ตอนที่ 239 คนรู้หน้าไม่รู้ใจ / ตอนที่ 240 คนดูแลรถ

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 239 คนรู้หน้าไม่รู้ใจ

เมื่อออกจากร้านสือเค่อ เมิ่งหนานก็เชิญไป๋จื่อไปนั่งเล่นที่ที่ว่าการอำเภอ

ทว่าไป๋จื่อยังไม่ทันจะตอบว่าไปหรือไม่ หูเฟิงก็กระแอมอย่างแรงเสียงหนึ่ง แล้วใช้สายตาเยือกเย็นมองเด็กสาว แววตาของเขาดูเผินๆ แล้วคล้ายกับไม่ยี่หระ แต่ในสายตาของไป๋จื่อ นั่นกลับเต็มไปด้วยเจตนาข่มขู่มากมายทีเดียว

ไป๋จื่อยิ้มเจื่อน “วันนี้ข้าต้องกลับแล้วเจ้าค่ะ เพราะข้ายังต้องไปหาคนเก็บเกี่ยวแตงดินอีก พรุ่งนี้เถ้าแก่เฉินจะส่งคนไปรับแตงดินแต่เช้า ข้าไม่อาจเที่ยวเล่นได้กระมัง”

เมิ่งหนานรู้สึกผิดหวังอย่างมาก ทว่าก็ได้แต่ตอบรับด้วยความน้อยใจ

รถม้าค่อยๆ เคลื่อนออกไปไกลจากสายตาของพวกเขา ก่อนที่จินเสี่ยวอันจะถอนหายใจยาวเสียงหนึ่ง “คิดไม่ถึงเลยว่าแตงดินจะมีรสชาติเช่นนั้นได้ เกรงว่าคงจะมีแต่แม่นางไป๋ที่มีฝีมือเช่นนี้ เมื่อพวกเราไปจากเมืองชิงหยวนแล้ว ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าทั้งชีวิตนี้จะได้กินอาหารเลิศรสเช่นนี้อีกหรือไม่”

เมิ่งหนานถลึงตามองจินเสี่ยวอันครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “จื่อยาโถวรับปากข้าแล้ว ว่าหลังจากนี้จะไปหาข้าที่เมืองหลวง เจ้าไม่ได้ยินหรือ”

จินเสี่ยวอันอยากพูดนัก เด็กสาวพูดไว้ว่าหากไปเมืองหลวง จะต้องไปหาเขาอย่างแน่นอน แต่หากนางไม่ไปเมืองหลวงเล่า

แต่เมื่อเห็นท่าทางของคุณชาย เขาก็ไม่อยากพูดในแง่ลบ ไม่เช่นนั้นเมิ่งหนานจะต้องรู้สึกผิดหวังอีกครั้งอย่างแน่นอน

ขณะที่ผ่านถนนอันคึกคัก ไป๋จื่อก็เสนอว่าให้ซื้อของสักเล็กน้อยก่อนกลับไป หูเฟิงจึงจอดรถตรงหัวโค้งถนน ที่นี่มีคนทำงานดูแลรถม้าโดยเฉพาะ เพื่อให้สะดวกต่อเจ้าของรถที่อยากไปซื้องในตลาด และไม่ต้องกลัวว่ารถม้าจะถูกผู้ใดขโมยไป

เมื่อรถม้าหยุดลง ก็มีบุรุษสี่ห้าคนล้อมเข้ามา ทั้งหมดมีอายุตั้งแต่ยี่สิบกว่า จนถึงอายุสี่สิบถึงห้าสิบปี

ทุกคนล้วนทำงานของตนเอง พยายามจะทำการค้าขายกับหูเฟิง

สายตาของหูเฟิงกวาดมองทุกคนเบื้องหน้า ก่อนที่เขาจะส่งแส้ในมือให้กับชายหนุ่มอายุสามสิบต้นๆ คนหนึ่ง “รบกวนเจ้าดูแลสักครู่”

ชายหนุ่มดีใจมาก กล่าวขอบคุณไม่ยอมหยุด

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในตลาด ไป๋จื่อถามหูเฟิงว่า “เมื่อครู่คนมากมายเช่นนั้น เหตุใดเจ้าถึงเลือกบุรุษที่ดูท่าทางแล้วไม่ค่อยสุภาพอ่อนโยนเล่า” นางถามเช่นนี้ได้ เพราะบุรุษผู้นั้นเพิ่งอายุได้สามสิบปี บนใบหน้ามีรอยดาบ รอยยิ้มไม่ได้เบ่งบานเหมือนกับคนอื่น ทั้งยังระคนไปด้วยความขู่เข็ญสายหนึ่ง แววตาก็ค่อนข้างน่ากลัวเช่นเดียวกัน

แต่หากเป็นนาง นางก็จะเลือกบุรุษผู้นี้ ทว่าตอนนี้นางอยากรู้ว่าเหตุใดหูเฟิงถึงเลือกเขา

