เล่มที่ 4 บทที่ 103 อย่าหยาบคาย

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

น้ำเสียงยั่วยุหยาบคาย ไม่ต้องเดาหลินเมิ้งหยาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

    เมื่อหันหน้าไป ก็พบว่าเป็นหูลู่หนานซึ่งสวมใส่ชุดหรูหรา

    ทว่า เพียงได้เห็นท่าทางลับลมคมในระหว่างเขาและไท่จื่อแล้ว หลินเมิ้งหยาเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ

    สองคนนี้สนิทสนมกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

    รวมหัวกันทำเรื่องชั่ว? นางไม่เชื่อว่าสองคนนี้จะทำอะไรดีๆ

    “ชายาอวี้ มิได้เจอกันนานเลย”

    หูลู่หนานเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าหลินเมิ้งหยา ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทว่าหลินเมิ้งหยากลับสัมผัสได้ถึงความมิชอบมาพากล

    นางหมุนตัวเดินเข้าไปยืนข้างกายหลงเทียนอวี้ โดยไม่ไว้หน้าหูลู่หนานเลยแม้แต่น้อย

    ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามวางแผนอะไรเอาไว้ นางจะเปิดเผยมันออกมาให้ได้

    คอยดูเถิด!

    “ระวังตัวด้วย ได้ยินมาว่าหูลู่หนานเป็นผู้เสนอเรื่องการล่าสัตว์ในครั้งนี้ องครักษ์ที่คอยคุ้มครองความปลอดภัยคือคนของไท่จื่อ”

    กำชับเสียงเข้ม ทว่าหัวใจของหลินเมิ้งหยากลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น

    หลงเทียนอวี้เป็นคนละเอียดรอบคอบ เขามักคิดเผื่อนางเสมอ

    แม้หลงเทียนอวี้จะไม่บอก แต่นางก็พยักหน้าและระมัดระวังตัวกว่าเดิมยี่สิบเท่า

    การล่าสัตว์ในคราวนี้มิได้มีเพียงเหล่าองค์ชายที่เข้าร่วม แม้แต่เหล่าขุนนางเองก็พาลูกหลานของตนมาเข้าร่วมด้วยเช่นเดียวกัน

    หลินเมิ้งหยาคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอเยว่ถิงที่นี่ ชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่สวมใส่ขับให้นางดูงดงามและอ่อนโยนมากขึ้น

    หลังจากมองเห็นหลินเมิ้งหยา เยว่ถิงหยักยิ้มอ่อนโยน ทั้งสองทักทายกัน

    “เจ้าชอบคุณหนูสกุลเยว่มากหรือ?”

    การกระทำของทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของหลงเทียนอวี้

    มิรู้ว่าเพราะเหตุใด ทุกครั้งที่หลินเมิ้งหยาปรากฏตัวข้างกายเขา เขามักจะรู้สึกไม่เป็นตัวของตนเอง อีกทั้งสายตายังไม่อาจเลื่อนออกจากตัวนางได้

    ตอนที่นางได้เห็นคุณหนูสกุลเยว่ ดวงตาที่เปล่งประกายของนางในเวลานั้นทำให้หัวใจของเขารู้สึกอิ่มเอม

    ขอเพียงนางดีใจ เขายิ่งรู้สึกยินดี

    “นางเป็นว่าที่พี่สะใภ้ของหม่อมฉันนี่นา ยิ่งไปกว่านั้นพี่เยว่ถิงทั้งสวยทั้งอ่อนโยน จะมีใครไม่ชอบบ้าง?”

    แน่นอนว่าหลินเมิ้งหยาชอบพี่เยว่ถิงมาก นางได้รับคำอนุญาตจากท่านลุงเยว่เรื่องการแต่งงานของพี่ชายและพี่เยว่ถิงแล้ว

    เชื่อว่าอีกไม่นานพี่เยว่ถิงจะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของนาง

    “เช่นนั้นเจ้าจะต้องชอบหลินหลางอย่างแน่นอน นางเองก็อ่อนโยนและมีจิตใจโอบอ้อมอารี”

    น้ำเสียงของหลงเทียนอวี้เจือไว้ซึ่งความคิดถึง

    ความเจ็บปวดแล่นพล่าน ทว่าหลินเมิ้งหยากลับแสดงท่าทีมิรู้สึกอันใด ก่อนจะส่งเสียงเบา

    “เช่นนั้นหม่อมฉันหวังเหลือเกินว่าจะได้พบท่านหญิงหลินหลาง”

    จิบเหล้าหนึ่งอึก แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใด กลิ่นเหล้าที่เคยหอมหวานกลับกลายเป็นขมขื่น

    “ไท่จื่อ ไม่ทราบว่าอะไรคือรางวัลสำหรับผู้ชนะในการล่าสัตว์ในคราวนี้หรือ?”

