนซื้อเห็ดมัตสึตาเกะครึ่งกิโลเพื่อบำรุงสมองของข้าก่อนสอบปลายภาค

ซ่งฝูเซิงรีบคว้าเห็ดที่อยู่ในมือของลูกสาวมาดู หลังจากนั้นเขาก็สบสายตากับเฉียนเพ่ยอิง พวกเขาทั้งสองต่างอุทานเป็นเสียงเดียวกัน โอ้ว พระเจ้า ลูกสนเมื่อเทียบกับเห็ดมัตสึตาเกะนี้ก็แทบจะไร้ค่าไปเลย เห็ดป่ามัตสึตาเกะนี้ชาวเขาบางคนใช้เวลาหลายปีก็ยังขุดเจอไม่มากนัก เพราะมันต้องใช้เวลาหลายปีในการเจริญเติบโตเต็มที่ มีความต้องการสภาพแวดล้อมเหมาะสมอย่างสูงในการดำรงชีวิต

ถ้าสามารถซื้อของป่าแท้ๆ ได้จริง สิ่งนั้นสามารถต้านมะเร็งได้ ทำเป็นยาดอง ยาอายุวัฒนะและบำรุงร่างกาย ตามร้านขายยาให้ราคารับซื้อสูงแน่นอน

“ไปหามาจากไหน?” ซ่งฝูเซิงถามลูกสาว

“จากกิ่งไม้นั่น ข้าเพิ่งขุดออกมาได้ทั้งหมด แต่พี่ต้าหลังก็ทำของข้าหล่นเละเทะหมดแล้ว”