ตอนที่ 117 ขโมยยา

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 117 ขโมยยา

ตอนที่เจียงป่าวชิงกลับมารวมตัวนอกกำแพงเมือง ป๋ายรุ่ยฮัวกับเฟิ่งเอ๋อร์ก็กลับมาแล้ว

เฟิ่งเอ๋อร์กำลังนั่งหัวเราะอยู่บนไหล่ของซุนต้าหู และออกแรงพูดอยู่อย่างนั้น “สูง ๆ… สูง ๆ”

ป๋ายรุ่ยฮัวมองพวกเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ด้านข้าง วันนี้กล่าวได้ว่าเจียงป่าวชิงยุ่งมาทั้งวันและนางรู้สึกเหนื่อยล้าจริง ๆ  นางเข้าไปทักทายพวกเขาเล็กน้อย จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนรถเพื่อพักผ่อนบนรถสักครู่

ซุนต้าหูสังเกตเห็นถึงสีหน้าเหนื่อยล้าที่อยู่บนหน้าผากของเจียงป่าวชิง เขาก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็อุ้มเฟิ่งเอ๋อร์ลงมาจากบนลำคอของตัวเองและส่งให้ป๋ายรุ่ยฮัว

เฟิ่งเอ๋อร์ยังอาลัยอาวรณ์อยู่ นางอ้าแขนอยากให้ซุนต้าหูอุ้มอีกครั้ง ซุนต้าหูจึงต้องโอ๋นาง “เฟิ่งเอ๋อร์เจ้าต้องไม่ดื้อนะ ข้าจะไปดูว่าน้าป่าวชิงของเจ้าเป็นอะไร”

ป๋ายรุ่ยฮัวกัดริมฝีปากล่าง สีหน้าของนางดูแย่ นางรวบมือที่อ้าออกของเฟิ่งเอ๋อร์กลับมาและพูดด้วยเสียงนุ่มนวล “เฟิ่งเอ๋อร์ไม่ดื้อนะ ให้อาต้าหูไปดูน้าป่าวชิงก่อน ประเดี๋ยวเขาค่อยมาเล่นกับเราใหม่”

เฟิ่งเอ๋อร์เป็นเด็กที่เชื่อฟังมาก นางเห็นแม่ตัวเองพูดเช่นนี้ ถึงแม้ว่านางจะยังรู้สึกน้อยใจอยู่เล็กน้อย แต่นางก็เก็บมือกลับมาและไม่โวยวายให้ซุนต้าหูอุ้มอีก

ซุนต้าหูพยักหน้าให้ป๋ายรุ่ยฮัวเพื่อเป็นการขอบคุณ เขารู้สึกว่าป๋ายรุ่ยฮัวเป็นคนดี อ่อนโยน และมีจิตใจงดงามคนหนึ่ง

ซุนต้าหูเดินไปหาเจียงป่าวชิง เมื่อเขาเห็นเจียงป่าวชิงขดตัวและหลับตาพักผ่อนอยู่ในรถ แต่กลับปกปิดความเหนื่อยล้าบนหน้าผากของนางไว้ไม่มิด เขาจึงรู้สึกปวดใจอยู่เล็กน้อย “น้องป่าวชิง วันนี้ไปทำอะไรที่ตลาดมารึ เหตุใดถึงได้เหนื่อยล้าเช่นนี้ ?”