หูเฟิงมองไป๋จื่อที่อยู่ข้างๆ อย่างเฉยชา “คนรู้หน้าไม่รู้ใจ เหมือนน้ำทะเลมหาศาลเหนือประมาณ ยิ่งเป็นคนที่ชอบทำหน้าตาสุภาพอ่อนโยนที่ภายนอก แต่จิตใจข้างในยิ่งชั่วช้า คนที่สุภาพอ่อนโยนอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นต้องสนใจการแสดงความรู้สึกของตนเองหรอก”

“เท่านั้นหรือ” นางเลิกคิ้ว หูเฟิงดูไม่ใช่คนที่มองจากหน้าตาเท่านั้น

ชายหนุ่มกล่าวอีกว่า “ย่อมไม่ใช่ เมื่อครู่มีทั้งหมดเจ็ดคน อายุยี่สิบต้นๆ สามคน อายุประมาณสี่สิบสองคน และอายุประมาณห้าสิบอีกหนึ่งคน ส่วนคนที่อายุสามสิบต้นๆ มีเพียงเขา”

ไป๋จื่อยิ้มจางที่มุมปาก เขาคิดเหมือนกับที่นางคิดไม่มีผิด

หูเฟิงย้อนถามว่า “ตอนนี้เจ้าน่าจะถึงตาเจ้าพูดบ้างแล้ว ว่าเหตุใดข้าถึงเลือกคนผู้นี้”

เด็กสาวซื้อแป้งทอดสองชิ้น ก่อนจะส่งสายตาให้หูเฟิง “เหตุผลมีมากมายนัก รวมกับสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่แล้ว ทั้งหมดมีเหตุผลสี่ข้อ หนึ่ง อายุของเขาเหมาะสม อายุสามสิบต้นๆ เช่นนี้ เขาจะต้องมีครอบครัวแล้วอย่างแน่นอน และลูกของเขาก็ยังโตไม่เต็มวัย เขายอมทำงานเช่นนี้ได้ สถานการณ์ทางบ้านจะต้องยากลำบากยิ่ง เพื่อภรรยาและลูกแล้ว เขายินดีพยายามยิ่งกว่าผู้ใด และคนเช่นเขาไม่มีทางทำเรื่องเลวร้าย ภรรยาในวัยสาว รวมถึงลูกที่ยังเล็ก ถึงแม้จะทำเพื่อครอบครัว แต่เขาก็ไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆ”

……….

ตอนที่ 240 คนดูแลรถ

“ส่วนคนที่เหลือ ชายหนุ่มที่อายุยี่สิบต้นๆ อาจจะยังไม่ได้แต่งงาน หุนหันพลันแล่นได้ง่าย มีโอกาสที่จะทำเรื่องไม่ดีมากกว่าผู้อื่น ส่วนบุรุษวัยกลางคนอายุสี่สิบปี ภรรยาที่บ้านเริ่มอายุมากขึ้น บุตรธิดาก็อาจจะแต่งงานไปแล้ว อายุเช่นนี้นับได้ว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เป็นวัยที่ทำผิดกฎหมายได้ง่าย”

“ส่วนชายชราอายุห้าสิบปีผู้นั้น แข้งขาไม่แข็งแรงแล้วอย่างเห็นได้ชัด ข้าไม่ขอพูดถึงเรื่องอื่น แต่หากเจอผู้ใดต้องการจะแตะต้องรถม้า เขาอาจจะรับมือไม่ไหว ดังนั้นคนที่อายุสามสิบปีผู้นั้นจึงเหมาะสมที่สุด”

หูเฟิงกลืนแป้งทอดคำหนึ่ง แล้วถามว่า “นี่แค่เหตุผลข้อแรกเท่านั้น แล้วข้อสองเล่า”

ไป๋จื่อก็กัดแป้งทอดคำหนึ่งเช่นกัน หลังจากเคี้ยวอย่างละเอียด และกลืนลงคอไปแล้ว นางถึงจะพูดต่อว่า “ข้อสอง หน้าตาของเขาเหมาะสม”

“หมายความว่าอย่างไร” หูเฟิงเลิกคิ้ว

เด็กสาวยิ้มจาง “ก็อย่างที่เจ้าว่า คนรู้หน้าไม่รู้ใจ เหมือนน้ำทะเลมหาศาลเหนือประมาณ คำพูดนี้คนส่วนใหญ่ล้วนรู้ดี แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจและทำได้จริงๆ จังๆ บ้าง”

“ใบหน้าที่มีรอยดาบของเขา สำหรับเขาแล้วเป็นข้อเสีย แต่บางครั้งก็มีข้อดีอยู่บ้าง อย่างน้อยโจรกระจอกทั่วไปเห็นเข้า ก็จะรู้สึกหวาดกลัวอยู่หลายส่วนกระมัง”

หูเฟิงพยักหน้า แล้วกัดแป้งทอดอีกคำหนึ่ง “ข้อสามเล่า”

