บทที่ 124 แขกไม่ได้รับเชิญ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 124 แขกไม่ได้รับเชิญ

“พี่ซิ่วเอ๋อของเจ้าเป็นคนดี หาสารพัดวิธีเพื่อให้บ้านเราได้กินอิ่ม พรุ่งนี้ตอนเจ้าขึ้นเขาช่วยซานหยาทำเยอะ ๆ เลยนะ อย่าให้ซานหยาเหนื่อย เราจะไปกินข้าวของคนอื่นเฉย ๆ ไม่ได้…..” บัณฑิตจ้าวกล่าวอย่างจริงจัง

“ท่านพ่อ ข้าเข้าใจเรื่องนี้ดีขอรับ” จ้าวเอ้อร์หลางบอกเสียงหนักแน่น

ที่จริงจ้าวเอ้อร์หลางชอบงานนี้มาก ตัดหญ้าอ่อนประหยัดแรงกว่าผ่าฟืนแข็ง ๆ ตั้งเยอะ หลังจากนี้เขาไม่ต้องไปผ่าฟืนขายแล้ว ผ่ามาแค่ที่พอใช้สำหรับทั้งสองบ้านก็พอ ไม่รู้ประหยัดแรงไปตั้งเท่าไร

“เอ้อร์หลาง พ่อรู้ว่าตัวพ่อเองเป็นตัวถ่วงเจ้า ทำให้เจ้าต้องลำบาก” บัณฑิตจ้าวพูดเศร้า ๆ

จ้าวเอ้อร์หลางรีบบอก “ท่านพ่อ วันหลังอย่าพูดเช่นนี้อีกนะ ตอนนี้ท่านเป็นอาจารย์ให้พวกพี่ซิ่วเอ๋อ มีรายได้ทุกเดือนเหมือนกัน ขอแค่พวกเราทำตัวดี ๆ ไม่ทำให้พี่ซิ่วเอ๋อผิดหวัง ชีวิตของเราในวันข้างหน้าต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ”

บัณฑิตจ้าวคิดตาม ก็คิดว่าเป็นตามนั้นจริง ๆ แต่เขาไม่รู้สถานการณ์ที่บ้านจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ ก็นึกรู้สึกผิดอยู่ในใจ เขาคิดว่าชีวิตจางซิ่วเอ๋อเองก็ลำบาก ยังต้องมาช่วยพวกเขาอีก นั่นทำให้เขาชื้นใจจริง ๆ

แต่ในเมื่อตอนนี้เขารับผลประโยชน์จากจางซิ่วเอ๋อ ก็ต้องช่วยจางซิ่วเอ๋อทำงานสุดความสามารถ

กล่าวถึงจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาสองคน ในตอนนี้พวกนางกำลังทำความสะอาดลานบ้าน เนื่องจากทั้งสองกินมากไปหน่อย จางซิ่วเอ๋อจึงกลัวจะท้องเฟ้อ จึงพาจางชุนเถามาฝึกเขียนตัวอักษรในสวน

แสงจันทร์บนฟ้าสว่างไสว สาดกระทบพื้นส่องแสงให้ทั้งลานบ้านเปล่งประกาย

ถึงแม้จะมองไม่ชัดมาก แต่ก็พอขีด ๆ เขียน ๆ ได้

และประเด็นหลักคือพวกนางไม่ใช่แค่เขียน ทั้งสองคนขีดเขียนไปพลางคุยเล่นไปพลาง

ครึ่งชั่วยามผ่านไป จางซิ่วเอ๋อคิดว่าได้เวลาไปนอนแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ไปกันเถอะ เราไปนอนกัน”

“ปึ้งๆๆ” และในเวลานั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังเข้ามา

จางซิ่วเอ๋อชะงัก กลางค่ำกลางคืนใครจะมาบ้านพวกนางกัน?

สีหน้าจางชุนเถาตึงเครียดขึ้นมาเช่นกัน นางมองจางซิ่วเอ๋อและหวังว่าจางซิ่วเอ๋อจะเป็นคนตัดสินใจ

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงเบา “เจ้าไปเอามีดมาให้ข้า และตัวเจ้าเองหาอะไรไว้ป้องกันตัวด้วย พี่ไปถามก่อนว่าคนข้างนอกเป็นใคร? และมีเรื่องอะไร?”

