ตอนที่ 114 ศิษย์พี่เสวียนเหมิน

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

เหวินชิงร้องโอดโอยออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ 

 

 

“เจ็บๆๆ…พวกพี่ทำอะไรกัน ปล่อยข้าเร็วเข้า กระดูกของข้าจะหักอยู่แล้ว! ข้าเป็นศิษย์น้องแท้ๆ ของพวกท่านนะ! พวกท่านจะตีข้าก็อย่าใช้อาวุธที่ข้ามอบให้ได้หรือไม่” เขาแก่ขนาดนี้แล้ว! 

 

 

แต่คนอื่นกลับไม่สนใจเสียงร้องของเขา ท่านเทพที่มีลักษณะวัยกลางคนดึงเขาขึ้นมาจากพื้น “เจ้าจะวิ่งหนีทำไม พวกข้ารอเจ้าอยู่ตรงนี้มาหลายวันแล้ว! แต่เจ้ากลับวิ่งหนี บอกมา เจ้าซ่อนความลับอะไรไว้ ถึงได้กลัวที่จะเจอพวกข้าขนาดนี้” 

 

 

“ไม่มี” เหวินชิงคัดค้านเสียงดัง “ศิษย์พี่เจ็ด ท่านจะมาปรักปรำข้าไม่ได้นะ! เมื่อกี้ข้ามองไม่เห็นพวกท่านเท่านั้นเอง ใครจะไปรู้ว่าพวกท่านจะลงมือ! แต่ข้าไม่โทษพวกท่านหรอก รีบปลดโซ่ให้ข้าเถอะ!” หากยังผูกข้าไว้ข้าจะไม่ให้ตำราอธิบายคาถาเสวียนซินแล้ว! 

 

 

อีกฝ่ายไม่คิดจะปลดให้ “เช่นนั้นเจ้าก็บอกมา หลายวันนี้เจ้าไปหลบที่ไหนมา” 

 

 

“ข้า…ข้าออกไปฝึกฝนไง!” เหวินชิงกลอกตาไปมา ก่อนจะอธิบาย “พวกพี่ก็รู้ พลังของข้าไม่แข็งแกร่งเท่าพวกท่าน ข้าจึงคิดอยากจะพัฒนา การออกไปฝึกฝนด้านนอกช่วยเสริมพลังได้ ดังนั้นถึง…” 

 

 

“เหลวไหล!” ชายวัยกลางคนพูดขัดพร้อมกับกวาดตามองเขาด้วยสายตาดุ “เจ้าโกหก ไม่ตีไม่ได้” 

 

 

“ข้าพูดจริง!” เหวินชิงแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว 

 

 

ชายหนุ่มอีกคนด้านข้างรั้งกำปั้นของชายวัยกลางคนไว้ ก่อนจะพูดขึ้น “น้องเจ็ดอย่าใจร้อน ถามเรื่องอาจารย์ให้แน่ชัดก่อน” 

 

 

ชายวัยกลางคนถึงได้นึกขึ้นได้ ก่อนจะถลึงตาใส่เหวินชิงทีหนึ่ง “เกือบจะถูกเจ้าเบี่ยงเบนประเด็นไปแล้ว เจ้าบอกมา ข่าวที่เจ้าส่งมาเมื่อหลายวันก่อนหมายความว่าอะไร” 

 

 

“เอ่อ…” เหวินชิงสีหน้าแข็งทื่อ ก่อนจะพูดอ้อนวอน “พวกท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” จากนั้นก็หันไปหาชายหนุ่มเมื่อครู่นี้ “ศิษย์พี่สอง…” 

 

 

อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเสกคาถาเก็บโซ่บนตัวอีกฝ่ายกลับมา คนอื่นก็เก็บอาวุธของตนกลับมาเช่นกัน ก่อนที่จะถามขึ้นด้วยเสียงทุ้มอีกครั้ง “พูดมา ทำไมถึงส่งข่าวเช่นนั้นให้พวกเรา อีกทั้งคำสั่งของอาจารย์หมายความว่าอย่างไร เจ้า…” เขาชะงักคำที่กำลังจะพูดออกมา มือที่วางอยู่ข้างตัวกำแน่นขึ้นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น สูดลมหายใจเข้าก่อนจะถามออกมาอย่างระมัดระวัง “เจ้าพบกับอาจารย์?” 