เจียงป่าวชิงนวดระหว่างคิ้ว “ข้าไปช่วยคนอื่นมาเจ้าค่ะพี่ต้าหู ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่วิ่งไปมาอยู่หลายรอบจนรู้สึกทรมานไปสักหน่อย”

ซุนต้าหูพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงเบา “ยังมีเวลาอีกสองก้านธูปก่อนออกเดินทาง เจ้างีบหลับบนรถก่อนก็ได้”

เจียงป่าวชิงพยักหน้าก่อนจะขานรับด้วยท่าทางเหนื่อยล้าอย่างมาก ซุนต้าหูเห็นนางเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งนึกสงสารในใจ

ป๋ายรุ่ยฮัวมองดูสีหน้าของซุนต้าหูอยู่ไม่ไกล สีหน้าของนางขาวซีดเล็กน้อย นางกอดเฟิ่งเอ๋อร์แน่น จนกระทั่งเฟิ่งเอ๋อร์อดที่จะส่งเสียงร้องออกมาอย่างเสียไม่ได้ “แม่ ข้าเจ็บเจ้าค่ะ”

ลูกสาวบ่นเจ็บ ป๋ายรุ่ยฮัวถึงจะได้สติราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน นางรีบขอโทษเฟิ่งเอ๋อร์ แต่เฟิ่งเอ๋อร์กลับยิ้มและหอมแก้มนางเบา ๆ แต่สีหน้าของป๋ายรุ่ยฮัวกลับไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

เมื่อกลับมาถึงซานหลี่โว ซุนต้าหูกลับบ้านไปให้อาหารล่อแล้ว ป๋ายรุ่ยฮัวเดินตามอยู่ด้านหลังเจียงป่าวชิง นางพูดขึ้นเสียงเบา “ป่าวชิง เจ้ามาที่บ้านข้าหน่อย ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

เจียงป่าวชิงนึกถึงท่าทางที่ไม่ค่อยปกติที่ป๋ายรุ่ยฮัวมีต่อนางในช่วงนี้ นางอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่จึงตอบรับนาง

ตอนที่มาถึงบ้านของป๋ายรุ่ยฮัว เฟิ่งเอ๋อร์ก็หลับไปในอ้อมกอดของป๋ายรุ่ยฮัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ป๋ายรุ่ยฮัวอุ้มเฟิ่งเอ๋อร์เข้าไปในห้องและห่มผ้าห่มผืนบางให้นาง เสร็จแล้วถึงจะออกมารินน้ำให้เจียงป่าวชิง

“ป่าวชิง ข้ารู้เรื่องของเฟิ่งเอ๋อร์แล้ว”

ป๋ายรุ่ยฮัวเริ่มบทสนทนาได้แปลกมาก เจียงป่าวชิงแทบจะสำลักอยู่รอมร่อ

เดิมทีป๋ายรุ่ยฮัวไม่ได้มีหลักฐานอะไร นางเพียงแค่คาดเดาเท่านั้น ทว่าเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจียงป่าวชิง นางก็สูญเสียความมั่นใจทันที นี่ถือว่าเป็นการยืนยันคำตอบของเจียงป่าวชิงในใจ

เจียงป่าวชิงกำลังไตร่ตรองคำพูดเพราะนางต้องการให้ป๋ายรุ่ยฮัวไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ป๋ายรุ่ยฮัวกลับพูดขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ เสียก่อน “เรื่องนี้ ข้ายกโทษให้เจ้า ถือว่าเจ้าติดหนี้บุญคุณข้าอยู่เรื่องหนึ่ง”

‘อะไรนะ ?’ เจียงป่าวชิงคิดว่าตัวเองหูฝาดไป

“ไม่…” เจียงป่าวชิงกระแอมไอน้ำที่เพิ่งสำลักเมื่อสักครู่ ถึงจะรู้สึกสบายในลำคอนิดหน่อย “พี่รุ่ยฮัว นี่พี่หมายความว่าอย่างไรกัน เหตุใดข้าถึงฟังไม่เข้าใจล่ะ ?”

ป๋ายรุ่ยฮัวไม่คิดว่าเจียงป่าวชิงจะยังกล้าแสร้งทำเป็นสับสนในเวลานี้ ใบหน้านางแดงขึ้นเล็กน้อย “เจ้า… เจ้ายังแกล้งโง่อีกรึ ?! …เจ้าเอาเงินครั้งแรกเริ่มมาจากไหน เจ้าไม่รู้ตัวเองหรอกรึ ?!”