    เนื่องจากเป็นเพียงงานเลี้ยงเล็กๆ ดังนั้นจึงไม่มีพิธีรีตองมากมายนัก

    หูลู่หนานที่มิรู้ว่าไปสนิทชิดเชื้อกับไท่จื่อตั้งแต่ตอนไหนส่งเสียงแสดงให้เห็นถึงความเคารพและให้เกียรติไท่จื่อเป็นอย่างมาก

    ไท่จื่อชักสายตากลับจากเรือนร่างของหลินเมิ้งหยา

    ยิ่งได้เห็นความงามของชายาอวี้ เขายิ่งรู้สึกว่าเจ้าคนไร้ประโยชน์อย่างหลงเทียนอวี้ไม่เหมาะสมที่จะได้ครอบครองนาง

    ทว่า ก็ยังพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกของตนเองเอาไว้

    “รางวัล? หากองค์ชายรองไม่พูด ข้าก็คงลืมไปแล้ว เข้ามา นำรางวัลเข้ามา”

    มีคนรีบเข้าไปนำกล่องทองคำฝังหยกเข้ามา หลินเมิ้งหยามองดูด้วยความประหลาดใจ ขนาดกล่องยังดูมีราคามากขนาดนี้ เกรงว่าของข้างในคงมีราคามิแพ้กัน

    “นี่คือไข่มุกหายากที่ทางตงไฮ่นำมาถวายเป็นเครื่องราชบรรณาการเมื่อปีที่แล้ว ทุกคนลองเชยชมดูเถิด”

    ไท่จื่อสั่งให้เปิดกล่อง พวกเขาได้เห็นไข่มุกเม็ดใหญ่ส่องประกายสวยงามอยู่ภายใน

    “ใหญ่โตอะไรขนาดนี้”

    “เพียงแค่เม็ดเดียว ราคาก็มิอาจประเมินได้”

    ทุกคนร้องออกมาด้วยความตกใจ

    ของชิ้นนี้เป็นของหายาก แน่นอนว่าคนธรรมดามิเคยเห็นมาก่อน

    หลินเมิ้งหยาทำเพียงชำเลืองมอง ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน

    แม้ไข่มุกเช่นนี้จะไม่อาจพบเห็นได้บ่อยนัก แต่การใช้งานก็ยากยิ่ง ไข่มุกที่ใหญ่ขนาดนี้ หากนำมาประดับคงมิวายเหนื่อยตายอย่างแน่นอน

    “เจ้าชอบหรือไม่?”

    เมื่อเห็นท่าทางไม่แยแสของหลินเมิ้งหยา หลงเทียนอวี้ก็รู้สึกประหลาดใจ

    ปกติสตรีทั่วไปล้วนชอบของหายากพวกนี้ ทว่าชายาของเขากลับมิได้รู้สึกสนอกสนใจเลยแม้แต่น้อย

    “หม่อมฉันกลับรู้สึกว่าหมาน้อยและแมวน้อยน่ารักกว่าของชิ้นนี้อีกเพคะ ได้มาแล้วจะเอาไปทำอะไรได้ เอาไปโอ้อวดชาวบ้านหรือเพคะ?”

    เป็นความเห็นที่ผิดแปลกจากปกติยิ่งนัก หลงเทียนอวี้พลันรู้สึกขึ้นมาในใจ

    “ชายาอวี้ พระชายารองตู๋กูเชิญเสด็จ”

    หลินเมิ้งหยาที่กำลังดื่มเหล้าเพราะความอารมณ์ไม่ดี ได้ยินเสียงคนแปลกหน้าเรียกชื่อของตนเอง

    เมื่อหันหน้ากลับไปมอง ก็ได้เห็นใบหน้าสะดุดตา

    “ชายารองตู๋กู?” ราวกับว่านางเคยได้ยินชื่อนี้มาแล้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับนึกไม่ออก

    “ชายารองของไท่จื่อ พวกเราเคยเจอในงานเลี้ยงแล้ว”

    หลงเทียนอวี้ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างใบหู

    หลินเมิ้งหยาพูดไม่ออก ร่างกายแข็งทื่อเพราะหลงเทียนอวี้ที่อยู่ๆ ก็ขยับเข้ามาใกล้

    “เหตุใดชายารองของเจ้าจึงอยากพบข้า?”