 

 

ทันทีที่เขาพูดจบ คนที่เหลืออีกสี่ห้าคนจ้องไปทางเหวินชิงด้วยสีหน้าตึงเครียดปะปนคาดหวัง 

 

 

เหวินชิงถอนหายใจทีหนึ่ง รู้ว่าปิดบังต่อไปไม่ได้ เขากวาดตามองไปยังทุกคนรอบหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น  

 

 

“ความหมายตามที่พูด ข้าพบกับอาจารย์จริง” 

 

 

“ท่านอยู่ไหน”  

 

 

ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าของทุกคนล้วนดีใจ ก่อนจะรุมล้อมเข้ามา พร้อมถามไถ่อย่างรีบร้อน 

 

 

“เจ้าพบอาจารย์ที่ไหน” 

 

 

“ตอนนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีใช่หรือไม่” 

 

 

“ท่านบอกหรือไม่ว่าจะกลับมาเมื่อไร” 

 

 

“พวกข้าจะไปพบท่านตอนนี้ รีบบอกสถานที่กับพวกข้า” 

 

 

“อาจารย์ท่าน…ไม่ได้อยากพบพวกเรา!” เหวินชิงพูดเสียงเบา 

 

 

ทันใดนั้นสีหน้าของทุกคนต่างหม่นหมองลงไป ร่างกายห่อเหี่ยว ท่าทางราวกับถูกทำร้ายอย่างมาก 

 

 

“อาจารย์ท่านไม่อยากถูกคนรบกวน ไม่ว่าพวกเราจะทำอะไร ท่านจะไม่ยุ่งเกี่ยว เพียงแต่ให้ข้ามาเตือนทุกคน อย่าลืมจุดประสงค์ที่ฝึกฝนในตอนแรก” เหวินชิงอธิบายด้วยเสียงทุ้ม 

 

 

ทุกคนเงียบไป สีหน้ากระวนกระวาย 

 

 

ศิษย์พี่เจ็ดพูดขึ้นด้วยความลังเล “อาจารย์…ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของพวกเราใช่หรือไม่ ดังนั้นถึง…เช่นนั้นพวกเรายิ่งต้องอธิบายให้ท่านเข้าใจ หากว่า…” 

 

 

“ศิษย์น้องเจ็ด!” ศิษย์พี่สองพูดขัดเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมา “อาจารย์ไม่อยากพบพวกเรา หากพวกเราไปจริง อาจทำให้ท่านโกรธมากกว่าเดิม” 

 

 

“…” อีกฝ่ายยิ่งห่อเหี่ยวลงไป 

 

 

ศิษย์พี่สองที่มีลักษณะเป็นชายหนุ่มนั้นนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขากวาดตามองเหวินชิงขึ้นลง 

 

 

“อาจารย์ไม่ปรากฏตัวมานับหมื่นปี ทำไมถึงได้ปรากฏตัวมาเตือนพวกเราในเวลานี้ ศิษย์น้องเล็กรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น” 

 

 

“เอ่อ…” เหวินชิงผงะไปทันที เหงื่อตกอย่างต่อเนื่อง “ข้า…ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” 

 

 

“งั้นเหรอ” อีกฝ่ายกลับพูดเสียงทุ้ม ดวงตาลุกวาวจ้องมองเหวินชิง 

 

 

“เช่นนั้นเจ้าไม่อยู่รับใช้อาจารย์ วิ่งกลับมาทำไม” 

 

 

“เฮอะๆๆ…” เหวินชิงหัวเราะแห้ง ก่อนจะพูดขึ้น 

 

 

“เมื่อกี้ข้าบอกแล้ว อาจารย์ไม่อยากให้พวกเราไปรบกวนเขา” 

 

 

“อ่อ” ชายหนุ่มจ้องมอง “ดังนั้นเจ้าไม่ได้ออกไปฝึกฝน?” 

 

 

“…” เหวินชิงสีหน้าซีดเผือด เฮ้ย ศิษย์พี่สองช่างร้ายกาจ! 