เจียงป่าวชิงขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าทางที่เกือบจะเป็นการตำหนิของป๋ายรุ่ยฮัว “พี่รุ่ยฮัว นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? เงินของข้าข้าเป็นคนหามาเอง ต้องเข้าใจอะไรด้วยหรือ ?”

ป๋ายรุ่ยฮัวยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว นางจ้องเจียงป่าวชิงด้วยดวงตาที่แดงก่ำและทั้งตัวของนางสั่นเล็กน้อยเพราะความประหม่า “ข้าบอกว่าข้ายกโทษให้เจ้าแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ยอมพูดความจริงอีก ?!  ได้ เจ้าต้องการให้ข้าพูดมันอย่างชัดเจนใช่หรือไม่ ? เครื่องปรุงยาของเฟิ่งเอ๋อร์ในตอนนั้น หลังจากที่หมอเกิ่งจ่ายยาให้แล้ว เจ้าก็เอาเครื่องปรุงยาเข้าไปต้มยาในห้องครัว แต่ตอนที่เจ้าถือออกมาอีกครั้ง ยาที่เหลืออยู่กลับน้อยลงกว่าเดิมมาก! เห็นได้ชัดว่าเจ้าขโมยยาของเฟิ่งเอ๋อร์เพื่อนำไปขายเป็นเงิน ดังนั้น เจ้าถึงได้มีเงินซื้อเสื้อผ้าปักในภายหลังอย่างไรเล่า”

เจียงป่าวชิงรู้แล้วว่าปัญหาเกิดจากที่ไหน  ตอนนั้นนางยังไม่สนิทกับเกิ่งจื่อเจียง จึงไม่กล้าเปิดโปงว่าตนเองรู้เรื่องวิชาแพทย์ และตอนที่เห็นเกิ่งจื่อเจียงจ่ายยาที่ไม่จำเป็นต้องใช้มาให้มากมาย นางก็ไม่สามารถชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดของเครื่องปรุงยาได้ จึงต้องเลือกเครื่องปรุงยาส่วนเกินออกมาและโยนลงไปเผาในเตา

ดังนั้น ปริมาณของยาจึงน้อยกว่าตอนที่เกิ่งจื่อเจียงจ่ายให้ในตอนแรกจริง ๆ

ปัญหาคือเจียงป่าวชิงไม่สามารถอธิบายให้ป๋ายรุ่ยฮัวเข้าใจได้ว่าที่นางทำเช่นนี้ก็เพราะคำนึงถึงสุขภาพร่างกายของเฟิ่งเอ๋อร์

ป๋ายรุ่ยฮัวเห็นเจียงป่าวชิงเงียบไม่พูดอะไร นางก็คิดว่าเจียงป่าวชิงยอมรับผิดแล้วเป็นธรรมดา นางจึงพูดโดยปกปิดความโกรธไว้ไม่มิด “แล้วเจ้ายังมาแสร้งทำเป็นดีกับเฟิ่งเอ๋อร์ขนาดนั้น แต่เหตุใดเจ้า… เหตุใดเจ้าถึงได้ขโมยยาของนางได้ลงคอ! หากว่าเจ้าขาดเงิน อย่างน้อยเจ้าก็บอกกับข้าตรง ๆ ก็ได้ แต่เจ้ากลับไม่กลัวว่าถ้ายาน้อยลงจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของเฟิ่งเอ๋อร์  ตอนนั้นข้าเห็นยาน้อยลง ถึงแม้ว่าข้าจะงุนงง แต่ข้าก็ไม่อยากไปสงสัยเจ้า  ต่อมา เมื่อข้าเห็นว่าจู่ ๆ เจ้าก็มีเงินไปซื้อนู่นซื้อนี่ ข้าก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าขโมยยาไปขายเป็นเงิน! ในใจข้ากลัวมาก ว่าเหตุใดตอนนั้นข้าถึงได้เชื่อใจเจ้าได้ขนาดนั้น ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ทำเรื่องแบบนี้ แต่ข้ากลับดูเจ้าผิดไป! …ถ้ายาที่ขาดไปทำให้เฟิ่งเอ๋อร์ตาย ข้า… ข้ามีความคิดที่จะฆ่าเจ้าจริง ๆ”

