ตอนที่ 126 ท่านเย่จะมาเมืองหลวง

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 126 ท่านเย่จะมาเมืองหลวง

“ท่านเย่ ข้ากลับมาแล้วขอรับ”

เยี่ยนเทียนซานกลับมายังลานเล็ก ๆ แห่งนี้อีกครั้ง ใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มพลางประสานมือคาราวะให้แก่เย่ฉางชิง

ด้วยก่อนหน้านี้เขาได้ไปล้างหน้าล้างตาที่ริมแม่น้ำนอกเมืองเสี่ยวฉือ พร้อมกับเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่มาเรียบร้อยแล้ว

เช่นนั้นแม้สีหน้าของเยี่ยนเทียนซานจะยังคงซีดขาวและดูไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้าง แต่ด้วยแสงสลัว ๆ ภายในลาน จึงทำให้มิอาจสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้โดยง่าย

“ท่าน… ปู่”

เมื่อเห็นเยี่ยนเทียนซานกลับมาอย่างปลอดภัย เยี่ยนปิงซินก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับทันที

เย่ฉางชิงมองสำรวจเยี่ยนเทียนซานเล็กน้อย ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านเยี่ยน ท่านมิเป็นอะไรใช่หรือไม่ ? ”

“ขอบคุณท่านเย่ที่เป็นห่วง ข้ามิเป็นไร”

เยี่ยนเทียนซานตอบกลับเย่ฉางชิงพร้อมกับพยักหน้าให้

“ท่านบรรพบุรุษ ท่านมิเป็นอะไรจริง ๆ ใช่หรือไม่เจ้าคะ ? ”

เยี่ยนปิงซินเดินมาอยู่ข้างกายเยี่ยนเทียนซาน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นผ่านทางกระแสจิต

เยี่ยนเทียนซานมองเยี่ยนปิงซินเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ายิ้ม ๆ

เยี่ยนปิงซินนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “ท่านปู่เจ้าคะ ท่านเย่ตัดสินใจจะไปอยู่เมืองหลวงกับเราสักสามสี่วันเจ้าค่ะ”

“ห๊ะ ! ”

เยี่ยนเทียนซานมีสีหน้าตกตะลึง จิตใจสั่นสะท้านขึ้นมาทันที ก่อนจะก่อเกิดเป็นความรู้สึกยินดีอย่างบอกมิถูก

เห็นเช่นนั้นเย่ฉางชิงก็ลอบขมวดคิ้ว และเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “ท่านเยี่ยน มิสะดวกงั้นหรือ ? ”

“หาใช่ไม่ ท่านเย่เข้าใจผิดแล้ว”

เยี่ยนเทียนซานเมื่อได้สติก็รีบส่ายหน้าและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “หากท่านเย่ต้องการไปพักที่เมืองหลวงจริง ข้าจะรีบจัดแจงทำความสะอาดบ้านเรือนเพื่อต้อนรับท่านด้วยความยินดี จะมีสิ่งใดมิสะดวกได้เยี่ยงไรกัน”

เย่ฉางชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นหากไปถึงเมืองหลวง ข้าคงต้องรบกวนครอบครัวของท่านเยี่ยนแล้วล่ะนะ”

“ท่านเย่ล้อข้าเล่นแล้ว มิได้รบกวนอันใดเลย”

เยี่ยนเทียนซานรีบโบกมือปฏิเสธทันที

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านเย่ เหล่าผู้ติดตามของข้าพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมในเมืองเสี่ยวฉือ ข้าขอไปสั่งการอะไรสักครู่แล้วจะรีบกลับมา”

เย่ฉางชิงพยักหน้าให้

เอ่ยจบ เยี่ยนเทียนซานก็รีบเดินออกไปจากลานเล็ก ๆ ทันที

หลังจากเขาเดินออกมาจากถนนที่ร้านขายของชำตั้งอยู่แล้ว ก็ปรากฏสีหน้ายิ้มแย้มรู้สึกเต็มตื้นไปด้วยความยินดีในทันที

‘คาดมิถึง ! ’

‘คาดมิถึงจริง ๆ ! ’

‘ท่านเย่ยอมไปเมืองหลวง’

‘นี่เป็นโอกาสที่มีค่ายิ่งของแคว้นต้าเยี่ยนจริง ๆ ! ’

คิดถึงตรงนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยนเทียนซานก็ยิ่งกระจ่างมากขึ้น ก่อนจะรีบเดินไปยังโรงเตี๊ยมเพียงแห่งเดียวของเมืองเสี่ยวฉือ