เนื่องจากพวกนางอาศัยอยู่ในป่า หากมีคนชั่วมา ต่อให้พวกนางร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครได้ยิน

จางซิ่วเอ๋อจึงระวังตัวเป็นพิเศษ

“ข้างนอกนั่นใครกัน?” จางซิ่วเอ๋อตะเบ็งเสียงถาม

“ซิ่วเอ๋อ…..ข้าเอง” เสียงละล่ำละลั่กฟังดูทรมานดังมาจากด้านนอก

จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วเอ่ย “สวี่อวิ๋นซาน? กลางค่ำกลางคืนทำไมเจ้าไม่นอน มาบ้านข้าทำไม?”

“ซิ่วเอ๋อ….เจ้าเปิดประตูก่อน” สวี่อวิ๋นซานพูดต่อ

ถ้าเป็นคนอื่นอย่างบัณฑิตจ้าวเข้ามา จางซิ่วเอ๋ออาจจะเปิดประตู แต่นี่เป็นสวี่อวิ๋นซาน จางซิ่วเอ๋อจึงตัดสินใจไม่ได้

ตอนนี้นางกำลังจะตัดความสัมพันธ์กับสวี่อวิ๋นซาน ถ้าสวี่อวิ๋นซานมาแล้วนางเปิดประตู ก็เท่ากับสิ่งที่ทำมาไร้ค่าทั้งหมดเลยน่ะสิ?

แต่พอได้ยินว่าคนข้างนอกคือสวี่อวิ๋นซาน อย่างน้อยจางซิ่วเอ๋อก็หายกลัว

“สวี่อวิ๋นซาน ดึกดื่นแบบนี้ทำไมข้าต้องเปิดประตูให้เจ้าด้วย? เจ้ากลับบ้านไปเถอะ ถ้าแม่เจ้าและน้องสาวเจ้ารู้เข้าว่าเจ้ามาหาข้ากลางค่ำกลางคืนแบบนี้ ข้าต้องมีเรื่องยุ่งโดยใช่เหตุอีก” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง ตัดสินใจว่าอย่างไรซะวันนี้ตัวเองก็เปิดประตูให้สวี่อวิ๋นซานไม่ได้

ขณะนั้นชุนเถากลับมา พอได้ยินคำพูดจางซิ่วเอ๋อจึงวางมีดลงที่โต๊ะด้านข้างและเอ่ยถาม “พี่ ข้างนอกนั่นคือพี่สวี่เหรอ?”

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “ก็ใช่น่ะสิ ไม่รู้ว่ามาทำไมดึกดื่นป่านนี้”

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าสวี่อวิ๋นซานมาหานางในยามวิกาลโดยไม่ได้รับเชิญแบบนี้ช่างบ้าบิ่นอย่างยิ่ง

ปกติสวี่อวิ๋นซานดูเป็นคนซื่อ ๆ นี่ ทำไมถึงมาเคาะประตูแม่ม่ายกลางดึกกลางดื่นล่ะ

จางซิ่วเอ๋อคิดว่าเรื่องแบบนี้อย่าว่าแต่ในยุคโบราณเลย ต่อให้เป็นยุคปัจจุบันก็เกินสมควรไปมาก

“ซิ่วเอ๋อ ข้าขอร้อง เปิดประตูหน่อย ช่วยข้าด้วย……”​ น้ำเสียงสวี่อวิ๋นซานดูฝืนทนและแฝงสะอื้นมาด้วย

จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วชะงัก ทำไมเสียงของสวี่อวิ๋นซานฟังดูไม่ปกติเลยล่ะ คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม?