ป๋ายรุ่ยฮัวยิ่งพูดก็ยิ่งประหม่าขึ้นเรื่อย ๆ ตอนหลังนางก็กุมหน้าและร้องไห้ทั้งอย่างนั้น

เจียงป่าวชิงแข็งทื่ออยู่เล็กน้อย นางไม่คิดว่าป๋ายรุ่ยฮัวจะสงสัยนางได้ถึงเพียงนี้  สงสัยว่านางเป็นคนขโมยยาของเฟิ่งเอ๋อร์เพื่อไปขายเป็นเงิน

นี่เป็นการสงสัยในคุณธรรมของนางซึ่งดูถูกนางเอามาก ๆ

เจียงป่าวชิงหลับตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าของนางกลับราบเรียบมาก จากนั้นนางก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พี่รุ่ยฮัว แม้ว่าตอนนี้ไม่ว่าข้าจะพูดอะไร คาดว่าพี่ก็คงจะไม่เชื่อข้าอีกแล้ว แต่ข้ายังอยากอธิบายอีกสักหน่อย ที่ปริมาณยาของเฟิ่งเอ๋อร์ลดลงก็เพราะข้าหวังดีกับนาง พี่ดูจากที่พักหลังนางกลับมาแข็งแรงในไม่ช้า พี่ก็รู้แล้วว่ายาพวกนี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อนาง”

“นั่นเป็นเพราะเฟิ่งเอ๋อร์เป็นคนดีฟ้าเลยคุ้มครองนาง!” ป๋ายรุ่ยฮัวร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ เดิมทีนิสัยของนางค่อนข้างอ่อนโยนและไม่ชอบโต้เถียงกับผู้อื่น แต่นางคิดว่าครั้งนี้นางจะต้องต่อสู้เพื่อหาทางออกให้กับนางและเฟิ่งเอ๋อร์ นางจึงจำเป็นต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อแย่งชิง “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้ายอมรับแล้วว่าเจ้าเป็นคนทำให้เครื่องปรุงยาของเฟิ่งเอ๋อร์น้อยลงจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเจ้าขโมยยาของเฟิ่งเอ๋อร์เพื่อไปขายเป็นเงินจริง ๆ!”

เจียงป่าวชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบสติอารมณ์และพูดอย่างจริงจัง “ข้าจะชี้แจงให้ฟังอีกครั้งว่าเงินทั้งหมดของข้า ข้าได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของข้าเอง พวกมันไม่มีความเกี่ยวข้องกับยาของเฟิ่งเอ๋อร์แม้แต่นิดเดียว”

เจียงป่าวชิงยกมือขึ้นข้างหนึ่ง “ข้ากล้าสาบานต่อฟ้า”

ดวงตาโตของป๋ายรุ่ยฮัวจ้องไปที่เจียงป่าวชิง แต่แล้ว จู่ ๆ นางก็พูดขึ้น “ในเมื่อเงินของเจ้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับเฟิ่งเอ๋อร์ เช่นนั้นก็แสดงว่าเกี่ยวข้องกับต้าหูรึ ?” นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถามคำถามต่อไป ซึ่งคำถามนี้ทำให้เจียงป่าวชิงรู้สึกขนลุกขนพองเลยทีเดียว

“เจียงป่าวชิง เจ้าให้ท่าต้าหูแล้วสั่งให้ต้าหูให้เงินเจ้าใช่หรือไม่ ?”

.