    หลินเมิ้งหยาพยายามเมินเฉยหลงเทียนอวี้ที่ขยับเข้ามาแนบชิดตนเอง

    ทว่ายิ่งพยายาม ก็ยิ่งไม่มีความหมาย

    “ชายารองรับสั่งว่ารู้สึกถูกชะตากับพระชายา ดังนั้นจึงอยากสนิทสนมกันไว้เพคะ”

    คำพูดของนางกำนัลเรียกสติหลินเมิ้งหยากลับมา นางยังคงจำหญิงสาวสวมใส่ชุดสีม่วงในวันงานเลี้ยงได้

    ที่แท้ นางก็คือชายารองตู๋กูผู้เลื่องชื่อคนนั้น

    ทว่า ไท่จื่อและท่านอ๋องหาใช่มิตรสหายที่ดีต่อกันไม่ เหตุใดนางจึงต้องเชื้อเชิญตนเองไปหาด้วยเล่า?

    “เช่นนั้นหรือ แต่ชายารองมีเรื่องอะไรจึงต้องเชิญข้าไปด้วยเล่า?”

    หลินเมิ้งหยาลุกขึ้น เดินตามหลังนางกำนัลออกจากกระโจมงานเลี้ยง

    “เหนียงเหนียงรับสั่งว่ารู้สึกถูกชะตากับพระชายา ดังนั้นจึงส่งหนู่ปี้มาเชิญพระชายาไปเข้าเฝ้า พระชายาตามหนู่ปี้มาเถิดเพคะ”

    นางกำนัลมีท่าทางใสซื่อ ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกว่าชายารองตู๋กูจะต้องวางแผนอะไรบางอย่างเอาไว้แน่

    ทั้งสองเดินนำหน้าและตามหลังกันเข้าไปในกระโจมเล็กหลังหนึ่ง ภายในคือชายารองตู๋กูที่สวมใส่ชุดขี่ม้าและดื่มเหล้ากินกับแกล้มรอหลินเมิ้งหยา

    “พระชายารอง พระชายาอวี้มาถึงแล้วเพคะ”

    นางกำนัลถอนตัวกลับออกไป ภายในกระโจมเล็กจึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาและชายารองตู๋กู

    “น้องหลิน ข้าเตรียมกับแกล้มเหล้าเอาไว้มากมาย ข้าอยากทำความรู้จักสนิทสนมกับน้องหลินเอาไว้ เจ้าคงไม่ถือสาใช่หรือไม่?”

    ชายารองของไท่จื่อหาได้เหมือนชายารองทั่วไปไม่ ทันทีที่ไท่จื่อขึ้นครองราชย์ นางจะกลายเป็นพระสนมของฮ่องเต้ทันที

    ดังนั้น การทำความรู้จักกับหลินเมิ้งหยาเอาไว้จึงมิใช่เรื่องแปลก

    ทว่าน้องหลินคำนี้….

    หัวใจของหลินเมิ้งหยาสั่นไหว

    “ไม่หรอกเพคะ เมิ้งหยาเสียมารยาทแล้ว”

    หลินเมิ้งหยาหัวเราะ นั่งลงด้วยท่าทางผ่อนคลาย มองดูกระโจมเล็กหลังนี้ด้วยหัวใจเต้นระรัว

    “ล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น น้องหญิงอย่าได้เกรงใจไปเลย”

    ชายารองตู๋กูส่งเสียงหัวเราะอ่อนโยน ไร้ซึ่งความหยิ่งยโส

    หลินเมิ้งหยากลับระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นกลับส่งยิ้มอ่อนโยน

    “เชิญพระชายารองเพคะ”

    “ข้าเคยได้ยินไท่จื่อรับสั่งว่าวันที่พระสนมเต๋อเฟยได้พบกับเจ้า พระนางตกตะลึงในความงามของเจ้าเป็นอย่างมาก”

    ชายารองตู๋กูหยิบแก้วเหล้าขึ้นและเล่าเรื่องให้ฟัง

    “หม่อมฉันเป็นเพียงหิ่งห้อยตัวเล็กๆ มิอาจส่องประกายงดงามได้อย่างพระองค์หรอกเพคะ”

    หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ทันทีที่ริมฝีปากแตะขอบแก้วก็รีบส่งเสียงออกมา

    “คำพูดคำจาของเจ้าทำให้พี่สาวคนนี้ชื่นชอบยิ่งนัก หากน้องหญิงมิรังเกียจ ต่อจากนี้ไปพวกเรามาสนิทสนมกันให้มากขึ้นกว่านี้เถิด”