มินาน เยี่ยนเทียนซานก็มาถึงห้องพักห้องหนึ่งบนชั้นสองของโรงเตี๊ยมไหลฝู

ห้องพักนี้ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างเรียบง่าย แต่ก็ยังนับว่าสะอาดใช้ได้

โคมไฟภายในห้องริบหรี่ ทำให้แสงดูสลัว

เยี่ยนเทียนซานนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ข้างกายของเขาตอนนี้มีชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำ และมีไอพลังอันแข็งแกร่งสี่คนยืนตระหง่านดุจหอคอยเหล็กกล้าขนาบข้างอยู่

ตอนนั้นเองเยี่ยนเทียนซานก็ได้หยิบหยกถ่ายทอดเสียงชิ้นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ

เขาใช้นิ้ววาดยันต์บางอย่าง ฉับพลันก็มีแสงอันเจิดจ้าเปล่งประกายขึ้นมากลางอากาศ

มิกี่อึดใจต่อมา ยันต์นั้นก็ค่อย ๆ ผสานเข้ากับยันต์หยก

ทันใดนั้นยันต์หยกก็ได้ปลดปล่อยหมอกแสงอันเจิดจ้าออกมา สัญลักษณ์โบราณอันแล้วอันเล่าเคลื่อนที่อยู่กลางอากาศ พร้อมกับปล่อยพลังลึกลับออกมา จนทำให้อากาศด้านหน้าของเยี่ยนเทียนซานพร่าเลือนไป

“เยี่ยนหยางเหนียน ! ”

ดวงตาของเยี่ยนเทียนซานเปล่งประกายขึ้น พร้อมเอ่ยด้วยเสียงอันทรงพลัง

มินาน อีกด้านหนึ่ง

ภายในห้องทรงอักษร ของวังหลวง ณ เมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยี่ยน

เยี่ยนหยางเหนียนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านฎีกาอยู่นั้น ก็รู้สึกตัวขึ้นมา

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง

ยันต์หยกขนาดเท่ากำปั้นเด็กชิ้นหนึ่งได้มีแสงเปล่งประกายล้อมรอบ ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าของเขา

นี่เป็นหยกถ่ายทอดเสียงที่ท่านบรรพบุรุษเยี่ยนเทียนซานมอบไว้ให้เขา

การที่หยกโบราณชิ้นนี้ปรากฏขึ้นที่นี่ในเวลานี้ ย่อมหมายความว่าท่านบรรพบุรุษคงต้องการสื่อสารบางอย่างกับเขา

‘ท่านบรรพบุรุษไปหาท่านเย่ผู้ลึกลับท่านนั้นกับเยี่ยนปิงซินมิใช่หรือ ? ’

เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนหยางเหนียนก็มิกล้าชักช้า

มือทั้งสองข้างของเขาทำท่ามุทรา มินานสัญลักษณ์ที่มีแสงเปล่งประกายก็ผสานเข้าไปภายในหยกถ่ายทอดเสียง

“ท่านบรรพบุรุษ เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่านหรือไม่ ? ”

เยี่ยนหยางเหนียนขมวดคิ้วมุ่น แล้วเอ่ยถามขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ ? ”

เยี่ยนเทียนซานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันน่าเกรงขาม “เยี่ยนหยางเหนียน ตำแหน่งฮ่องเต้ของเจ้า เจ้ายังอยากรักษาไว้อยู่หรือไม่ ? ”

“ท่านบรรพบุรุษ ข้ามิได้หมายความเช่นนั้นขอรับ”

เยี่ยนหยางเหนียนมีสีหน้าซีดเผือดทันที ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“เยี่ยนหยางเหนียน เจ้าฟังข้าให้ดี”

“พรุ่งนี้ข้าและปิงซินจะกลับไปเมืองหลวง ท่านเย่ก็จะกลับไปพร้อมพวกข้าด้วยเช่นกัน และจะพักอยู่ที่เมืองหลวงช่วงหนึ่ง เรื่องนี้หมายความว่าเยี่ยงไร ข้าคงมิต้องอธิบายให้เจ้าฟังอีกใช่หรือไม่ ? ”

“เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดี หากระยะเวลาที่ท่านเย่พักอยู่ในเมืองหลวงมีสิ่งใดที่มิพอใจขึ้นมา ตำแหน่งฮ่องเต้ของเจ้าจะถูกปลดทันที และข้าจะให้เจ้าไปเฝ้าชายแดนแทน ! ”

“ท่าน… ท่านบรรพบุรุษ ท่านบอกว่าท่านเย่ผู้นั้นจะมาพักที่เมืองหลวงหรือขอรับ ? ”

