ตอนที่ 118 สิ่งที่เรียกว่าคุณลักษณะ

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 118 สิ่งที่เรียกว่าคุณลักษณะ

เจียงป่าวชิงมองป๋ายรุ่ยฮัวอย่างยากที่จะเชื่อ และเกือบจะในทันใด เจียงป่าวชิงก็เข้าใจได้ว่าเหตุใดป๋ายรุ่ยฮัวถึงก่อกบฏในวันนี้

เจียงป่าวชิงหัวเราะอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

ป๋ายรุ่ยฮัวไม่คิดว่าเจียงป่าวชิงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ นางขมวดคิ้วและมองเจียงป่าวชิงอย่างตำหนิ “เจ้าหัวเราะอะไร มันน่าขำตรงไหนกัน ?”

เจียงป่าวชิงเช็ดน้ำตาที่ติดอยู่ตรงหางตา จากนั้นก็ยืดตัวตรง ถึงแม้ว่ามุมปากของนางจะกำลังยิ้ม แต่ในลูกตาสีดำขลับกลับไร้ซึ่งแววแห่งการล้อเล่น

จู่ ๆ ป๋ายรุ่ยฮัวก็รู้สึกว่าเจียงป่าวชิงที่อยู่ตรงหน้าราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น

“พี่รุ่ยฮัว ที่แท้ใจความสำคัญของพี่ก็อยู่ตรงนี้นี่เอง” เจียงป่าวชิงพูดขึ้นเสียงเบา แต่น้ำเสียงของนางกลับมีความเย็นชาแฝงอยู่เล็กน้อย “พี่กำลังสงสัยว่าข้าไปหาพี่ต้าหูเพราะหวังเอาเงินจากเขาอย่างนั้นรึ ? อย่าว่าแต่ไม่ได้เอาเลย ต่อให้ข้าเอาเงินของเขาจริง ๆ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วย ?”

ป๋ายรุ่ยฮัวไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงตรงหน้าคนนี้จะถามกลับอย่างไม่เกรงใจเช่นนี้ …แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วย ?

ป๋ายรุ่ยฮัวนั่งไม่ติดเพราะคำถามที่ค่อนข้างดูถูกเช่นนี้

หากจะพูดให้ถูกต้อง ต่อให้เจียงป่าวชิงไปหาซุนต้าหูเพราะหวังเอาเงินจากเขาจริง แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับป๋ายรุ่ยฮัวจริง ๆ นั่นแหละ …แล้วเหตุใดป๋ายรุ่ยฮัวถึงใส่ใจเรื่องนี้ขนาดนั้นกันล่ะ ?

จากสิ่งที่เจียงป่าวชิงได้เห็นในทุกวันนี้ คำตอบมันก็เหมือนจริงอยู่แล้ว

ป๋ายรุ่ยฮัวชอบซุนต้าหู นางจึงหยิบยกเรื่องของเฟิ่งเอ๋อร์มาใส่ร้ายเจียงป่าวชิง

เจียงป่าวชิงอยากขำอีกแล้ว

ชอบก็ชอบสิ ความรู้สึกระหว่างชายและหญิงเป็นเรื่องธรรมชาติจะตายไป แต่จู่ ๆ ป๋ายรุ่ยฮัวกลับเล็งน้ำสกปรกมาที่นางเช่นนี้ นี่มันหมายความว่าอย่างไร ?

ป๋ายรุ่ยฮัวหน้าบาง นางไม่ยอมรับง่าย ๆ หรอกว่านางชอบซุนต้าหู นางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่สักพักถึงจะหาข้ออ้างเจอ “ป่าวชิง เรื่องที่เจ้าไปหาต้าหูเพื่อหวังเอาเงินจากเขาน่ะ หากว่ามันถูกเผยแพร่ออกไปก็จะเป็นการทำลายชื่อเสียงของเจ้านะ นี่ข้าคิดแทนเจ้านะ…”

เจียงป่าวชิงยกยิ้มุมปาก จากนั้นนางก็เรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย็นชาและห่างเหิน “พี่รุ่ยฮัว เมื่อสักครู่พี่ยังอยากสู้เพื่อแย่งชิงกับข้าอยู่เลย เหตุใดตอนนี้ถึงเปลี่ยนเป็นคิดแทนข้าได้ล่ะ ?”