“พี่…..พี่สวี่เหมือนมีเรื่องสำคัญจริง ๆ นะเจ้าคะ อย่างไรเสียพี่สวี่ไม่ทำร้ายพวกเราหรอก เราเปิดประตูดูเขาหน่อยดีไหม?” จางชุนเถาถามอย่างลังเล

เห็นสายตาอ้อนวอนของจางชุนเถาแล้ว จางซิ่วเอ๋อกุมขมับและบ่นในใจ เอาเถอะ ๆ ถือเสียว่านี่เป็นสิ่งที่ตัวเองติดค้างเจ้าของร่าง ใครใช้ให้นางมายึดร่างนี้ไปล่ะ? เวลานี้สมควรแล้วที่ต้องชำระหนี้รักให้เจ้าของร่าง

ถ้าวันนี้นางไม่เปิดประตู จางชุนเถาอาจจะคิดว่านางเป็นคนเลือดเย็นไร้ความรู้สึกก็ได้

จางซิ่วเอ๋อคิดได้แบบนี้จึงได้แต่เปิดประตู

ขณะเดียวกับที่เปิดประตู จางซิ่วเอ๋อพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้านี่นะ กลางคืนไม่รู้จักนอน มาบ้านข้าทำไม”

เพิ่งจะพูดจบจางซิ่วเอ๋อก็ผงะ

สวี่อวิ๋นซานตรงหน้าเหงื่อเกาะพราวอยู่ที่หน้าผาก ใบหน้าแดงก่ำสายตาเลื่อนลอย อย่างกับคนป่วยหนัก

ชุดบาง ๆ บนตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

เห็นสวี่อวิ๋นซานในสภาพนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ไม่อาจพูดอะไรไม่น่าฟังได้อีก นางยื่นมือไปพยุงสวี่อวิ๋นซาน “เจ้าเป็นอะไรไป? วันนี้ตอนเจอเจ้าเมื่อบ่ายเจ้ายังปกติดีอยู่เลยนี่?”

สวี่อวิ๋นซานกลับฉวยโอกาสที่จางซิ่วเอ๋อพยุงเขาคว้าหมับเข้าที่มือของนาง

กำลังมือของเขาแรงมาก สายตาจดจ้องจางซิ่วเอ๋ออย่างเร่าร้อนและร้องเรียกตาปรือ “ซิ่วเอ๋อ……”

จางซิ่วเอ๋อสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิสูงจนน่าตกใจจากมือของสวี่อวิ๋นซานและเห็นท่าทางของเขา นางโมโหมากและดึงมือตัวเองกลับราวกับแตะโดนเหล็กร้อน

เวลานี้สวี่อวิ๋นซานกลับไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ

จางซิ่วเอ๋อหน้าตาเย็นเยียบ ตบหน้าสวี่อวิ๋นซานเข้าให้หนึ่งฉาด

จางชุนเถาเห็นแบบนั้นแล้วต้องผงะ พี่ใหญ่เป็นอะไรไป? ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงตบเขาล่ะ?

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยขึ้นเสียงโกรธเกรี้ยว “สวี่อวิ๋นซาน เจ้ามีสติหน่อย!”

สีหน้าสวี่อวิ๋นซานเริ่มมีสติขึ้น เขาคลายแรงที่มือ จางซิ่วเอ๋อดึงมือกลับ จ้องสวี่อวิ๋นซานอย่างฉุนเฉียว

ถึงแม้จางซิ่วเอ๋อไม่เคยมีคนรักเลยทั้งสองชาติ แต่นางก็ไม่โง่

ไม่เคยกินหมูแล้วไม่เคยเห็นหมูวิ่งเหรอ? ซีรี่ส์ยุคปัจจุบันไม่ได้เอาไว้ดูเฉย ๆ หรอกนะ สภาพของสวี่อวิ๋นซานเมื่อครู่นี้คือสภาพคนที่กินยาที่ไม่ควรกินเข้าไปชัด ๆ

โดยไม่ต้องคิด จางซิ่วเอ๋อก็รู้ว่าใครเป็นคนใส่ยาให้สวี่อวิ๋นซานกิน

ต้องเป็นน้องสาวของสวี่อวิ๋นซาน หลีฮวาแน่ ๆ

หลีฮวานี่ชอบด่านางว่าไม่รู้จักยางอาย ด่านางว่าสำส่อน หน้าไม่อาย คิดไม่ถึงว่าตัวนางเองกลับมอมยาสวี่อวิ๋นซาน คิดจะทำเรื่องอย่างว่า

…………………………………………