“ต้องให้ข้าพูดอีกรอบเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ท่านบรรพบุรุษ ข้าจะสั่งคนให้ไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ ท่านเย่มีความเกี่ยวพันถึงโชคชะตาของแคว้นต้าเยี่ยนของเรา หากระหว่างที่ท่านเย่อยู่เมืองหลวงเกิดเรื่องผิดพลาดอันใดขึ้น ข้าจะยอมสละตำแหน่งไปอยู่ชายแดนเองขอรับ”

“จำคำของเจ้าเอาไว้ให้ดีล่ะ”

จากนั้นแสงที่ล่องลอยอยู่รอบ ๆ หยกชิ้นนั้นค่อย ๆ จางหายไป หมายความว่าการสนทนาในครั้งนี้ได้จบลงแล้ว

‘ท่านบรรพบุรุษเอ่ยถึงขนาดนี้ แสดงว่าท่านเย่จะมาเมืองหลวงจริง ๆ ’

เยี่ยนหยางเหนียนซับเหงื่อที่หน้าผากของตน ใบหน้าปรากฏยิ้มฝืดเฝื่อนออกมา

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงส่งเสียงเรียกดังกึกก้องขึ้น “เหยาอี่”

“ฝ่าบาท กระหม่อมอยู่นี่พะยะค่ะ”

สิ้นเสียง ขันทีชราผู้มีผมขาวโพลนก็เดินมาตรงหน้าเยี่ยนหยางเหนียน

เยี่ยนหยางเหนียนขมวดคิ้วแน่น พลางลูบคางและเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “เจ้าไปเรียกรัชทายาท อัครมหาเสนาบดี รองเสนาบดีกรมโยธา รองเสนาบดีกรมคลัง รวมทั้งรองเสนาบดีกรมกลาโหมให้เข้าวังมาพบข้าเดี๋ยวนี้”

“บอกพวกเขาว่าข้ามีเรื่องเร่งด่วนที่จะปรึกษา หากผู้ใดชักช้าก็ให้พวกเขาพาครอบครัวกลับบ้านเก่าไปได้เลย ! ”

“ฝ่าบาท…”

เหยาอี่โน้มตัวลงแล้วค่อย ๆ เงยหน้ามองเยี่ยนหยางเหนียนด้วยท่าทางอึกอัก

เยี่ยนหยางเหนียนเอ่ยเสียงเข้มว่า “เหตุใดเจ้ายังชักช้าอยู่อีก รีบไปเรียกพวกเขามาเดี๋ยวนี้ หากเรื่องนี้มีข้อผิดพลาดแม้เพียงน้อยนิด แม้แต่ข้าเองก็ต้องลงจากตำแหน่งฮ่องเต้ไปประจำอยู่ที่ชายแดนเช่นกัน ! ”

เหยาอี่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าเสีย ก่อนจะเดินออกไปอย่างรีบร้อนทันที

เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งก้านธูป

บุรุษหนุ่มที่มีท่วงท่าอันสะดุดตา สวมชุดหรูหรา ก็เดินนำขุนนางหลายคนมาที่ห้องทรงอักษรอย่างเร่งรีบ

…………………………..

ขณะเดียวกัน หลังจากเยี่ยนเทียนซานสั่งการเยี่ยนหยางเหนียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงที่นักพรตฉางเสวียนและสวีฉิงเทียนมอบไว้ให้ขึ้นมา

“พี่เหอ เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้ข่าวว่าท่านเย่เตรียมตัวไปเมืองหลวงพรุ่งนี้พร้อมกับพวกข้าสองคนด้วย”

“ว่ายังไงนะ ท่านบรรพจารย์เย่จะไปเมืองหลวงงั้นหรือ ? ”

“พี่เยี่ยน ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่ ? ”

“พี่เหอ คำพูดนี้ท่านเย่เป็นคนเอ่ยต่อหน้าข้าเอง”

“พี่เยี่ยน ข้าทราบแล้ว”

“เด็ก ๆ ไปตามผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ระดับแดนเทวาทั้งหมดมาที่ตำหนักไท่เสวียน…”

“พี่สวี เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้ข่าวว่าท่านเย่เตรียมตัวไปเมืองหลวงพรุ่งนี้พร้อมพวกข้าสองคนด้วย”

“ว่าไงนะ ท่านเย่จะออกจากเมืองเสี่ยวฉือ ไปเมืองหลวงงั้นหรือ ? ”

“พี่เยี่ยน ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่ ? ”

“พี่สวี คำพูดนี้ท่านเย่เป็นคนเอ่ยต่อหน้าข้าเอง”

“ขอบคุณพี่เยี่ยน ข้าทราบแล้ว”

“เด็ก ๆ ไปตามผู้อาวุโสที่ระดับแดนเทวาขึ้นไปมาพบข้าให้หมด…”