ป๋ายรุ่ยฮัวตาแดงก่ำ นางกัดริมฝีปากและเกือบจะเทหมดหน้าตักอยู่แล้ว “เจียงป่าวชิง ได้! ข้าไม่ได้ช่างพูดช่างจาเหมือนเจ้า พูดสู้เจ้าไม่ได้เลยสักนิด! เรื่องมันเป็นอย่างไรเราต่างรู้และเข้าใจดี”

เจียงป่าวชิงลุกขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “เช่นนั้นก็… หากว่าสิ่งที่พี่จะพูดมีเพียงเท่านี้ ข้าก็ขอตัวกลับก่อน วันนี้ยุ่งมาทั้งวัน ข้าเหนื่อยมากและไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วด้วย”

ป๋ายรุ่ยฮัวไม่เคยเห็นเจียงป่าวชิงที่เย็นชาและแข็งกระด้างเช่นนี้มาก่อน นางจึงรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่สักหน่อย

“ป่าวชิง!” ป๋ายรุ่ยฮัวตะโกนเรียกเจียงป่าวชิงจากทางด้านหลังอย่างลุกลี้ลุกลน

เจียงป่าวชิงหยุดฝีเท้าลง

“ข้า… ข้าไม่โทษเจ้าแล้ว เรื่องเมื่อก่อน… เรื่องเมื่อก่อนก็ยกเลิกไปให้หมด ไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว” ป๋ายรุ่ยฮัวพูดจาสับสนจนแทบจะเป็นการวิงวอนร้องขออยู่แล้ว “เจ้า… เจ้าอย่าแย่งต้าหูกับข้าเลยนะ… เฟิ่งเอ๋อร์ นางต้องการพ่อจริง ๆ”

เจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อย แต่นางไม่ได้พูดอะไรและเดินไปด้านนอกต่อ ทันใดนั้น ด้านหลังมีเสียงคุกเข่าดังขึ้นอย่างกะทันหัน

เจียงป่าวชิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพราะรู้แล้วว่าถ้าหันไปตอนนี้จะเจอกับภาพใด

ป๋ายรุ่ยฮัวส่งเสียงร้องไห้โฮออกมาอย่างเศร้าโศกสุดทน “ฮือ ๆ ๆ ป่าวชิง ข้าเป็นแม่หม้ายลูกติด มันยากเกินไปที่จะอยู่คนเดียว เจ้าลองปรับมุมมองความคิดสิว่าถ้าเจ้าเป็นอย่างข้า และได้เจอกับผู้ชายที่ดีที่มีอุปนิสัยดี แล้วยังดีกับลูกของเจ้า เจ้าจะปล่อยเขาไปไหม ? ข้า… ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นเด็กดีและจะเข้าใจข้าอย่างแน่นอน ใช่ไหมป่าวชิง ?”

เจียงป่าวชิงแทบจะส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาอยู่แล้ว เมื่อตอนกล่าวหาข้า เจ้าไม่เชื่อในคุณลักษณะความดีงามของข้า ทว่าเมื่อตอนไม่อยากสู้เพื่อแย่งชิงกับข้าแล้ว ก็กลับบอกว่าเชื่อในคุณลักษณะความดีของข้า ตกลงแล้วในใจของข้าเป็นคนที่มีหรือไม่มีคุณลักษณะกันแน่ ?

เหตุผลที่ชัดแจ้งคือคุณลักษณะของเจียงป่าวชิงคือสามารถทำตามความต้องการของอีกฝ่ายได้ บางครั้งมี บางครั้งก็ไม่มี

“ข้าจะพูดอีกแค่ครั้งเดียวว่าข้าไม่มีเจตนาจะแย่งชิงอะไรกับพี่ ข้ามองว่าพี่ต้าหูเป็นพี่ชายมาโดยตลอด พี่ต้าหูเป็นผู้ชายที่ดี เขามีความคิดของตัวเอง ใช่ว่าฉันไม่แย่งกับพี่แล้วเขาจะเป็นของพี่นะ”

เจียงป่าวชิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยที่ไม่หันกลับมา “ข้ารู้แค่ว่าพี่ต้าหูควรมีสิทธิ์ในการเลือกของเขาเอง ข้าพูดจบแล้ว ลาก่อน”

เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าการที่นางพูดดีด้วยในสถานการณ์เช่นนี้ก็มีน้ำใจพอแล้ว  หลายสิ่งหลายอย่างในวันนี้ทำให้นางเหนื่อยทั้งกายและใจ ทว่าเมื่อกลับไปที่บ้านก็ยังไม่ได้พัก เจียงป่าวชิงยังต้องไปที่บ้านข้าง ๆ เพื่อไปฝังเข็มให้กงจี้ต่อ

ตอนที่เจียงป่าวชิงมาถึงที่นี่ก็เลยเวลานัดมานิดหน่อยแล้ว  ฝูฉูมาเปิดประตูให้และเห็นเจียงป่าวชิง นางก็เม้มปากตลอด แล้วในตอนที่ฝูฉูเดินไปที่ห้องยากับเจียงป่าวชิง ฝูฉูก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเสียงเบา “หากให้พูดตามหลัก ผู้ที่เป็นคนใช้ไม่ควรที่จะพูดมาก แต่สุขภาพของท่านชายเป็นสิ่งที่เป็นห่วงที่สุดในใจของคนที่เป็นลูกน้องและคนใช้อย่างเรา ๆ เช่นนั้นรบกวนแม่นางเจียงช่วยเคร่งครัดกับการรักษาพิษที่ขาของท่านชายหน่อยนะ”