“ข้อสาม ตอนที่รถม้าของพวกเราหยุดลง แม้เขาและคนอื่นๆ จะล้อมกันเข้ามา เพราะต้องการจะเจรจาค้าขายกับพวกเรา แต่บุรุษผู้นั้นไม่ได้นำเสนอตัวเองและนำเสนอการค้าขายมากเช่นคนอื่น ในบรรดาผู้คน เขาดูน่ากลัวอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด แต่ครั้นเห็นพวกเราแล้ว เขาก็ยังคงตั้งใจเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้พวกเราเห็นรอยดาบบนใบหน้าของเขา ดังนั้น ก่อนหน้านี้เขาต้องถูกคนเข้าใจผิด เพราะรอยดาบบนใบหน้ามก่อนอย่างแน่นอน เขาจึงไม่ได้มีความมั่นใจเช่นนั้น อย่างไรก็ต้องเลือกคนเช่นนี้ เพราะเขาจะต้องปกป้องรถม้าของพวกเขาอย่างเต็มกำลังเป็นแน่”

ชายหนุ่มประหลาดใจอยู่บ้าง ประหลาดใจเพราะความช่างสังเกตและวิธีการขบคิดของไป๋จื่อ นางคิดเหมือนกับตนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน และในเวลาอันสั้นเพียงนี้ หากมองเห็นหลายสิ่งหลายอย่างเช่นนี้ได้ ก็ง่ายนักที่จะมองข้ามบางสิ่งบางอย่างไป

เขาถามว่า “เมื่อครู่เจอบอกว่ามีสี่เหตุผล เช่นนั้นข้อที่สี่คืออะไร”

ไป๋จื่อหยุดฝีเท้าลง แล้วหันกลับไปมองยังรถม้าครั้งหนึ่ง ถึงแม้จะมองเห็นไม่ชัดเจนเพราะว่าห่างออกมาไกลแล้ว แต่นางคล้ายกับมองเห็นอย่างแจ่มแจ้ง บัดนี้รอยยิ้มของนางสดใส มีสีหน้ามั่นใจนัก “เพราะเขาดูเหมือนจะต้องการเงินอย่างมาก ต้องการเงินเสียมากกว่าใครๆ ดูจากแววตาเป็นกังวลของเขาก็รู้แล้ว”

“ในเมื่อเขาต้องการใช้เงินถึงเพียงนั้น เพียงขโมยรถม้าของพวกเราไป เช่นนั้นย่อมได้เงินมาง่ายกว่าไม่ใช่หรือ” หูเฟิงย้อนถาม

เด็กสาวส่ายหน้า “ไม่หรอก เขาเป็นคนท้องถิ่น ทำอาชีพดูแลรถอยู่ที่นี่ คนแถวนี้ล้วนรู้จักเขา เพียงสอบถามสักเล็กน้อยก็รู้ความเป็นมาของเขาแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเช่นนั้นเพื่อหาเรื่องใส่ตัวเองหรอกกระมัง”

หูเฟิงไม่ได้พูดอะไรอีก มีเพียงมุมปากของเขาที่ยกโค้งเล็กน้อย ดูท่าทางอารมณ์ดีไม่หยอก

หลังจากกินแป้งทอดเสร็จแล้ว ไป๋จื่อก็ซื้อผ้าไหมชิ้นหนึ่งให้ผู้เป็นมารดา ขณะนี้เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ นางต้องจัดเตรียมสิ่งของป้องกันความเย็นบางอย่างให้ท่านแม่ ผ้าห่มในบ้านบางมาก ตอนนี้ใช้ห่มนอนหลับยังนับว่าสบาย แต่อีกสักพักเกรงว่าจะไม่เพียงพอแล้ว

“ทางนั้นมีใยฝ้าย ข้าจะไปถามดูหน่อย” ฝีมือเย็บปักถักร้อยของท่านแม่ไม่เลว ซื้อผ้าและใยฝ้ายกลับไปสักหน่อย ในหมู่บ้านมีเครื่องดีดฝ้าย สามารถทำผ้าห่มด้วยตนเองได้

หูเฟิงตอบรับเสียงหนึ่ง แต่สายตากลับมองไปยังแผงขายเครื่องประดับเล็กๆ บนแผงมีเครื่องประดับขนาดเล็กกระจิริดหลายชิ้นวางเรียงรายอยู่ ล้วนเป็นสิ่งของที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่ได้มีราคาแพง และไม่นับว่างดงามเท่าไรนัก

ปิ่นหยกขาวชิ้นหนึ่งในนั้นดูแล้วประณีตทีเดียว มีขนาดเล็กกว่าปิ่นหยกชิ้นอื่นอยู่บ้าง ด้านบนปิ่นสลักดอกไม้ดอกเล็กๆ เอาไว้ด้วย ดูไม่ออกว่าเป็นดอกไม้ชนิดใด อาจจะเป็นเพราะช่างแกะสลักไม่ได้เชี่ยวชาญเท่าไรนัก จึงไม่อาจแกะสลักกลิ่นอายของดอกไม้ออกมาได้