 

 

ทันใดนั้นรู้สึกเสียใจหนึ่งร้อยหนึ่งครั้ง ทำไมเขาต้องกลับมาเอาป้ายผ่านทางยมโลกด้วย เขาบุกเข้าไปเลยก็ได้ อย่างไรก็ไม่มีคนกล้ารั้งเขาอยู่แล้ว 

 

 

“บอกมา เจ้าไปทำเรื่องอะไรไว้ ทำไมอาจารย์ถึงโกรธเคืองเช่นนั้น?!” สายตาของชายหนุ่มดุดันมากยิ่งขึ้น เหวินชิงตัวสั่นเล็กน้อย หากเขาไม่พูดความจริงอีก คงได้โดนอีกครั้งเป็นแน่ 

 

 

เหวินชิงรู้สึกน้อยใจในทันใด เมื่อเห็นปิดบังต่อไปไม่ได้ เขาจึงเล่าเรื่องที่พบอาวุธยมโลกในโลกมนุษย์ อีกทั้งพบเจอกับอาจารย์โดยบังเอิญออกมา 

 

 

ในเวลานั้นสีหน้าของทุกคนล้วนดำลงไป ศิษย์พี่เจ็ดของเหวินชิงด่าว่าออกมาโดยตรง 

 

 

“คนของยมโลกบ้าไปแล้วหรือไง ทำไมถึงปล่อยให้มีการรั่วไหลของอาวุธยมโลกได้! นอกจากนี้ยังปล่อยชือเซียวออกมาอีก! น้องเล็กเจ้ารับศิษย์อะไรเข้ามากัน…” 

 

 

เหวินชิงสีหน้าอับอาย 

 

 

ศิษย์พี่สองที่อยู่ด้านข้างถามออกมา “น้องเล็ก เรื่องนี้ศิษย์พี่ใหญ่รู้เรื่องหรือไม่” 

 

 

“น่าจะไม่รู้เรื่อง!” เหวินชิงส่ายหัว “พวกท่านก็รู้ ศิษย์พี่ใหญ่เฝ้าอยู่ที่นั่น…ดังนั้นเรื่องที่ข้าเจออาจารย์ในครานี้ยังไม่ได้แจ้งท่าน” 

 

 

“อืม” ศิษย์พี่สองพยักหน้า เขาครุ่นคิดอยู่สักพักจึงพูดขึ้น “เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราไปสืบให้แน่ชัดก่อน ข้าจะตามเจ้าไปยมโลก คนอื่นกลับไปก่อนเถอะ!” 

 

 

“ศิษย์พี่สอง…” คนอื่นดูท่าทางไม่ยอม 

 

 

“ยมโลกกับพวกเราไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง หากพวกเราไปด้วยกันมากคงไม่ดี อีกทั้งสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเจ้าก็ไม่อาจจากไปได้” เขาพูดปราม 

 

 

ทุกคนถึงได้ก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง ก่อนจะจากไปคนละทิศทางอย่างเสียดาย 

 

 

เหวินชิงกับศิษย์พี่สองกลับไปหยิบป้ายผ่านทางในจวน ก่อนจะเดินทางไปหาหานซูที่ยมโลกด้วยกัน 

 

 

—————— 

 

 

ส่วนสำนักชิงหยางในตอนนี้ 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวใช้เวลากว่าสี่ห้าวัน ถึงได้กำจัดสาวหวาบนตัวของทุกคนจนหมดสิ้น นางนวดไหล่เบาๆ หยิบรายการยาวที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ลังเลว่าจะส่งใบเก็บเงินค่ารักษาไปให้สำนักเทียนซือหรือว่าตระกูลอวี๋ที่เมืองตะวันตก 

 

 

หมอก็ต้องกินข้าวเหมือนกัน จะให้รักษาฟรีได้อย่างไร 

 

 

กำลังจะไปเรียกชายแก่มาปรึกษา แต่ทันทีที่หันตัวกลับพบชายหนุ่มในชุดเขียวยืนอยู่ด้านหลัง ไม่รู้ว่าเขายืนอยู่นานแค่ไหน เห็นเพียงแต่เขามองนางด้วยความฉงน ร่างกายกึ่งโปร่งใสสามารถมองเห็นได้เพียงรางๆ ราวกับพร้อมจะสลายไปทุกเมื่อ 

 

 

“เจ้าเป็นใคร” อวิ๋นเจี่ยวตกใจ แต่ใบหน้ายังคงเคร่งขรึม 

 

 

“เจ้ามองเห็นข้า?!” ชายหนุ่มผงะ สีหน้าดีใจ สักพักเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ จึงทักทายนาง 

 

 

“สวัสดีแม่หญิง ข้าชื่อ…หานซู!” 

 

 

“…”