เจียงป่าวชิงเหนื่อยล้ามาก เมื่อได้ฟังคำพูดที่ผสมไปด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมของฝูฉู นา

ก็ขี้เกียจต่อปากต่อคำกลับ แต่เลือกที่จะเดินไปที่ห้องยาอย่างเงียบ ๆ แทน

ฝูฉูถูกเจียงป่าวชิงเมินใส่ มันเหมือนเป็นการปฏิเสธอย่างอ้อม ๆ สีหน้าของนางจึงเหยเกไปเล็กน้อย จากนั้นนางก็อดที่จะกัดริมฝีปากอย่างเสียไม่ได้

ภายในห้องยา กงจี้กับไป๋จีกำลังรออยู่ที่นั่นมาได้สักพักแล้ว

เดิมทีกงจี้รอจนเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นเจียงป่าวชิงเข้ามาโดยที่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ในใจของเขาก็หยุดหงุดหงิดทันที จากนั้นความหงุดหงิดบนใบหน้าก็ค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ

เจียงป่าวชิงไม่พูดพร่ำทำเพลง นางวัดชีพจรให้กงจี้ จ่ายใบสั่งยาที่ใช้สำหรับแช่ขาของวันนี้ จากนั้นก็เดินไปนอนฟุบลงตรงหน้าโต๊ะหนังสืออย่างอ่อนล้า

ไป๋จีหยิบยาเสร็จก็หันกลับมาพบว่าเจียงป่าวชิงนอนฟุบที่โต๊ะหนังสือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ฝูฉูไปต้มยา กงจี้จ้องท่าทางการนอนหลับของเจียงป่าวชิงสักครู่ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและเรียกไป๋จี

เมื่อถึงเวลาฝังเข็ม ฝูฉูก็ปลุกเจียงป่าวชิง

เจียงป่าวชิงตื่นจากความฝัน จากนั้นเสื้อที่พาดอยู่ข้างหลังก็หลุดออกจากบ่าของนาง ซึ่งนางตระหนักได้ในภายหลังว่ามีอะไรบางอย่างคลุมอยู่บนตัวเมื่อตอนที่นางหลับ นางเก็บเสื้อสีเขียวเปลือกไม้ไผ่ตัวนั้นขึ้นมา รูปแบบเสื้อผ้าที่ดูล้ำค่าเช่นนี้ ดูก็รู้แล้วว่าเป็นของใคร นางมองกงจี้อย่างงุนงง

กงจี้หรี่ตาก่อนจะพูดว่า “หากว่าเจ้าเป็นโรคไข้หวัด มันจะยิ่งทำให้การรักษาของข้าล่าช้าลง”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า “คุณชายกง ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล อืม… ข้าจะระวังไว้”

หลังจากฝังเข็มเสร็จไม่นาน เจียงป่าวชิงก็กลับไปนอนฟุบที่โต๊ะหนังสืออีกครั้ง

กงจี้สุดจะทน เขาเรียกไป๋จีทันที “ไป๋จี!”

ครั้งนี้ไป๋จีรู้ตัวแล้ว เพียงแค่เจ้านายเรียกชื่อเขาโดยไม่พูดอะไร เขาก็เข้าไปคลุมเสื้อสีเขียวเปลือกไม้ไผ่ไว้บนร่างของเจียงป่าวชิงทันที  แต่หลังจากที่เจียงป่าวชิงตื่นขึ้นมาในครั้งนี้ นางก็มีความเก้อเขินเล็กน้อย ทว่านางที่ยังคงสติเลอะเลือนก็เห็นว่าตรงมุมเสื้อสีเขียวเปลือกไม้ไผ่ตัวนั้น… เต็มไปด้วยสิ่งที่ใสราวกับน้ำลาย…

เจียงป่าวชิงตัวแข็งทื่อ นางตื่นเต็มตาทันที

สวรรค์โปรด!

นี่นางทำอะไรลงไป ?

ไม่คิดเลยว่าตนจะน้ำลายไหลลงบนเสื้อผ้าของคุณชายกงเช่นนี้…

คุณชายกงผู้ที่มีนิสัยรักความสะอาด คุณชายกงผู้ที่ใครก็ตามสัมผัสเขาเพียงน้อยนิด เขาก็แทบจะฟันผู้ที่มาสัมผัสให้ตายได้คนนั้นนั่นแหละ…

เจียงป่าวชิงหันศีรษะมองไปตรงกงจี้ทั้งที่ร่างกายยังแข็งทื่อ สีหน้านั้นของเขานางคุ้นเคยเป็นอย่างดี

มันเป็นสีหน้าแบบที่อยากจะฆ่านางอย่างที่นางเคยเห็นก่อนหน้านี้ แต่เพราะนางต้องรักษาขาให้เขา เขาจึงไม่สามารถฆ่านางได้ประมาณนั้น

เจียงป่าวชิงป้องไหล่ขวาของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว สีหน้านางยังคงเรียบนิ่งอยู่เช่นเดิม

.