    คำพูดของชายารองมีเลศนัย หลินเมิ้งหยาร้องเตือนตัวเองในใจ

    คำพูดเช่นนั้นควรพูดกับหญิงสาวที่คอยรับใช้ไท่จื่อจึงจะถูกต้อง นางเป็นชายาอวี้ เหตุใดจึงพูดกับนางเช่นนี้

    “ขอเพียงชายารองตู๋กูไม่รังเกียจ เมิ้งหยาจะให้ความเคารพพระองค์อย่างแน่นอนเพคะ”

    มิรู้ว่าเพราะเหตุใด นางรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มของชายารองตู๋กูมิได้ประสงค์ดีเลยแม้แต่น้อย

    นางควรรีบกลับไปหาหลงเทียนอวี้

    “เหนียงเหนียง ท่านอ๋องยังต้องการให้หม่อมฉันคอยดูแล หม่อมฉันคงไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนได้นานนัก ขอทูลลาก่อนเพคะ”

    หลินเมิ้งหยาถวายคำนับ คิดอยากออกไปจากกระโจมหลังนี้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่เดินถึงหน้าประตู อยู่ๆ จะถูกทหารองครักษ์เข้ามาจับตัวไว้

    “เหตุใดต้องรีบร้อนขนาดนี้เล่า? อยู่ดื่มเหล้ากับข้าสักสองสามจอกมิได้หรือ?”

    น้ำเสียงชายารองตู๋กูเย็นยะเยือก ใบหน้าไร้ซึ่งความโอบอ้อมอารี

    จ้องมองดวงตาของหลินเมิ้งหยา รู้สึกสงสารเล็กน้อย แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือรู้สึกสะใจเสียมากกว่า

    “ท่านหมายความว่าอย่างไรเพคะ?”

    หลินเมิ้งหยายังไม่อยากฉีกหน้าฝ่ายตรงข้าม เหตุเพราะตัวนางอยู่เพียงลำพังคนเดียว

    “ข้าหมายความว่าอย่างไร? พระชายาอวี้มิเข้าใจหรือ? นับตั้งแต่วันที่ไท่จื่อได้เห็นเจ้า พระองค์เฝ้าพร่ำเพ้อหาไม่เว้นวัน พระองค์ต้องการครอบครองตัวเจ้า แต่น้องหญิงกลับมิให้โอกาสไท่จื่อเลย พอมาวันนี้โอกาสนั้นได้มาถึงแล้ว น้องหญิงอย่าทำให้พี่ต้องผิดหวังเลย เข้ามา จับตัวนางเอาไว้”

    น้ำเสียงเย็นชา ชายารองตู๋กูฉีกหน้ากากบนใบหน้าของตนเองจนหมดสิ้น

    จวนของไท่จื่อมีสาวงามมากมาย แต่คนที่ทำให้ไท่จื่อเฝ้าฝันหาได้มีเพียงชายาอวี้เพียงผู้เดียว

    ยิ่งไปกว่านั้นไท่จื่อเอ่ยอีกว่า หากนางสามารถช่วยให้ไท่จื่อสมหวัง เช่นนั้นตำแหน่งชายาเอกของไท่จื่อจะตกเป็นของนาง

    เพื่อทำให้ไท่จื่อสมปรารถนา นางคิดหาวิธีมากมาย คราวนี้นางคงต้องหาประโยชน์จากชายาอวี้แล้ว

    “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? ข้าขอเตือนพวกเจ้า ข้าคือชายาอวี้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ หากพวกเจ้าทำอะไรข้า โทษที่จะได้รับคือประหารชีวิต!”

    หลินเมิ้งหยากลับไร้ซึ่งท่าทีหวาดผวาเหมือนอย่างที่ชายารองตู๋กูคิด ยิ่งไปกว่านั้นนางมิได้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

    ท่าทางยังคงสงบนิ่งและเย่อหยิ่ง

    “น้องสาวที่น่ารักของข้า เจ้าอย่าพยายามหนีไปเลย ไท่จื่อเปรียบเสมือนหยกหายาก พระองค์จะต้องปฏิบัติกับเจ้าอย่างดีแน่นอน”

    ชายารองตู๋กูส่งยิ้มอ่อนโยน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ

    ที่นี่ล้วนมีเพียงคนของนาง หลินเมิ้งหยาคิดจะหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

    “โอ้ นี่มันเรื่องน่าสนุกอะไรกันล่ะนี่ เปิ่นหวังเข้าร่วมด้วยคนจะเป็นไรหรือไม่?”